จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราช ได้เสด็จไปรับตัวมโหสถ แต่ก็บังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ทรงคาดคิดมาก่อน คือม้ามงคลได้ประสบอุบัติเหตุเท้าถลำตกลงไปในระแหงดิน กระแทกเข้ากับก้อนหิน จนกีบเท้าแตก ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนไม่อาจจะวิ่งต่อไปได้ ท้าวเธอทรงรู้สึกเสียพระทัยมาก จำต้องทรงยุติการเสด็จพระราชดำเนินไว้ แล้วเสด็จกลับคืนสู่พระนครด้วยพระอาการที่ทรงทอดถอนพระราชหฤทัย

พระเจ้าวิเทหราชได้ทรงฟังคำทูลของอาจารย์เสนกะด้วยพระพักตร์ที่นิ่งเฉย โดยที่มิได้ตรัสตอบสิ่งใด เพียงแต่ทรงเสียพระทัยอยู่หน่อยหนึ่ง ที่พระประสงค์ของพระองค์ยังไม่ถึงที่สุดเท่านั้น
ผ่านไป 2-3 วัน ขณะที่อาจารย์เสนกะเข้ากราบถวายบังคมตามปกติ ยังไม่ทันจะได้กราบทูลสิ่งใดเลย ท้าวเธอก็มีรับสั่งกับท่านเสนกะขึ้นก่อน ทรงพระปรารภถึงเรื่องที่จะรับตัวมโหสถเข้ามาสู่ราชสำนักเป็นคำรบสอง
อาจารย์เสนกะนั้นเตรียมอุบายต่างๆ มาเป็นอย่างดีแล้ว พอท้าวเธอตรัสขึ้นเท่านั้น ก็รีบฉวยโอกาสกราบทูลรับสนองนโยบายตามที่ตนได้ตรึกตรองมาอย่างดีแล้วว่า
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท หากว่าฝ่าพระบาทจะทรงรับมโหสถเข้ามาอยู่ในราชสำนักจริงๆ
... ก็อย่าพึงเสด็จพระราชดำเนินไปด้วยพระองค์เองเลยพระเจ้าข้า เพียงแต่ทรงมีพระบรมราชโองการผ่านทูตไปเท่านั้น ก็นับว่าเหมาะสมแล้ว”
ท้าวเธอได้สดับเช่นนั้น ก็ทรงพอพระทัย ตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็เป็นอันตกลงตามนี้”
“ช้าก่อน พระพุทธเจ้าข้า”
อาจารย์เสนกะรีบทักท้วง “มีอะไรอีกหรือ ท่านอาจารย์” พระองค์ตรัสซัก

พระองค์ทรงเห็นชอบด้วย จึงตรัสรับรองว่า “อืมม...ก็แยบคายดีนะท่านอาจารย์” แล้วจึงตรัสถามต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้น เราสมควรจะตั้งปัญหาอย่างไรเล่า ท่านอาจารย์”
“ไม่ยากเลยพระเจ้าค่ะ ขอเพียงพระองค์ทรงตั้งปัญหาไปว่า เมื่อวันก่อน พระองค์เสด็จด้วยม้าพระที่นั่งเพื่อจะรับตัวมโหสถเข้าวัง แต่เผอิญวันนั้นกีบเท้าม้าพระที่นั่งของพระองค์แตก ทำให้ม้าได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเสด็จต่อไปได้ จึงต้องการให้มโหสถส่งม้าอัสดรหรือม้าตัวประเสริฐมาให้ด้วย ถ้าเธอจักส่งม้าอัสดรมาถวาย เธอก็จงมาด้วย แม้นจะส่งม้าตัวประเสริฐมา ก็จงส่งบิดาของเธอมาด้วย”
ท้าวเธอทรงสดับถ้อยคำกราบบังคมทูลนั้นแล้ว ก็ทรงเห็นชอบตามนั้นทุกประการ จากนั้นจึงมีรับสั่งให้เรียกคณะทูตมาเข้าเฝ้า เพื่อรับพระบรมราชโองการไปแจ้งแก่มโหสถและบิดาของเขาทันที
คณะทูตพร้อมด้วยเหล่าราชบุรุษผนึกรวมกันเป็นขบวนใหญ่ แล้วจึงเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสู่บ้านปาจีนยวมัชฌคาม ไปสิ้นสุดที่เรือนของท่านสิริวัฒกเศรษฐี บริวารในเรือนเห็นขบวนราชทูตมาแต่ไกล ก็รีบเข้าแจ้งข่าวให้ท่านเศรษฐีทราบ

