CASE  STUDY 
ขอเขามาได้เดี๋ยวเดียว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสูง 
คุณปู่ของลูก ท่านมาจากเมืองจีน มาถึงเมืองไทยก็มารับจ้างแบกข้าวสาร พอเก็บเงินได้ก็เริ่มรับเหมาก่อสร้าง ทำให้มีฐานะขึ้นมา ก่อนเสียชีวิต คุณปู่ถูกลูกจ้างโกงเงินไปหมด จึงทำให้เครียดและความดันขึ้น เริ่มเลอะเลือนจำอะไรไม่ได้ คุณปู่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ตอนนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. หลังจากที่คุณหมอได้พิสูจน์ว่าคุณปู่เสียชีวิตแล้ว อยู่ดีดี เวลาประมาณ 3 ทุ่ม คุณปู่ก็ฟื้นขึ้นมา แล้วพูดกับพ่อของลูกว่า.... ให้ทำความดีไว้ นรกสวรรค์มีจริง อย่าทำไม่ดีนะ ขอเขามา เขาอนุญาตให้มา ถึงมาได้..... หลังจากนั้นเวลาประมาณตี 3 คุณปู่ก็จากพวกเราไปอย่างสงบ อายุประมาณ 60 ปี
คุณย่าของลูก ท่านไม่ค่อยชอบคุณพ่อและคุณแม่ของลูก แต่คุณพ่อก็จะนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อขายของได้ไปให้คุณย่าเก็บ หมด เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของคุณย่า ในช่วงที่ลูกเรียนจบชั้น ป.1 คุณย่าต้องการซื้อทาวเฮาส์ 2 หลังซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน คุณพ่อต้องรับงานพิเศษเพิ่ม จนสามารถเก็บเงินซื้อทาวเฮาส์ได้สำเร็จทั้งสองหลัง ก่อนจะซื้อทาวเฮาส์นี้ คุณย่าอาศัยอยู่กับครอบครัวของลูก น้าสาว(น้องสาวของพ่อ) และพี่ชาย(ซึ่งเป็นลูกของลุง) แต่เมื่อย้ายมาอยู่ทาวเฮาร์นี้แล้ว ต่อมาคุณย่าก็ให้คุณพ่อย้ายออกจากทาวเฮาส์ไป แล้วคุณย่าก็อาศัยอยู่กับพี่ชาย(ซึ่งเป็นลูกของลุง) หลังหนึ่ง และอีก 1 หลังให้น้าสาว(น้องสาวของพ่อ) อยู่กับครอบครัวของเขา คุณพ่อจึงต้องพาคุณแม่และลูกๆ ย้ายออกมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่คุณพ่อก็ไม่เคยน้อยใจหรือต่อว่าโชคชะตาเลย..คุณพ่อกลับมองว่าท่านโชคดีกว่าอีกหลายๆคนที่ไม่มีเหมือน...ท่านที่ยังมีลมหายใจให้ได้ต่อสู้และทำสิ่งดีๆ....ท่านรุ้สึกโชคดีจริงๆ...
คุณพ่อของลูก เรียนจบแค่ ป.4 ประกอบอาชีพค้าขายของชำ ตอนเด็ก ๆ ท่านเคยเป็นเด็กวัดอยู่กับหลวงตาแถววัดใกล้บ้าน หลวงตาเคยสอนให้คุณพ่อนั่งสมาธิเพ่งกสินสีเขียว (ตามสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) คุณพ่อเล่าว่าหลวงตาเคยพาท่านไปดูนรก-สวรรค์ และคุณพ่อสามารถเห็นวิญญาณเร่ร่อนได้ จึงทำให้คุณพ่อเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมและทำบุญในพระพุทธศาสนาตามกำลัง แต่คุณแม่ของลูกไม่ค่อยเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม มักจะทำบุญไหว้เจ้าตามประเพณีชาวจีน
