มรณภาพและละสังขาร: ความหมายและความแตกต่างในบริบททางพระพุทธศาสนา
 

 

แม้เป็นพระภิกษุก็ไม่อาจพ้นจากความตายได้ ต้องมรณภาพทุกองค์

แม้เป็นพระภิกษุก็ไม่อาจพ้นจากความตายได้ ต้องมรณภาพทุกองค์

 

ความหมายของมรณภาพ: การแสดงออกถึงความเคารพต่อผู้ละสังขาร

   "มรณภาพ" เป็นคำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งหมายถึงการจากไปของภิกษุสามเณรทั้งหลาย พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) ได้อธิบายว่า "มรณภาพ" เป็นกัปปิยโวหารที่ถูกเลือกใช้อย่างรอบคอบเพื่อแสดงความเคารพและเกียรติยศต่อผู้ล่วงลับ การใช้คำนี้จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งกับการประกาศการจากไปของภิกษุสามเณรทุกระดับชั้น

การเลือกใช้คำว่า "มรณภาพ" นั้นมักพบในประกาศทางศาสนาเพื่อให้สื่อถึงความสุภาพและเป็นการให้เกียรติ เช่น

 

"พระขาวมรณภาพ"
"มหาเขียวถึงแก่มรณภาพ"
"สมเด็จฯ มรณภาพในปีนั้นพอดี"


   สำหรับสมเด็จพระสังฆราช คำว่า "สิ้นพระชนม์" ถูกนำมาใช้แทน ซึ่งเป็นราชาศัพท์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และการเคารพต่อฐานะที่สูงส่งของสมเด็จพระสังฆราช คำนี้ยังถูกนำมาใช้กับพระราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าลงมาถึงพระองค์เจ้า ทำให้เกิดการแบ่งระดับคำที่ใช้เพื่อสะท้อนถึงความแตกต่างในสถานะทางสังคมและศาสนา

 

 

แม้เป็นพระภิกษุก็ไม่อาจพ้นจากความตายได้ ต้องมรณภาพทุกองค์

แม้เป็นพระภิกษุก็ไม่อาจพ้นจากความตายได้ ต้องมรณภาพทุกองค์

 

สังขาร: ความหมายที่ลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา

   คำว่า "สังขาร" เป็นคำที่มีความหมายครอบคลุมถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นหรือร่างกายที่ประกอบขึ้นจากธาตุ ๔ พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) ได้อธิบายว่า สังขารสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ

สังขารมีใจครอง (อุปาทินนกสังขาร): สิ่งที่มีชีวิต มีจิตวิญญาณ เช่น มนุษย์และสัตว์ต่างๆ ซึ่งสามารถเคลื่อนไหว รับรู้ และตอบสนองต่ออารมณ์ได้
สังขารไม่มีใจครอง (อนุปาทินนกสังขาร): สิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตวิญญาณ เช่น ต้นไม้ ภูเขา หรือสิ่งของต่างๆ ที่ถูกปรุงแต่งขึ้น
   

   ในพระพุทธศาสนา สังขารยังถูกใช้ในการอธิบายหลักไตรลักษณ์ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่เป็นอนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) และอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน) สังขารในความหมายนี้จึงสะท้อนถึงการปรุงแต่งที่ไม่มีความแน่นอนและเป็นของชั่วคราว

   

   นอกจากนี้ สังขารยังหมายถึงระบบปรุงแต่งจิตที่เป็นส่วนหนึ่งของขันธ์ ๕ ซึ่งประกอบด้วยความคิด ความรู้สึก และการรับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เช่น ความรัก ความโกรธ และความปรารถนา

ละสังขาร: การจากไปอย่างสงบของผู้มีธรรมะ
   

   คำว่า "ละสังขาร" ถูกใช้เพื่อแสดงถึงการจากไปของครูบาอาจารย์ พระเถระ หรือพระอริยเจ้าผู้มีธรรมะ การใช้คำนี้มีความหมายเชิงยกย่องและให้เกียรติ โดยสะท้อนถึงการปล่อยวางจากร่างกายหรือสังขารที่เป็นของชั่วคราว คำว่า 

  

   "ละสังขาร" จึงมีความหมายที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการไม่ยึดติดในร่างกายและการเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สภาวะของความสงบสุข

 

   การใช้คำว่า "ละสังขาร" ในบริบทนี้ไม่เพียงแค่สื่อถึงการจากไป แต่ยังแสดงถึงความเคารพและการยกย่องต่อผู้ที่บรรลุธรรมะในระดับสูง ทำให้คำนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อถูกใช้ในการประกาศการจากไปของครูบาอาจารย์หรือพระผู้มีศีลาจารวัตรสูงส่ง

 

 

พระทำความเพียรเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์

พระทำความเพียรเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์

 

บทสรุป: ความสำคัญของการเลือกใช้คำที่เหมาะสม

   การเลือกใช้คำว่า "มรณภาพ" และ "ละสังขาร" ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแสดงออกถึงความเคารพและการยกย่องต่อผู้ล่วงลับ คำเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสื่อถึงการจากไปของบุคคล แต่ยังเป็นการสื่อถึงความเข้าใจและการปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้องและเหมาะสม การใช้คำที่เหมาะสมในการประกาศการจากไปจึงเป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อบุคคลผู้ล่วงลับอย่างสมบูรณ์

 

อ้างอิง: พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช)

 

ศาลา

อย่าประมาทในการดำเนินชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้สิ้นสุดที่เชิงตะกอน

 

แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง