
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่มีความสูงเฉลี่ยสูงสุดในโลก แต่เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา พลเมืองจากชาติอื่น สูงแซงหน้าชาวอเมริกันไปแล้ว โดยเฉพาะชาวยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตก
ขณะที่ชาวเอเชียที่ขึ้นชื่อเรื่องความเตี้ย ก็เริ่มมีความสูงเฉลี่ยเกือบเท่ากับชาวอเมริกัน
เกิดอะไรขึ้นกับอเมริกา? ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชาติร่ำรวย เป็นชาติมหาอำนาจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ "ที่สุดในโลก" มักอยู่ในประเทศแห่งนี้?
จากข้อมูลในเว็บไซต์ Wikipedia รวบรวมความสูงเฉลี่ยของชาติตะวันตกต่างๆ พบว่า
ชาวฟินแลนด์ เพศชาย มีความสูงเฉลี่ย 178.2 เซนติเมตร หญิง 164.7 เซนติเมตร รัสเซีย เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 176 เซนติเมตร หญิง 164 เซนติเมตร อังกฤษ เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 177 เซนติเมตร หญิง 163.2 เซนติเมตร ฝรั่งเศส เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 176.6 เซนติเมตร หญิง 164 เซนติเมตร สวีเดน เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 180 เซนติเมตร หญิง 166.9 เซนติเมตร
ส่วนชาวเอเชียนั้นพบว่า
ชาวญี่ปุ่น เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 172.18 เซนติเมตร หญิง 158.92 เซนติเมตร เกาหลีใต้ เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 173.6 เซนติเมตร หญิง 161 เซนติเมตร สิงคโปร์ เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 171 เซนติเมตร หญิง 161 เซนติเมตร ไต้หวัน เพศชายมีความสูงเฉลี่ย 171.38 เซนติเมตร หญิง 159.08 เซนติเมตร
ขณะที่ความสูงเฉลี่ยของชาวอเมริกัน ถ้าเป็นเพศชายจะอยู่ที่ 175.8 เซนติเมตร หญิง 162 เซนติเมตร
ความสูงสำคัญนักหรือ?
ในแง่ของนักเศรษฐศาสตร์มักเห็นว่า ความสูงของชนชาติมีความสำคัญอย่างมาก เพราะความสูงมีส่วนสัมพันธ์กับการอยู่ดีกินดีของประชาชน คนที่สูงกว่า มักมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่า ร่ำรวยกว่า มีอายุขัยเฉลี่ยมากกว่า และมีหลายคนเห็นพ้องว่า ฉลาดกว่าด้วย
![]() |
การที่ความสูงของชนชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่นักเศรษฐศาสตร์มอง เพราะความสูงของประชาชนเป็นการระบุว่า รัฐบาลของประเทศนั้นๆ มีความพร้อมในการดูแลประชาชนอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เยาวชนกำลังเจริญเติบโต
จอห์น คอมลอส นักประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมิวนิก ประเทศเยอรมนี ใช้เวลาในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ค้นหาเหตุผลว่า ทำไมชาติอื่นถึงสูงแซงหน้าชาวอเมริกัน
คอมลอส กล่าวว่า ที่จริงชาวอเมริกันก็ไม่ได้เตี้ยนัก อัตราความสูงมีมากกว่าประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็ไม่ได้ถึงจุดสูงสุดเท่าที่ควรจะเป็น ก็เพราะปัจจุบันชาวอเมริกัน รับประทานอาหารแย่ลง ระบบประกันสุขภาพแพงเกินไป ทำให้ประชาชนได้รับการบริการทางสาธารณสุขไม่เท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ เด็กอเมริกันรับประทานอาหารนอกบ้านมาก ส่วนมากเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งมีไขมันสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายน้อย ด้านการรักษาพยาบาล เด็กอเมริกันถึง 9 ล้านคนไม่มีประกันสุขภาพ ขณะที่ชาวยุโรปรัฐให้ประกันสังคมครอบคลุมกว่า ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ชาวอเมริกันที่อยู่ในชนบทสูงกว่าผู้ที่อยู่ในเมือง เช่น ชายจากรัฐแคนซัสสูงเท่าๆ กับชาวยุโรป ส่วนผู้ที่อยู่ในเขตเมืองอย่างนครนิวยอร์กกลับเตี้ยกว่า