ลูกเป็นลูกสาวคนโต ในจำนวนลูกสาวทั้งหมด 3 คน ตอนลูกเกิดมาได้ 40 วัน คุณปู่ของลูกได้เสียชีวิตลง คุณแม่อุ้มลูกไปในงานฌาปนกิจด้วย หลังจากที่กลับจากงานศพคุณปู่ ลูกเป็นไข้ ตัวร้อนมาก แม่จึงรีบพาไปพบแพทย์ที่คลินิกใกล้บ้าน แต่กินยาเท่าไหร่ ก็ไม่หาย คุณแม่จึงใช้วิธีที่คนจีนนิยมกันคือ “การตอกไข่ถามเจ้า” โดยเอาไข่มาตอกใส่ถ้วยเพื่อเป็นการเซ่นเจ้า และมีคนทรงเจ้าเป็นสื่อกลางในการตอบคำถาม คนทรงบอกว่าที่ลูกเป็นไข้ไม่หายนั้นเนื่องจากไม่ถูกกับคนตาย จึงแนะนำว่า แต่นี้ไปอย่าให้ลูกไปงานศพหรือทุกที่ที่มีศพคนตายฝังอยู่ จนกว่าจะอายุครบ 9 ปี และคุณแม่ก็ได้เอาฮู้หรือยันต์ที่ได้รับมาเผาแล้วใส่ลงในน้ำให้ลูกดื่ม แล้วอาการป่วยของลูกก็หาย อีกทั้งตอนเด็กๆ ลูกป่วยบ่อย คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่าจะต้องหาพ่อแม่บุญธรรมมาเลี้ยง คุณย่าจึงนำลูกไปฝากกับคนทรงเจ้าคนหนึ่ง โดยที่ลูกไม่เคยได้เห็นหน้าคนทรงเจ้าท่านนี้เลย
เมื่อลูกโตขึ้น อายุประมาณ 5 ขวบ อยู่ชั้นอนุบาล 3 พออ่านตัวเลขได้แล้ว จะมีญาติ ๆ โดยเฉพาะน้องสาวพ่อ มาถามตัวเลขที่จะออกในแต่ละงวด แล้วลูกก็จะทวนคำถามนั้นอยู่ในใจ สักพักคำตอบก็จะลอยขึ้นมาให้เห็นเป็นตัวเลขอยู่ภายในตัว ลูกไม่รู้ว่าตัวเลขนั้นมาจากที่ไหน แต่ก็ตอบออกไปตามที่ได้เห็น และถูกทุกครั้ง บางครั้งลูกก็ยังเห็นตัวเลขเป็นเงาขึ้นมาให้เห็นบนกำแพงด้วยคะ ทำให้ญาติและคนรู้จักถูกหวยรวยกันไปเป็นสิบ ๆ คน ..สำหรับตัวลูกเองก็ฝันว่าอยากรวยกับเขาบ้างเหมือนกันค่ะ...
ต่อมาลูกสอบเอ็นทรานต์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ ในสาขากายภาพบำบัด และได้มารู้จักกับพี่ชมรมพุทธฯ จากการสอบตอบปัญหาธรรมะ “ทางก้าวหน้า” ครั้งที่ 17 และได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2541 ซึ่งตอนนั้นสื่อเริ่มมีการออกข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ พอได้มาสัมผัสกับตัวเองจึงรู้ว่าที่สื่อต่าง ๆ ออกข่าวมานั้นบิดเบือนจากความเป็นจริงมากแค่ไหน แต่หลังจากวันนั้นลูกก็ไม่ได้มาวัดเลยคะ จนกระทั่งถึงงานมอบโล่ห์ “ทางก้าวหน้า” ในวันมาฆบูชา
ในวันนั้นเองลูกได้ยินเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นครั้งแรก ลูกรู้สึกประทับใจมาก เพราะเป็นเสียงที่มีความไพเราะ เสมือนว่าเข้าไปประทับอยู่ในใจของลูกอย่างไม่มีวันลืม และวันนั้นลูกก็ได้คำตอบที่ค้นหามานาน นั่นก็คือ “เราเกิดมาสร้างบารมี” และตั้งแต่นั้นมา ลูกก็มีโอกาสได้ช่วยงานที่ชมรมพุทธศาสตร์ฯจุฬาฯ แต่พอช่วงตอนปี 2 เทอม 2 ลูกต้องเรียนหนักมาก และช่วงนั้นลูกต้องรับหน้าที่ทำจดหมาย ประสานงานสถานที่และอุปกรณ์ เพื่อเตรียมจัดงานปฐมนิเทศธรรมทายาท  และที่สำคัญเป็นช่วงที่ต้องสอบปลายภาค ซึ่งหนักมากเพราะมีวิชายาก ๆ อยู่หลายวิชา  อีกทั้งลูกก็เป็นโรคไมเกรนและเม็ดเลือดน้อยกว่าปกติอีกด้วย
ลูกจึงต้องใช้ความคิดอย่างมาก ว่าจะเอาอย่างไรดี จะรับทำงานปฐมนิเทศนี้ดีหรือไม่ แล้วคืนนั้นลูกก็ฝันว่าได้ไปยืนอยู่ที่หน้าทางเข้า 1 ของสภาธรรมกายสากลฯ พอมองไปที่ถนนเลียบข้างสภาฯ ฝั่งหมู่บ้านปฏิบัติธรรม ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งลูกไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเข็นรถเข็นเดินมาอย่างช้า ๆ ในรถคันนั้นมีคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ 
ขนนกยูง นั่งอยู่ แล้วภาพนั้นก็ซูมเข้ามาใกล้ จนเห็นใบหน้าที่ผ่องใสมากของท่านได้อย่างชัดเจน 
        คุณยายก็พูดว่า “สู้” คำเดียวสั้น ๆ แล้วลูกก็สะดุ้งตื่น ลูกจึงอธิษฐานว่า “ถ้าลูกจะได้รับบุญจัดงานนี้จริง ๆ ไม่ว่าลูกจะอ่านตรงไหน ก็ขอให้ข้อสอบออกตรงนั้น เนื้อหาตรงไหนไม่ได้อ่านก็ขออย่าให้ออกเลย” แล้วลูกก็ต้องแปลกใจ เพราะเป็นไปตามคำอธิษฐาน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ลูกได้จัดงานปฐมนิเทศธรรมทายาท และได้เข้ามาอบรมธรรมทายาทหญิง ...ลูกยังประทับใจช่วงที่อบรมธทญ.ได้ไม่เคยลืมเลือนเลยค่ะหลังจากอบรมธรรมทายาทหญิงลูกก็ได้เข้าไปช่วยงานชมรมพุทธฯ อย่างเต็มตัว ร่วมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันอีกหลายคน ช่วงนั้นเองที่ลูกรับบุญอยู่ที่ชมรมพุทธฯอย่างหนัก ประกอบกับการเรียนที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ต้องเข้าเรียนตอน 8 โมงเช้า และทำ Lab ต่อจนถึงทุ่มตรง เป็นอย่างนี้ทุกวัน
ทำให้ลูกต้องใช้เวลาช่วงเที่ยง ในการรับบุญทำจดหมายด้วยพิมพ์ดีดไฟฟ้าให้เสร็จ บ่อยครั้งที่ลูกไม่ได้ทานอาหารกลางวัน สุขภาพของลูกจึงไม่ดีนัก  ลูกจึงเริ่มคิดว่าเราจะไหวไหม  แล้วคืนนั้นลูกก็ฝันว่าคุณยายมาเข้าฝันลูกเป็นครั้งที่สอง และพูดกับลูกสองคำว่า “สู้นะ” แล้วลูกก็ตื่นขึ้น
ต่อมาภายหลัง อาการป่วยของลูกที่เป็นไมเกรนและเม็ดเลือดน้อยกว่าปกติก็ดีขึ้น หลังจากจบมหาวิทยาลัย ลูกก็ได้ทำงานเป็นนักกายภาพบำบัด part time ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งประมาณ 8 เดือน จนมีโอกาสได้มาเข้าโครงการสมาธิแก้ว และได้พบกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ชักชวนให้มาสร้างบารมีเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่วัด ได้มาช่วยรับบุญเป็นครูแก้ว อยู่ในส่วนของการประเมินคุณภาพการศึกษา และสุดท้ายก็ได้มีโอกาสเข้าโครงการบัณฑิตแก้ว ช่วยงานในส่วนของการสอบตอบปัญหาธรรมะ “ทางก้าวหน้า” รับหน้าที่ทำเอกสารโครงการฯ คู่มือการอบรมและการจัดกิจกรรม ดูแลการจัดสอบและศูนย์สอบฯ แต่แล้วชีวิตการเป็นบัณฑิตแก้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนแปลง เพราะโรคกระดูกหลังคด ซึ่งลูกเป็นมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ แม้ลูกจะยังทำงานได้ และแพทย์ก็ให้การรับรองว่าจะไม่มีการก้าวหน้าของโรคอีกเพราะกระดูกหยุดการเจริญเติบโตแล้ว แต่ก็ทำให้ลูกมีชีวิตการสร้างบารมีในวัดได้เพียง 4 ปี เท่านั้นเองคะ
คำถาม
