โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนรุ่นที่ 4
วัดพุทธเอ้าสบวร์ก ระหว่างวันที่ 6-13 สิงหาคม พ.ศ.2549
มีสามเณรทั้งหมด 7 รูป เป็นชาวไทย, เยอรมัน, ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน และเวียดนาม
สามเณรอายุมากที่สุด คือ 48 ปี และอายุน้อยที่สุด คือ 12 ปี ญาติโยมต่างสนุกสนาน เบิกบานในบุญ ทำภัตตาหารมาถวายเพียบทุกวัน สามเณรรักการนั่งธรรมะมาก บางคนติดอก ติดใจ พอถึงวันสึกไม่อยากจะสึกกัน
ถึงเวลาปฏิบัติธรรมไม่มีใครลุกไปไหน ตอนนี้ยังบวชอยู่ 2 รูป คือ สามเณร มิคาเอล และสามเณร ดาเนียล ตัวแทนสามเณรได้เขียนผลการปฏิบัติธรรมมาฝากหลวงพ่อ ดังนี้ครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะนึกถึงดวงแก้ว แรกๆ ก็นึกได้ 5 นาทีบ้าง 10 นาทีบ้าง แล้วก็ฟุ้งอีก พอฟุ้งผมก็จะลืมตาขึ้นตามที่หลวงพ่อสอน จากนั้น ค่อยหลับตาใหม่ และเริ่มตรึกดวงแก้วอีกครั้ง ผมทำเช่นนี้เป็นประจำ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะนั่งธรรมะอยู่นั้น ผมรู้สึกว่า ผมกำลังนั่งอยู่คนเดียว ตัวเบาสบายมาก แล้วสักพักตัวก็หายไปเลยครับ เหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้ ผมตกใจกลัวจึงลืมตาขึ้น แต่ความสบายก็ยังอยู่นะครับ พระอาจารย์ท่านก็แนะนำว่า ให้นั่ง ทำใจว่างๆ นิ่งๆ เฉยๆ ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัว ผมก็ปฏิบัติตาม แล้วตัวก็หายไปอีก ทุกอย่างว่างเปล่า เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในโลกนี้เลยครับ
นอกจากนี้ ความรู้สึกสบายก็เปลี่ยนเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ สักพัก ผมก็เห็นดวงแก้ว ชัด ใส สว่างที่กลางท้อง แต่ดวงแก้วไม่ใหญ่มากนะครับ แค่ประมาณแก้วตาของคนเราเท่านั้นเอง ผมไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อ จึงมองดวงไปเรื่อยๆ ตอนมองอยู่นั้นผมมี ความสุขมากๆครับ สุดจะบรรยาย และมีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ทุกวันนี้พอผมเริ่มหลับตา ผมก็สามารถหยุดใจได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ผมจะนั่งธรรมะให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ
ผมชื่อ สามเณร มิคาเอล ทราน เป็นชาวเวียดนาม เกิดและโตที่ประเทศออสเตรียครับ ขณะนี้ผมอายุ 22 ปี ศึกษาคณะแพทย์ อยู่ที่เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรียครับ

ระหว่างโครงการอบรมสามเณรธรรมทายาท ในครั้งนี้ ผมและเพื่อนๆต้องนั่งสมาธิวันละ 4 ชั่วโมง แต่ละรอบไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ช่วง 2-3 วันแรก ผมปวดขามากครับ หัวเข่าเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และไม่มีสมาธิในการนั่งธรรมะเลย ผมเริ่มมีความคิดว่า "คนอย่างผมจะเข้าถึงธรรมได้จริงหรือ" เพราะผมเพิ่งมาเจอหมู่คณะ และเริ่มฝึกสมาธิได้ไม่นาน
แต่ความคิดนี้ ก็ต้องมลายหายสูญในพริบตาครับ เมื่อพระอาจารย์ได้นำประวัติชีวิตของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ มาให้ดูกัน พอดูจบ ผมนิ่งอึ้งไปทันที ในหัวก็คิดแต่ว่า "โอ...มีด้วยหรือบุคคลที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ บุคคลที่ยอมแม้แต่จะสละชีวิตตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แล้วในวินาทีนั้น ผมก็ตัดสินใจทันทีว่า จะต้องเป็นหลานแท้ของท่าน คือจะต้องเข้าถึงธรรมให้ได้
เวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะเอาใจจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย อย่างเบาๆ สบายๆ โดยที่ไม่คิดถึงอะไรเลย มีอยู่วันหนึ่งขณะนั่งสมาธิทำใจเบาๆอยู่นั้น ผมก็เห็นแสงสว่างเล็กๆ ที่กลางท้อง แล้วก็รู้สึกเย็นสบาย แต่สักพักแสงนั้นก็หายไป แต่ความสุขไม่ได้หายไปด้วยนะครับ มันเป็นความสุขที่ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้ สักพักแสงนั้นก็กลับมาอีก แล้วก็หายไป เป็นอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง พระอาจารย์ก็ สัพเพฯ
ผมรู้สึกว่าเวลา 1 ช.ม. ช่างผ่านไปเร็วราวกับ 5 นาทีและไม่อยากเลิกนั่งเลย ทุกๆคืนผมจะนั่งนอกรอบเองอีกประมาณ 3 ถึง 4 ชม. ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึงตี 1 และผมตั้งเป้าไว้ว่าจะนั่งสมาธิให้ได้ทั้งคืน เมื่อใดที่ผมเกิดอาการท้อ ผมก็จะเอาพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เป็นต้นแบบ ผมรักพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และหลวงพ่อมากที่สุดครับ