โกรทฮอร์โมนคือะไร
ร่างกายมนุษย์มีฮอร์โมนที่ช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน หรือ ฮอร์โมนจีเอช (growth hormone, GH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างและหลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง
ฮอร์โมนจีเอชจะกระตุ้นให้มีการยืดของกระดูกในแนวยาว ทำให้ร่างกายของมนุษย์สูงขึ้น ถ้าขาดฮอร์โมนจีเอชมักมีการเจริญเติบโตช้าและเป็นผู้ใหญ่ที่มีส่วนสูงประมาณ 120-140 เซนติเมตร ส่วนเด็กที่เป็นโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองชนิดที่มีการสร้างฮอร์โมนจีเอชมากผิดปกติ มักจะเจริญเติบโตเร็วและมีส่วนสูงประมาณ 200-250 เซนติเมตร
![]() |
ทำไมแต่ละคนสูงต่างกัน
ความสูงของมนุษย์มาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยทางพันธุกรรมมีส่วนสำคัญที่สุด ความสูงของพ่อแม่เป็นดัชนีกำหนดศักยภาพความสูงของลูก สามารถคำนวณคร่าวๆ ตามสูตร ดังนี้
ลูกชายจะสูง = (ความสูงของพ่อ+ความสูงของแม่)/2 + 5.5 = ความสูงของลูกชาย + 10
ลูกสาวจะสูง = (ความสูงของพ่อ+ความสูงของแม่)/2 - 5.5 = ความสูงของลูกสาว + 10
เช่น ถ้าพ่อสูง 175 เซนติเมตร แม่สูง 160 เซนติเมตร
ลูกชายจะสูง = (175+160)/2 + 5.5 = 173 + 10
ลูกสาวจะสูง = (175+160)/2 - 5.5 = 162 + 10
จากการที่ความสูงแตกต่างกันถึง + เซนติเมตร ทำให้เราเห็นในหลายครอบครัวว่า ความสูงของพี่น้องนั้นไม่เท่ากัน บางทีพี่เตี้ยกว่าน้องด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนได้รับหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมความสูงแตกต่างกัน
นอกจากนี้ การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ก็มีส่วนสำคัญมาก เด็กที่ขาดอาหารก็จะมีการเจริญเติบโต ขณะที่เด็กที่ได้อาหารครบส่วนก็จะมีการเจริญเติบโตได้เต็มที่
ตามศักยภาพความสูงในครอบครัว
อยากสูง จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมนจีเอชหรือไม่?
ปัจจุบัน มีพ่อแม่จำนวนมาก หรือแม้แต่ตัวลูกเอง เป็นกังวลว่าลูกจะไม่สูงเท่ากับเพื่อนๆ จึงไปปรึกษาแพทย์ให้ฉีดฮอร์โมนจีเอชจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายตกคนละหลายแสนบาท แล้วมันคุ้มค่ากันหรือ?
การฉีดฮอร์โมนจีเอชเข้าร่างกายเด็ก ยังนับเป็นวิทยาการที่ใหม่มาก จนยังไม่ทราบผลเสียในระยะยาวของผู้ที่ได้รับการฉีด แม้ว่าเด็กกลุ่มนี้มีการเจริญเติบโตเร็วขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีแรกและปีที่สองของการรักษา ปีถัดๆ ไปอัตราการเจริญเติบโตจะค่อยๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อฮอร์โมนจีเอชเร่งการเจริญเติบโตให้เร็วขึ้นก็จะเร่งการปิดของกระดูกให้เร็วขึ้นด้วย เมื่อกระดูกปิดแล้วก็จะไม่มีการยืดของกระดูกอีกต่อไป ดังนั้นฮอร์โมนจีเอชอาจทำให้โตเร็วขึ้นในระยะที่สั้นลง ความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่อาจจะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ
อยากสูง จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมนจีเอชหรือไม่?
ปัจจุบัน มีพ่อแม่จำนวนมาก หรือแม้แต่ตัวลูกเอง เป็นกังวลว่าลูกจะไม่สูงเท่ากับเพื่อนๆ จึงไปปรึกษาแพทย์ให้ฉีดฮอร์โมนจีเอชจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายตกคนละหลายแสนบาท แล้วมันคุ้มค่ากันหรือ?