1. คุณปู่มีบุพกรรมใดคะ จึงมีความจำเลอะเลือน, ตอนตาย คุณปู่ฟื้นขึ้นมาได้อย่างไรคะ ทั้ง ๆ ที่หมอก็ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว , คุณปู่ขออนุญาตใครมาคะ จึงฟื้นขึ้นมาได้ , คุณปู่ตายแล้วไปอยู่ไหนคะ ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้ท่านไหมคะ ท่านมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้างคะ
2. วิบากกรรมใดทำให้พ่อต้องย้ายออกจากทาวเฮาส์ แม้ว่าทาวเฮาส์ นั้นจะซื้อด้วยเงินของคุณพ่อก็ตาม , คุณแม่และลูก ๆ มีวิบากกรรมนี้ร่วมกับคุณพ่อมาอย่างไรคะ
3. ตอนเด็ก ๆ คุณพ่อชอบนั่งสมาธิกับหลวงตา จนบอกว่าหลวงตาเคยพาไปดูนรกสวรรค์ และเห็นวิญญาณเร่ร่อนได้ คุณพ่อเห็นจริงหรือไม่คะ สิ่งที่คุณพ่อเห็นคืออะไรคะ
4. ทำไมตอนเด็กเมื่อกลับจากงานศพคุณปู่ ลูกถึงป่วยแล้วรักษาแผนปัจจุบันไม่หาย แต่หายเพราะกินฮู้(ยันต์)ของคนทรง และกรรมใดเป็นเหตุทำให้ลูกไม่เคยไปงานอวมงคลหรือพบเห็นคนตายเลย จนอายุ
18 ปีคะ  , และเพราะเหตุใดลูกถึงถูกพาไปฝากเป็นลูกของคนทรงเจ้าคะ
5. ตัวเลขที่ลูกเห็นในตอนเด็กนั้นเป็นเพราะเหตุใดคะ ทั้งหมดเพราะเคยเกี่ยวข้องกับทางด้านไสยเวทย์หรือไม่อย่างไรคะ
6. ที่ลูกฝันเห็นคุณยายอาจารย์ 2 ครั้งนั้น เป็นเพียงความฝันหรือว่าคุณยายอาจารย์ท่านมาจริง ๆ หรือไม่คะ และเพราะเหตุใดจึงฝันเห็นคุณยายคะ
7. วิบากกรรมใดที่ทำให้ลูกกระดูกหลังคด ทำให้สามารถสร้างบารมีในวัดได้เพียง 4 ปี ลูกจะแก้ไขวิบากกรรมนี้ได้อย่างไรคะ จะมีโอกาสได้สร้างบารมีกับหมู่คณะต่อไปหรือไม่ อย่างไรคะ
8. ลูกได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับเพื่อนๆ 4 คน ที่เคยช่วยงานชมรมพุทธฯ มาด้วยกัน จนกระทั่งทุกคนมาวัดอย่างสม่ำเสมอ ลูกและเพื่อน ๆ ทำบุญร่วมกันมาอย่างไรคะ ทำไมถึงได้สร้างบารมีร่วมกันตั้งแต่อยู่ชมรมพุทธฯ คะ
9. ปัจจุบันตัวลูกต้องใส่คอนเทคเลนท์ และเพื่อนผู้ชายต้องใส่แว่นเพราะเป็นโรคสายตาสั้น เป็นเพราะวิบากกรรมใดคะ , ส่วนเพื่อนผู้หญิงของลูกสองคน คนหนึ่งเป็นโรคกระดูกหลังคด อีกคนเป็นโรคทรอมโบซิส คือเลือดเกิดการแข็งตัวไปอุดตันเส้นเลือดที่ขา เป็นเพราะวิบากกรรมใดคะ และจะมีโอกาสหายหรือไม่คะ
10. ในพุทธันดรที่ผ่านมาตัวลูกมีหน้าที่อะไรในกองทัพธรรม เคยบวชกับหมู่คณะหรือไม่อย่างไรคะ มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรคะ ลูกจะมีโอกาสได้เป็นชายและบวชตลอดชีวิตใน ภพชาติต่อไปไหมคะ
11. พ่อ แม่ และน้องสาวทั้งสองมีสายบุญกับหมู่คณะมาบ้างไหมคะ ทำอย่างไรลูกจึงจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับครอบครัวลูกได้สำเร็จค่ะ
กราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสูง
 ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
1. “คุณปู่” มีความจำเลอะเลือนและตายแล้วฟื้น เพราะ....ปู่ตอนมีชีวิตเวลาค้าขายบางทีก็ “โกหก” ทั้งที่ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง รวมกับความเสื่อมของสังขารจ่ะ !
