
นักวิจัยจากสถาบันเฝ้าระวังภัยสุราและพิษสุราเรื้อรังแห่งสหรัฐ
รายงานในวารสารประสาทวิทยาว่า
เรื่องทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในวงสุราเกิดจากพิษเหล้าที่แทรกซึมเข้าไปในเลือดจนกลายเป็นคนหาเรื่อง
ทั้งที่ปกติไม่เป็นคนเช่นนั้น
ทีมวิจัยได้ศึกษาผู้ชาย12 คน โดยจ่ายแอลกอฮอล์ให้ซึมเข้ากระแสเลือด
แล้วตรวจดูกิจกรรมในสมองด้วยเครื่องถ่ายภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าระหว่างภาพใบหน้าคนที่ดูน่ากลัวเทียบกับหน้าตาปกติ
เพื่อให้ทราบผลชัดเจนขึ้น ทีมวิจัยยังทดสอบอย่างเดียวกับคนกลุ่มเดิม แต่จ่ายน้ำเกลือให้แทน
ผลเป็นไปตามที่คาดไว้กล่าวคือคนที่ถูกหลอกว่ามีเหล้าอยู่ในกระแสเลือด แต่แท้จริงแล้วเป็นน้ำเกลือ
สมองตอบสนองต่อการกระตุ้นที่น่ากลัวมากกว่า โดยนักวิจัยอธิบายว่า แสดงว่ารับรู้ถึงสถานการณ์คุกคาม
ส่วนคนมีแอลกอฮอล์เข้าเลือดจริงพบว่าสมองทำงานตอบโต้กับภาพน่ากลัวอย่างเย็นชา
แสดงให้เห็นว่า ช่วงที่เหล้าซึมอยู่ในกระแสเลือดสมองของมนุษย์ไม่สามารถแยกแยะระหว่างภัยคุกคามกับเหตุการณ์ปกติได้
การรับรู้ภัยคุกคามที่บกพร่องอาจชักพาให้คนดื่มเหล้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนและแกว่งปากหาเท้า รวมถึงเมาแล้วขับ
และยังอธิบายว่า เหตุใดแอลกอฮอล์ถึงถูกเรียกว่า น้ำเปลี่ยนนิสัย
"คนที่ดื่มเหล้ามานานหลายปีเริ่มใจกล้าขึ้น และกังวลน้อยลง บ่อยครั้งที่คนดื่มเหล้าเพราะช่วยให้เขาเข้าสังคมได้
แต่ยังไม่มีใครเคยศึกษาปฏิกิริยาที่เหล้ามีผลต่อสมองอย่างจริงจังมาก่อน"
ทีมวิจัยยังพบว่าเหล้ามีผลให้สมองส่วนที่ตอบสนองต่อการให้รางวัล หรือที่เรียกว่า สเตรียตัม ทำให้มีกิจกรรมมากขึ้น
และยังพบความสัมพันธ์ระหว่างระดับกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับสมองส่วนนี้ และอารมณ์ของคนเมา
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาปัจจัยที่ทำให้คนติดเหล้า และอาจเปิดทางรักษาผู้ติดสุราเรื้อรังด้วย
ที่มา-