ท่านสิริวัฒกเศรษฐีน้อมรับพระราชกระแสนั้นแล้ว ก็เข้าใจไปว่า พระราชาทรงมีพระประสงค์จะให้ส่งม้าพันธุ์ดีไปแทนม้าพระที่นั่ง จึงเริ่มเตรียมการสั่งให้บริวารไปคัดเลือกม้าเพื่อเตรียมนำไปถวาย
มโหสถเห็นเช่นนั้น ก็รีบห้ามบิดา ไหว้แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อขอรับ ท่านพ่ออย่าได้ลำบากไปเลย พระราชาทรงใคร่จะพบลูกและท่านพ่อเท่านั้นแหละ” ที่มโหสถกล่าวเช่นนั้น เพราะรู้ว่าพระบรมราชโองการนั้นมิใช่ธรรมดา แต่ทว่าได้ซ่อนเงื่อนงำแห่งปัญหาผูกมาเพื่อทดสอบตนโดยเฉพาะ
พระราชกระแสที่ว่า “ให้ส่งม้าอัสดรหรือม้าตัวประเสริฐมาให้ ถ้าจักส่งม้าอัสดรมาถวาย ก็จงมาเองด้วย แม้นจะส่งม้าตัวประเสริฐมา ก็จงส่งบิดามาด้วย” อันที่จริงก็หมายความว่า ท้าวเธอทรงมีพระประสงค์ให้ตนและบิดาไปพบ หาได้มีพระประสงค์อย่างอื่นไม่
“ท่านพ่ออย่าได้กังวลไปเลย เรื่องนี้ลูกจะจัดการเองครับ” มโหสถพูดให้บิดาเบาใจ
“ก็ดี ถ้าเช่นนั้น ลูกจงบอกมาเถิดว่าจะให้พ่อทำอย่างไร”
มโหสถจึงได้ตกลงกับบิดาว่า “ขอให้ท่านพ่อพร้อมด้วยอนุเศรษฐีพันหนึ่งเป็นบริวาร จงเดินทางล่วงหน้าไปเฝ้าเจ้าเหนือหัวก่อน

...แต่เมื่อลูกตามไปเฝ้าภายหลัง พระราชาก็จักตรัสทักทาย แล้วจึงให้ลูกเลือกหาที่นั่งที่เหมาะสม พอถึงตอนนั้น ลูกก็จะชำเลืองแลดูท่านพ่อ เป็นสัญญาณที่หมายรู้กันเพียงเราสองคน
...ขอให้ท่านพ่อจงลุกจากที่นั่งนั้น แล้วพูดว่า “แน่ะลูก เจ้าจงมานั่งตรงนี้เถิด” เมื่อลูกได้นั่งลงบนที่นั่งนั้น เท่านี้เองปัญหาในวันนี้ก็จักถึงที่สุด”
ปัญหาครั้งนี้ อาจารย์เสนกะได้ซ่อนเงื่อนเอาไว้เพื่อที่จะทำลายเกียรติคุณของมโหสถต่อเบื้องพระพักตร์ ท่ามกลางข้าราชบริพาร โดยที่พระราชาเองก็ไม่ทรงทราบเงื่อนของปัญหา ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)