- ตายใหม่ ๆ ได้ถูกเจ้าหน้าที่เขตซึ่งเป็นภุมมเทวา กำลังมารอรับตัวไป แต่ปู่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่กลับมาบอกครอบครัวก่อน เจ้าหน้าที่ก็อนุญาต กอปรกับสายบุญที่เชื่อมหัวต่อกายก็ยังมีอยู่บาง ๆ จึงกลับมาเข้าร่างได้จ่ะ !
 
- ตายแล้ว ก็ไปเป็นภุมมเทวาชั้นดี อยู่ในหมู่บ้านภุมมเท-วาแห่งหนึ่ง , ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วจ่ะ !
 
2.    “พ่อ”   ต้องย้ายออกมาจากทาวเฮาส์   ทั้ง ๆ ที่ซื้อด้วยเงินของตนเอง   เพราะ.....กรรมในอดีต   คุณพ่อเป็นลูกชายคนโต   เมื่อบิดาเสียชีวิต   ก็ได้บีบให้น้อง ๆ ออกจากบ้านไป   วิบากกรรมนี้มาส่งผลจ่ะ !
- คุณแม่และลูก ๆ ก็ได้เกิดเป็นภรรยาและบุตรของท่านในชาตินั้น ได้พลอยอนุโมทนาบาป โดยการมีจิตยินดีในการกระทำของพ่อจ่ะ !
 
3.    ตอนเด็ก ๆ คุณพ่อชอบนั่งสมาธิกับหลวงตา   หลวงตาได้บอกว่า   คุณพ่อไปนรก - สวรรค์   ได้เห็นกายละเอียดเร่ร่อนได้นั้น   ก็เป็น “สมาธิ” ระดับหนึ่ง   ที่สามารถเห็นได้   แต่เป็นนิมิตเลื่อนลอยที่เกิดภายนอก     จึงไม่ควรเอามาเป็นเรื่องเป็นราวหรือน่าประทับใจจ่ะ !
4.    ตอนเด็ก   เมื่อลูกกลับจากงานศพของคุณปู่  ,  แล้วป่วยรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันไม่หาย   แต่มาหายด้วยการกินฮู้(ยันต์)ของคนทรงนั้น   ความจริงไม่ได้หายเพราะกินยันต์ของคนทรง    แต่ว่าอาการป่วยนี้เกิดขึ้นจากลูกตอนนั้นยังเด็ก   เมื่อเปลี่ยนสถานที่ก็ทำให้เกิดอาการป่วยได้   และอาการป่วยนี้หากให้แผนปัจจุบันรักษาต่อไปก็หายได้  ,  แต่ด้วยความเชื่อดั่งเดิมของครอบครัว   เชื่อถือทรงเจ้าเข้าผี   จึงนำไปรักษาทางนั้น   เพราะโรคนี้รักษาก็หาย   ไม่รักษาก็หายจ่ะ !    
- ลูกไม่ได้มีกรรมอะไรที่ทำให้ไม่เห็นงานอวมงคล แต่ว่ามี “เชื้อ” เชื่อสิง ๆ ทรง ๆ ข้ามชาติมา จึงเชื่อดังนั้นและก็ถูกนำพาให้ไปเป็นลูกของคนทรงจ่ะ !
 
5.    ตัวเลขที่ลูกเห็นตอนเป็นเด็กนั้น   เกี่ยวเนื่องจากในอดีตลูกเคยนับถือทรงเจ้าเข้าผี   และเป็นเจ้ามือหวยและชาตินั้นมักจะอธิษฐานว่า   ให้มีตาทิพย์หรือญาณสังหรณ์   ให้เห็นหวยได้ภายหลังจากทำบุญสงเคราะห์โลกแล้ว  ,  ดังนั้นเมื่อบุญดังกล่าวส่งผล   จึงทำให้คำอธิษฐานเป็นไปดังปรารถนา ประเดี๋ยวประด๋าวเมื่อวัยเด็กจ่ะ !
