ผลการปฏิบัติธรรม
กัลยาณมิตร มาร์ธา เดอมอร์ (อเมริกา)
ฉันชื่อ มาร์ธา เดอมอร์ หรือ มาร์ตี้ อายุ 41 ปี เป็นวิศวกรด้านซอฟท์แวร์ ขององค์การนาซ่า มาได้ 12 ปี และมีประสบการณ์ด้านโปรแกรมซอฟท์แวร์มา 22 ปีแล้วค่ะ
งานของฉันคือ การคิดโปรแกรมซอฟท์แวร์ให้หุ่นยนต์ 2 ตัวที่ส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร เพื่อถ่ายรูปและเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น รังสี, ลักษณะของหิน, การตรวจหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารด้วย โครงการนี้ใช้เงินทุนสูงมาก หุ่นยนต์ตัวละประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,000ล้านบาท) ที่สำคัญข้อมูลทุกอย่างต้องถูกต้องแม่นยำและละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ฉันและเพื่อนร่วมงานเครียดกันมาก จนเมื่อได้มารู้จัก วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย และฝึกสมาธิ ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป แต่ก่อนอื่นฉันขอย้อนอดีตสักนิดนะคะ
ฉันเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว คุณแม่นับถือคริสต์ นิกายเมทอดิสท์อย่างเคร่งครัด และบังคับให้ฉันไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ จนอายุ 13 ปี ฉันก็ประท้วงคุณแม่ด้วยการไม่ไปโบสถ์ และไม่นับถือศาสนาใดๆอีก ตอนนั้นฉันเหมือนคนหลงทาง และกำลังแสวงหาอะไรสักอย่างในชีวิต จึงเริ่มอ่านหนังสือศาสนาต่างๆ ทั้งยิวและคริสต์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แสวงหา ฉันพบว่า พระเจ้าทรงลงโทษผู้ทำบาปด้วยการทำลายบ้านเมืองจนเสียชีวิตกันหมด เหลือเพียงคนเดียวไว้ไปสร้างเมืองใหม่ และให้กำเนิดมนุษย์ และในเมื่อศาสนาคริสต์สอนให้คนไม่โกหก เหตุไฉนในพระคัมภีร์จึงมีตัวอย่างของคนที่โกหกแล้วได้รับรางวัลตอบแทนด้วย
จากจุดนี้เอง ทำให้ฉันแสวงหาคำสอนอันเปี่ยมด้วยความเมตตา ที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กระทั่งได้มาศึกษาพุทธศาสนา ก็พบว่า นี่คือสิ่งที่ฉันแสวงหามานาน เพราะพุทธศาสนาสอนว่า “ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิต ทุกคนควรสร้างความดี และทำแต่สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม”
ฉันจึงเริ่มศึกษาพุทธศาสนาเมื่ออายุ 35 ปี จากการอ่านหนังสือมากมาย จนถึงปฏิบัติสมาธิด้วยตนเองประมาณ 4เดือน ด้วยวิธีหลากหลายเช่นกำหนดลมหายใจ, แบบวิปัสสนา, จักระและตาที่ 3 แต่ทั้งหมด ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันผ่อนคลายได้เลย
