พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า
หลังจากที่ประชุมชาวพุทธโลกมีมติให้
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก โดยมีพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางเมื่อปี
2538 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการพัฒนาพุทธมณฑลเท่าที่ควร
ประกอบกับคณะกรรมการพุทธมณฑลในส่วนพระสงฆ์ นั้นมีหลายรูปที่มรณภาพไป
ที่ประชุมมหาเถรฯ จึงมีมติให้ปรับปรุงคณะกรรมการพัฒนาพุทธมณฑล
ซึ่งขณะนี้ได้คัดเลือกคณะกรรมการเสร็จแล้ว
คาดว่าจะสามารถนำรายชื่อคณะกรรมการพัฒนาพุทธมณฑลชุดใหม่
เสนอที่ประชุมมหาเถรฯได้ในวันที่
11 ส.ค. นี้
พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)
ในฐานะประธานคณะกรรมการสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติ กล่าวว่า
ในส่วนของชาวพุทธจากชาติต่างๆ
ต่างกำลังรอแผนแม่บทการพัฒนาพุทธมณฑลจากทางประเทศไทย
เพราะนานาชาติรอดูว่าจะเข้ามาสนับสนุนไทยอย่างไรได้บ้าง
เพราะระบบข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาต่างๆจากทั่วโลกได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว
และเจตนาของที่ประชุมชาวพุทธโลกต้องการให้พุทธมณฑล
เป็นศูนย์กลางของข้อมูลของพระพุทธศาสนาทั่วโลก
โดยจะมีการเข้ามาช่วยพัฒนาห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์
อีกทั้งจะมีการรวบรวมพระไตรปิฎกจากทั่วโลกเข้ามาไว้ที่พุทธมณฑล
“แผนแม่บทดังกล่าวจะมาจากคณะกรรมการ 2 ชุด คือ
1.กรรมการในส่วนของฆราวาส 2. กรรมการในส่วนคณะสงฆ์ โดยกรรมการทั้ง 2 ชุด
จะต้องนำแผนแม่บทการพัฒนาพุทธมณฑลมาดำเนินการร่วมกัน
โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า
แผนแม่บทกำลังรอการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)”
พระธรรมโกศาจารย์กล่าวและว่า ยอมรับว่าการดำเนินการของพุทธมณฑลยังช้าอยู่
และในการร่วมประชุมชาวพุทธระดับนานาชาติแต่ละครั้ง
จะถูกสอบถามความคืบหน้าโดยตลอด อย่างประเทศศรีลังกาก็รอดูต้นแบบแผนแม่บท
เพื่อไปสร้างพุทธมณฑลในศรีลังกา
สาธารณรัฐประชาชนจีนก็เตรียมที่จะสร้างพุทธมณฑลเช่นกัน
ส่วนประเทศญี่ปุ่นก็ลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท
เพื่อสร้างศูนย์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หากประเทศไทยยังช้าอยู่
เป็นไปได้ว่าจะมีการยอมรับประเทศอื่นเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกแทนไทย.
ที่มา-