6.    ที่ลูกฝันเห็นคุณยายอาจารย์  2  ครั้งนั้น   เพราะบุญที่เคยสร้างมากับคุณยายบันดาลให้ฝันไป     อีกทั้งอานุภาพของวิชชาธรรมกายที่คุณยายท่านทำเป็นประจำอยู่จ่ะ !
7.    ลูก “กระดูกหลังคด” ทำให้สร้างบารมีที่วัดได้แค่  4  ปี   เพราะ....กรรมในอดีต   ได้ตีงูที่หลัง   เพื่อไล่มันออกจากบ้านจนหลังมันบาดเจ็บ   มาส่งผลจ่ะ !
- จะแก้ไข ก็ให้สั่งสมบุญทุกบุญ ทั้งทาน , ศีล , ภาวนา แผ่เมตตา , ปล่อยสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ แล้วอธิษฐานจิตให้พ้นจากวิบากกรรมนี้ ให้เจอหมอดียาดีมารักษาให้หายจ่ะ !
 
8.    ลูกได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้เพื่อน  4  คนที่มาช่วยงานชมรมพุทธ   จนกระทั่งทุกคนมาเข้าวัดสม่ำเสมอนั้น   ก็เพราะ เคยเป็นกัลยาณมิตรให้เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา   โดยทั้งหมดเป็น “กุลบุตร” และ “กุลธิดา” จ่ะ !
9.    ปัจจุบันลูกใส่คอนแทคเลนส์   เพื่อผู้ชายสายตาสั้นต้องใส่แว่น   เพราะ.....กรรมในอดีตได้เป็นเพื่อนกัน   ได้ไป “ล้อเลียน” เพื่อนที่สายตาสั้นใส่แว่นหนาเตอะ   จนเพื่อนคนนั้นรู้สึกอับอาย   วิบากกรรมนี้มาส่งผลจ่ะ !
- ส่วนเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรค “กระดูกหลังคด” เพราะ....ในอดีตได้ใช้ “ลาตัวเล็ก” แบกของหนักเกินตัวมาส่งผลจ่ะ !
 
- อีกคนหนึ่งเป็น “โรคทรอมโบซิส” คือ เลือดเกิดการแข็งตัวไปอุดตันเส้นเลือดที่ขา เพราะ....กรรมในอดีต ได้เป็นข้าราชการที่ดูแลเรื่อง
 - “งบประมาณ” ซึ่งมีหน้าที่กันงบประมาณส่งไปยังหัวเมืองต่าง ๆ , ซึ่งหลายครั้งได้ “ดึงงบ” เอาไว้โดยให้เงินช้าทำให้ประชาชนเดือดร้อน , รวมกับกรรม “ล่ามสัตว์” ที่ขา เพื่อฆ่าเป็นอาหารมาส่งผลจ่ะ !
 
- ให้สั่งสมบุญทุกบุญให้มาก ๆ แล้วอธิษฐานจิตให้เจอหมอดียาดีมารักษาให้หายได้จ่ะ !
 
10.    พุทธันดรที่ผ่านมา   ลูกเป็น “กุลธิดา” ที่เบื่อหน่ายในการครองเรือน   ได้ตั้งความปรารถนาที่จะประพฤติพรหมจรรย์  ,  ได้เป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะ  ,  มีผลการปฏิบัติธรรมได้ดวงใสพอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้จ่ะ !    
- ถ้าอยากเป็นผู้ชายได้บวชในภพชาติต่อไป , ลูกก็จะต้องประพฤติพรหมจรรย์ , ให้ถือศีล 8 ตลอดชีวิต และมีจิตเบื่อหน่ายในความเป็นหญิง แล้วสั่งสมบุญทุกบุญ และอธิษฐานจิตให้ได้เกิดเป็นผู้ชาย ได้บวชบ่อย ๆ จ่ะ !
 
11.    พ่อ - แม่  และน้องสาวทั้งสอง   มีสายบุญกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”   โดยบางชาติพ่อ - แม่ก็เจอหมู่คณะ   บางชาติก็ไม่เจอกันจ่ะ !     แต่มีสายบุญน้อยกับหมู่คณะ
- ลูกก็ต้องใจเย็น ๆ อดทน ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับท่าน และเมื่อลูกทำบุญทุกบุญแล้วก็หมั่นอธิษฐานจิตให้ท่านได้มาสร้างบารมีกับหมู่คณะจ่ะ !
 
- ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !
 









