
บรรดาข้าราชการกรุงปัญจาละซึ่งยืนควบคุมงานอยู่ในที่นั้น เห็นดังนั้น ก็ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “พวกท่านเป็นใครกันน่ะ”
เหล่าสหายของมโหสถต่างหันไปมองหน้าข้าราชการหนุ่มผู้กล่าวขึ้นเมื่อสักครู่ แล้วจึงเย้ยตอบเหมือนไม่ปรารถนาจะใส่ใจว่า “พวกเราก็เป็นคนของพระเจ้าวิเทหราชน่ะสิ ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินพระนามอันเกริกไกรของพระองค์ท่านบ้างเลยหรือ”

บรรดาข้าราชการกรุงปัญจาละ ต่างรำพึงรำพันด้วยความเสียดาย ผสมกับความเดือดแค้นจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้รีบนำความนั้นไปกราบทูลให้พระเจ้าจุลนีทราบ
ความได้ทราบถึงพระเจ้าจุลนีซึ่งกำลังประทับนั่งอยู่ท่ามกลางมหาสมาคมของพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ดุจดวงจันทร์กลางหาวที่ห้อมล้อมด้วยหมู่ดาว ท้าวเธอสดับดังนั้น ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก พระพักตร์บึ้งตึง พระเนตรทั้งคู่แดงก่ำด้วยพระโทสะ พระทนต์ขบแน่น พระหฤทัยเดือดพล่านด้วยเพลิงแค้น
ฝ่ายพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ต่างพากันพิโรธทหารมิถิลานครที่ทำให้พระองค์ต้องอดดื่มสุรารสเลิศที่หาได้ยาก แม้แต่เหล่าทหารและข้าราชการที่ติดตามพระราชาเหล่านั้นมา กำลังใฝ่ฝันที่จะได้ดื่มสุราชนิดหามูลค่ามิได้ ก็พลอยอดดื่มไปตามๆกัน โดยหารู้ไม่ว่าสุราเหล่านั้นล้วนถูกเจือด้วยยาพิษ
ทันใดนั้น พระเจ้าจุลนีจึงทรงประกาศขึ้นในท่ามกลางมหาสมาคมว่า“มาเถิดท่านทั้งหลาย บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องห้ำหั่นมิถิลาให้เป็นจุณ วิเทหราชหรือจะรอดพ้นเงื้อมมือของเราไปได้ เมื่อจับท้าววิเทหะผู้ทรนงตนเสียได้ เราก็จักบั่นศีรษะของมันเสียด้วยพระขรรค์เล่มนี้ล่ะ
ตรัสดังนี้แล้ว ก็เสด็จเข้าสู่ที่รโหฐาน ตรัสเรียกพราหมณ์เกวัฏมาเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งว่า “ท่านอาจารย์ ช่างน่าแค้นใจนัก พวกมิถิลากล้าดีอย่างไร ถึงมาทำลายพิธีของเราเสียนี่ ดีล่ะ เราพร้อมด้วยกองทัพใหญ่ ๑๘ กอง รวมกับกองทัพของพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์จะรุดหน้าเข้าประจันศึกกับมิถิลานครในเร็ววัน แล้วเหยียบย่ำมิถินครให้พินาศไปในพริบตาทีเดียว ท่านอาจารย์จงไปด้วยจะได้ปรึกษาหารือกัน เมื่อรบชนะแล้วจะกลับมาดื่มชัยบานกันในภายหลัง ท่านอาจารย์เห็นว่าอย่างไร”

คิดดังนี้แล้ว พราหมณ์เกวัฏจึงทูลทัดทานพระเจ้าจุลนีว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ เหตุที่มงคลพิธีของเราถูกทำลายลงในครั้งนี้ จะว่าเป็นเพราะพระเจ้าวิเทหราชทีเดียวก็คงมิใช่ แต่ข้าพระองค์เชื่อว่า นั่นเป็นเพราะอานุภาพของมโหสถบัณฑิตต่างหากเล่า ชะรอยว่ามโหสถคงจะล่วงรู้ความลับของเราก่อนแล้วอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า
และอีกประการหนึ่งการที่เราจะยกทัพไปยึดมิถิลานครนั้น เห็นว่าจะเป็นการลำบากเปล่าๆ เพราะตามที่ข้าพเจ้าได้สดับมาว่ามโหสถได้จัดระบบการป้องกันรักษามิถิลานครไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเราจึงไม่ควรยกทัพไป พระพุทธเจ้าข้า”
พระโทสะของพระองค์ผนวกกับความมัวเมาในพระราชอิสริยยศ ได้บดบังพระปรีชาญาณของพระองค์จนมืดมิด กระทั่งลืมไปสนิทว่า การที่พระองค์จะห้ำหั่นมิถิลานครลงให้ได้นั้น มิใช่เรื่องง่ายเลยเพราะการกระทำเช่นนั้น ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังเดินเข้าสู่ปากถ้ำซึ่งมีราชสีห์คอยพิทักษ์อารักขาถ้ำนั้นไว้เป็นอย่างดี ไฉนเลยเขาจึงจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร พระเจ้าจุลนีก็จะไม่ทรงล้มเลิกความคิดนั้นเป็นอันขาด ท้าวเธอทรงตัดสินพระทัยดังนั้นแล้ว ก็รีบเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่สนามชุมนุม พร้อมด้วยพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์
กองทัพใหญ่ ๑๘ กองของพระเจ้าจุลนี พร้อมกับกองทัพของพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ต่างก็มีความเป็นเดือดเป็นแค้น ในการที่ทหารมิถิลานครมาทำลายพิธีชัยบานของพวกตน ดังนั้นกำลังศึกในการรบก็ยิ่งฮึกเหิมห้าวหาญยิ่งขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฝ่ายมโหสถบัณฑิตจะเตรียมรับมือกับกองทัพอันมหึมา ที่มากันอย่างมืดฟ้ามัวดินได้อย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)