การฉีดฮอร์โมนจีเอชเข้าร่างกายเด็ก ยังนับเป็นวิทยาการที่ใหม่มาก จนยังไม่ทราบผลเสียในระยะยาวของผู้ที่ได้รับการฉีด แม้ว่าเด็กกลุ่มนี้มีการเจริญเติบโตเร็วขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีแรกและปีที่สองของการรักษา ปีถัดๆ ไปอัตราการเจริญเติบโตจะค่อยๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อฮอร์โมนจีเอชเร่งการเจริญเติบโตให้เร็วขึ้นก็จะเร่งการปิดของกระดูกให้เร็วขึ้นด้วย เมื่อกระดูกปิดแล้วก็จะไม่มีการยืดของกระดูกอีกต่อไป ดังนั้นฮอร์โมนจีเอชอาจทำให้โตเร็วขึ้นในระยะที่สั้นลง ความสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่อาจจะไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ
เด็กปกติที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนนี้
ยกตัวอย่างเช่น เด็กหญิงแวนด้า อายุ 12 ปี สูง 120 เซนติเมตร เตี้ยกว่าเด็กๆ วัยเดียวกัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็กลุ้มใจเหลือเกิน เมื่อเห็นลูกตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ จึงพาไปหาคุณหมอ และคุณหมอฉีดฮอร์โมนจีเอชให้ (ในกรณีนี้สมมติว่า เด็กหญิงเมื่อโตเต็มที่แบบไม่ได้รับการฉีดฮอร์โมนจะมีความสูง 155 เซนติเมตร)
ในปีแรกของการรักษา แวนด้าสูงขึ้น 10 เซนติเมตร ปีที่ 2 สูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร ทั้งพ่อ แม่และแวนด้าต่างดีใจที่แวนด้าสูงอยากรวดเร็ว ขณะที่ปีถัดๆ มา แวนด้าอาจสูงขึ้นปีละ 5 เซนติเมตร เนื่องจากฮอร์โมนจีเอชเร่งการปิดกระดูกให้เร็วขึ้น
ถ้าเด็กหญิงไม่ได้รับฮอร์โมนจีเอช เด็กหญิงอาจจะสูงขึ้นปีละ 7 เซนติเมตร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี เมื่อเด็กหญิงโตเต็มที่แล้ว ก็จะมีความสูงเท่ากับการฉีดฮฮร์โมน คือ 155 เซนติเมตร แถมไม่ต้องเสียเงินแพง เจ็บเนื้อเจ็บตัวกับการฉีดยาเป็นประจำ และยังไม่ทราบว่า ผลกระทบของฮอร์โมนที่ฉีดเข้าไปภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
อยากสูงโดยไม่ใช้ฮอร์โมนควรทำอย่างไร
มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้เราสูงเต็มศักยภาพได้โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนจีเอช เช่นอาหารที่รับประทานต้องมีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย รับประทานโปรตีนให้พอเหมาะ พอรับประทานอาหารที่ดีแล้ว ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะการออกกำลังกาย
ยกตัวอย่างเช่น เด็กหญิงแวนด้า อายุ 12 ปี สูง 120 เซนติเมตร เตี้ยกว่าเด็กๆ วัยเดียวกัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็กลุ้มใจเหลือเกิน เมื่อเห็นลูกตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ จึงพาไปหาคุณหมอ และคุณหมอฉีดฮอร์โมนจีเอชให้ (ในกรณีนี้สมมติว่า เด็กหญิงเมื่อโตเต็มที่แบบไม่ได้รับการฉีดฮอร์โมนจะมีความสูง 155 เซนติเมตร)
ในปีแรกของการรักษา แวนด้าสูงขึ้น 10 เซนติเมตร ปีที่ 2 สูงขึ้นอีก 10 เซนติเมตร ทั้งพ่อ แม่และแวนด้าต่างดีใจที่แวนด้าสูงอยากรวดเร็ว ขณะที่ปีถัดๆ มา แวนด้าอาจสูงขึ้นปีละ 5 เซนติเมตร เนื่องจากฮอร์โมนจีเอชเร่งการปิดกระดูกให้เร็วขึ้น
ถ้าเด็กหญิงไม่ได้รับฮอร์โมนจีเอช เด็กหญิงอาจจะสูงขึ้นปีละ 7 เซนติเมตร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี เมื่อเด็กหญิงโตเต็มที่แล้ว ก็จะมีความสูงเท่ากับการฉีดฮฮร์โมน คือ 155 เซนติเมตร แถมไม่ต้องเสียเงินแพง เจ็บเนื้อเจ็บตัวกับการฉีดยาเป็นประจำ และยังไม่ทราบว่า ผลกระทบของฮอร์โมนที่ฉีดเข้าไปภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
อยากสูงโดยไม่ใช้ฮอร์โมนควรทำอย่างไร
มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้เราสูงเต็มศักยภาพได้โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนจีเอช เช่นอาหารที่รับประทานต้องมีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย รับประทานโปรตีนให้พอเหมาะ พอรับประทานอาหารที่ดีแล้ว ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะการออกกำลังกาย
จะทำให้หลั่งฮอร์โมนจีเอชเพิ่ม
อีกประการที่สำคัญคือ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนเกินเที่ยงคืน
เนื่องจากฮอร์โมนจีเอชตามธรรมชาติจะหลั่งออกมามากตอนที่หลับสนิท ดังนั้น
ผู้ที่มีบุตรควรให้บุตรนอนเป็นเวลาและอย่าให้นอนดึก
เท่านี้เราก็สูงได้อย่างปลอดภัย
เท่านี้เราก็สูงได้อย่างปลอดภัย
ที่มา-
