ลอนดอน-ผู้เชี่ยวชาญคอมพ์เตือนระวัง "สงครามเย็นทางไซเบอร์" กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
บริษัทแมคอาฟีซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ชื่อดัง
ได้ออกรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (29 พ.ย.) เตือนว่า "สงครามเย็นทางไซเบอร์"
กำลังก่อตัวขึ้น ในขณะที่การจารกรรมทางเว็บข้ามชาติ
และการโจมตีทางไซเบอร์ได้กลายมาเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงทางอินเทอร์เน็ตไปเรียบร้อยแล้ว
แมคอาฟีกล่าวด้วยว่ารัฐบาลหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลประเทศต่างๆเอง
ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจารกรรมทางไซเบอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้น
โดยการโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน
และมีอยู่ราว 120
ประเทศที่อาจจะพัฒนาศักยภาพของตัวเองเพื่อก่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบนี้ขึ้นมาได้
โดยสถานที่ที่ตกเป็นเป้าหมายก็มี เช่น ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ
ตลาดเงิน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล และศูนย์ควบคุมสาธารณูปโภคต่างๆ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน
ของอังกฤษรายงานว่าแฮ็กเกอร์จากจีนซึ่งบางคนเชื่อว่ามาจากกองทัพรัฐบาล
ได้เข้าโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของกระทรวงต่างๆ
ในรัฐบาลอังกฤษ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศด้วย นอกจากนี้ในช่วง 12
เดือนที่ผ่านมามีรายงานว่าเกิดการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตต่อรัฐบาลในสหรัฐ
เยอรมนี อินเดีย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียเกิดขึ้น
แมคอาฟีซึ่งออกรายงานโดยรวบรวมข้อมูลจากทางนาโต
เอฟบีไอ
และสำนักอาชญากรรมร้ายแรงของอังกฤษกล่าวว่า แหล่งข่าววงในของนาโตกล่าวว่า
การโจมตีทางอินเทอร์เน็ตหลายระลอกที่ถล่มเอสโตเนียเมื่อต้นปีนี้
จนทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐบาล สำนักข่าว
และธนาคารต้องปั่นป่วนเป็นเวลาหลายสัปดาห์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาเท่านั้น
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากนาโตกล่าวว่าผู้โจมตีจะใช้ซอฟต์แวร์ไวรัสม้าโทรจันมาเล่นงานหน่วยงานต่างๆ
ของรัฐบาล และ 99% ของผู้ที่ถูกโจมตีจะไม่รู้ตัว
ทางด้านโฆษกของเพนตากอนกล่าวว่าได้เห็นความพยายามขององค์กรของรัฐ
และไม่ใช่ของรัฐจำนวนมากที่พยายามจะเจาะเข้ามา
นายเจฟฟ์ กรีน รองประธานอาวุโสของแมคอาฟี
เอเวิร์ต แล็ปส์
กล่าวว่าอาชญากรรมไซเบอร์ได้กลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้วในตอนนี้
เพราะได้พัฒนาไปอยางมาก
และไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมหรือบุคคลเท่านั้น
แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติมากขึ้นด้วยเพราะได้เห็นการโจมตีจากกลุ่มชั้นสูงต่อหน่วยงานต่างๆ
ทั่วโลกเพิ่มขึ้น
ที่มา-