![]() เครื่องตรวจสอบไมโครเวฟ |
นายวัชระกล่าวว่า ปกติตู้อบไมโครเวฟจะมีอายุการใช้งานเพียง 3-5 ปีเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนเครื่องหรือตรวจสอบดูแลรักษาจนกว่าจะมีความผิดปกติชัดเจน อาทิ ตู้อบไม่ร้อนหรือตู้ไม่ทำงาน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเสี่ยงมาก เพราะปัญหาการรั่วของคลื่นไมโครเวฟจะส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ตู้อบดังกล่าว
และบุคคลในครอบครัวทุกคน
โดยอาการที่เห็นชัดในระยะแรก คือ อาจมีภาวะหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ
คลื่นไส้อาเจียน การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ
หากรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดการเป็นหมันชั่วคราวสำหรับผู้ชาย เกิดการแท้งบุตร
ตาเป็นต้อกระจก หรือกระทั่งมะเร็งผิวหนัง
การป้องกันไม่ให้ได้รับคลื่นดังกล่าวโดยตรง
อาจทำได้โดยการยืนให้ห่างจากตัวตู้อย่างน้อยประมาณ 1 เมตร
ขณะไมโครเวฟทำงาน
ต้องไม่ให้ตู้ไมโครเวฟทำงานโดยไม่มีอาหารหรือสิ่งของที่ดูดคลื่นได้ภายในตู้
ต้องไม่ให้ตู้ไมโครเวฟทำงานหากประตูไม่ปิดสนิท
และต้องมีเครื่องมือตรวจสอบการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟ
นายวัชระกล่าวว่า เครื่องมือนี้จะวัดปริมาณการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟตามมาตรฐานโลกไม่ให้เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากเกินกำหนดแสดงว่าเกิดการรั่วไหลขึ้น จากมาตรฐานดังกล่าว ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาเครื่องตรวจสอบการรั่วของคลื่นไมโครเวฟแบบพกพา ซึ่งออกแบบเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก น้ำหนักเพียง 40 กรัม โดยอาศัยระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบพิเศษที่ทำการวัดคลื่นจากตู้อบไมโครเวฟ ที่ประกอบด้วยเสาอากาศรับสัญญาณที่คำนวณตามค่าความยาวคลื่น
นายวัชระกล่าวว่า เครื่องมือนี้จะวัดปริมาณการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟตามมาตรฐานโลกไม่ให้เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากเกินกำหนดแสดงว่าเกิดการรั่วไหลขึ้น จากมาตรฐานดังกล่าว ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาเครื่องตรวจสอบการรั่วของคลื่นไมโครเวฟแบบพกพา ซึ่งออกแบบเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก น้ำหนักเพียง 40 กรัม โดยอาศัยระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบพิเศษที่ทำการวัดคลื่นจากตู้อบไมโครเวฟ ที่ประกอบด้วยเสาอากาศรับสัญญาณที่คำนวณตามค่าความยาวคลื่น
ในการรับสัญญาณไมโครเวฟที่ใช้ในตู้อบไมโครเวฟในประเทศไทย
ต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพิเศษที่ใช้ความถี่สูง
โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการทำงาน
หลักการทำงานจะทำการตรวจรับความแรงของสัญญาณคลื่นไมโครเวฟที่รั่วออกมาจากตู้อบไมโครเวฟ
สัญญาณที่รับได้จะถูกเปลื่ยนให้เป็นแรงดันไฟฟ้าและ
ผ่านวงจรกรองความถี่ความเข้มของสัญญาณคลื่นไมโครเวฟในบริเวณนั้น
นายวัชระกล่าวว่า การทำงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นมาตรวัดแบบเข้มที่แสดงเป็นค่าสี ซึ่งประกอบด้วยบริเวณสีเขียวที่แสดงความเข้มของคลื่นไมโครเวฟตั้งแต่ 0-4 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร บริเวณสีเหลืองประมาณ 4-5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร และบริเวณสีแดงประมาณ 5-8 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งความเข้มที่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ถือว่าอันตราย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และหากความถี่ของคลื่นสูงกว่า 10 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ยิ่งอันตรายขึ้นอีกหลายเท่า เครื่องมือดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์ในด้านสุขภาพมาก และที่สำคัญยังมีราคาถูกมากเพียงเครื่องละ 500 บาท เมื่อเทียบกับต่างประเทศมีราคาสูงถึง 6,000-7,000 บาท
นายวัชระกล่าวว่า การทำงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นมาตรวัดแบบเข้มที่แสดงเป็นค่าสี ซึ่งประกอบด้วยบริเวณสีเขียวที่แสดงความเข้มของคลื่นไมโครเวฟตั้งแต่ 0-4 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร บริเวณสีเหลืองประมาณ 4-5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร และบริเวณสีแดงประมาณ 5-8 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งความเข้มที่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ถือว่าอันตราย และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และหากความถี่ของคลื่นสูงกว่า 10 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร ยิ่งอันตรายขึ้นอีกหลายเท่า เครื่องมือดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์ในด้านสุขภาพมาก และที่สำคัญยังมีราคาถูกมากเพียงเครื่องละ 500 บาท เมื่อเทียบกับต่างประเทศมีราคาสูงถึง 6,000-7,000 บาท
ที่มา- 
