ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรฯ  เผย รองนายกฯสนั่น ทำหนังสือถึงสำนักงานพศ. เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ขอเสนอจัดโครงการ  "อุปสมบทช่วยชาติบรรเทาปัญหาภัยเศรษฐกิจ" ช่วยคนตกงาน...

โครงการช่วยคนตกงานในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 พ.ค. โดยนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)  ว่า จากการประชุมมหาเถรสมาคม ได้รับทราบตามที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพศ. ได้ทำหนังสือผ่านมาที่สำนักงานพศ. เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม ขอเสนอจัดโครงการ  "อุปสมบทช่วยชาติบรรเทาปัญหาภัยเศรษฐกิจ" ด้วยการชักชวนให้ชายไทยผู้ที่ตกงานได้เข้ามาบวชเรียนศึกษาพระธรรมในระหว่าง ที่ยังไม่มีงานทำ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ยังหางานทำไม่ได้ รวมทั้งยังได้ศึกษาหลักพระพุทธศาสนา  ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้ให้ความเห็นชอบในการดำเนินงานโครงการดังกล่าว และได้แต่งตั้งพระพรหมเวที วัดไตรมิตรวิทยาราม  พระพรหมสุธี วัดสระเกศ และพระธรรมวรเมธี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทั้ง 3 รูป เป็นคณะทำงานกำหนดรูปแบบโครงการ ก่อนนำรายละเอียดโครงการเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมมหาเถรสมาคม ต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคณะทำงานได้กำหนดรูปแบบโครงการว่า จะดำเนินการในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2552  เปิดให้ชายไทยทั่วประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ ได้เข้าพิธีอุปสมบท โดยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ทำหน้าที่ประกาศรับสมัครผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ  ส่วนในเรื่องของระยะเวลาการอุปสมบทและจำนวนผู้ที่จะเข้ามาบวช และสถานที่จำพรรษาในช่วงบวชนั้น ยังไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน คงต้องรอให้คณะทำงาน ได้ประชุมหารือหาข้อสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้ให้ความเห็นชอบ ตามที่คณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี ดำเนินงานร่วมกับทางจังหวัดปราจีนบุรี จัดโครงการข้าวก้นบาตร ด้วยการมอบข้าวสารอาหารแห้งที่พุทธศาสนิกชนทำบุญให้กับวัด นำไปมอบให้กับนักเรียน และประชาชนที่ต้องประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ตกงาน รวมทั้งเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียน ทำให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ร่วมอนุโมทนาและได้มีมติให้วัดทั่วประเทศ ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกับโครงการข้าวก้นบาตรช่วยชาติ โดยให้วัดนำไปดำเนินการตามศักยภาพ จนเกิดเป็นโครงการข้าวก้นบาตรช่วยชาติ ช่วยประชาชนบรรเทาปัญหาภัยเศรษฐกิจ 

ด้าน พระพรหมเวที กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเน้นไปที่คนตกงาน ให้ได้เข้ามาบวช เพราะเมื่อไม่มีงานทำ แต่ยังเป็นฆราวาสอยู่ก็จำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิต โดยในส่วนของจำนวนผู้ที่จะเข้ามาบวช  จะไม่มีการจำกัดจำนวน รวมไปถึงระยะเวลาในการบวชด้วย เพราะถ้าเกิดพบว่าผู้ที่เข้ามาบวชตามโครงการนี้สนใจศึกษาพระธรรมและอยากที่ จะบวชต่อก็ควรที่จะส่งเสริม  เบื้องต้นได้มีการกำหนดแนวทางในการดำเนินงานโครงการนี้แล้ว โดยจะรับสมัครผู้ที่สมัครใจจะเข้าร่วมโครงการ ส่วนแนวทางอื่นๆนั้นทางคณะกรรมการต้องไปประชุมกันก่อน แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าจะต้องมีการพิจารณาผู้ที่จะเข้ามาบวชตามโครงการนี้ อย่างละเอียด และจะต้องหาผู้ที่พร้อมจะปฏิบัติตามระเบียบของวัดที่เข้าไปบวชด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาเวลามีการจัดบวชในลักษณะนี้บางครั้งผู้ที่เข้าไปบวชจะไม่เชื่อทางวัด วัดไม่สามารถว่ากล่าว หรือตักเตือนได้เลย


ที่มา-น.ส.พ.ไทยรัฐ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง