“เหล้า ทำให้บ้านหนูเป็นสงคราม วันใดที่พ่อกินเหล้า หนูจะรู้สึกกลัว เพราะพ่อจะเปลี่ยนเป็นคนละคนดั่งฟ้ากับเหว จากไม่เคยทำร้ายครอบครัว ก็มาทำร้าย วันหนึ่งกินข้าวกันอยู่ พ่อเมา อยู่ดีๆ ก็อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา และเขวี้ยงกระบอกน้ำใส่หน้าหนู หนูถามพ่อว่า พ่อทำแบบนื้กับลูกได้ยังไง หนูยังเป็นเด็กอยู่นะ แต่พ่อก็เฉย และไม่รู้สึกผิดกับการกระทำที่พ่อทำกับหนู”
       

       เป็นเสียงพ้อของ “แนน-สุดธิดา ช้างเผือก” อายุ 13 ปี ที่บอกเล่าถึงชีวิตครอบครัวเมื่อหลายปีก่อน ที่มีพ่อเป็นคนขี้เหล้า ทำให้บ้านไม่มีความสุข แม้กระทั่งเวลาทานข้าว ส่วนแม่ก็ดื่มเหล้าเช่นเดียวกัน จนในที่สุดพ่อกับแม่ต้องแยกทางกัน เพราะมีเหล้าเป็นสาเหตุหนึ่งของความร้าวฉานที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอ
       
       จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปีแล้วที่พ่อแยกทางกับแม่ไป แนนได้ให้คำมั่นกับตัวเองว่า ต้องทำให้แม่เลิกดื่มเหล้าให้ได้ เพราะไม่อยากให้แม่ต้องเป็นเหมือนพ่อที่เปลี่ยนไปเพราะเหล้าเพียงไม่กี่ขวด และอยากให้แม่อยู่กับเธอ น้องชาย (น้องเน็ก) และยายไปนานๆ จนในที่สุดแม่ก็ยอมเลิกเหล้าเพื่อเธอ
       
       ความภูมิใจในวันนี้ “แนน” เล่าให้ทีมงาน Life and family ฟังว่า
การกระทำของพ่อในวัยเด็ก ทำให้เธอเห็นความโหดร้ายของเหล้า ทุกครั้งที่พ่อดื่มเหล้า เธอกับแม่ต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละครั้งทำให้เธอกลัว และไม่อยากให้พ่อเป็นแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดพ่อก็แยกทางจากเธอและแม่ไป หลังจากนั้นจึงได้มาเข้าร่วมโครงการ “เยาวชนคนพอเพียงรู้ทันน้ำเมา” และกลับมาชวนแม่ให้เลิกกินเหล้า เพราะเป็นตัวการทำลายสุขภาพ และชีวิตครอบครัว               “หนูไม่อยากให้แม่เป็นเหมือนพ่อ หนูกลัวแม่จะเปลี่ยนไป ทำร้ายหนู และน้องชาย จนหนูได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนคนพอเพียงรู้ทันน้ำเมา และได้รู้ถึงพิษภัยของเหล้า ผนวกกับเห็นคนข้างบ้านปวดท้อง และเป็นโรคตับแข็งเพราะการดื่มเหล้า จึงชวนแม่ให้เลิกดื่ม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็บอกแม่อยู่หลายครั้ง เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่หลังจากเข้าค่าย และได้เห็นความตั้งใจของเรา แม่จึงตัดใจยอมเลิกเหล้าเพื่อหนู และไม่แตะเหล้าอีกเลย ทำให้หนูภูมิใจ และรักแม่มากที่สุดในโลก” แนนเล่า
       
       ปัจจุบัน “แนน” เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนปัญญาวรกุล กทม. เป็นเด็กกิจกรรม และนักเต้นของโรงเรียน ทุกๆ วันหลังเลิกเรียน แนนจะกลับมาช่วยงานบ้าน เช่น หุงข้าว ทำกับข้าว จากนั้นจะช่วยแม่ร้อยพวงมาลัยขาย เพื่อหาเงินเข้าบ้าน และเก็บเงินไปโรงเรียนโดย 1 วัน แนนจะร้อยชุดมาลัยได้ประมาณ 2 ชุดรวมเป็น 12 เข็ม ตกรายได้รวมกันกับแม่ได้วันละ 200 บาท ซึ่งแนนจะเก็บเงินไปโรงเรียนวันละ 40 บาท ถ้าวันไหนทำได้มากชุด ก็จะได้เงินมาก เพียงพอกับรายจ่ายภายในบ้าน ส่วนเวลาค่ำ แนนจะทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการทำการบ้าน และเตรียมพร้อมกับการเรียนในวันพรุ่งนี้
       
       
อย่างไรก็ดี เมื่อถามต่อไปว่า รู้สึกอายในอาชีพของแม่หรือไม่ เธอตอบด้วยเสียงเด็ดเดี่ยวว่า ไม่เคยอายที่จะทำ เพราะสิ่งที่ทำคืองานของแม่ ซึ่งก็เป็นงานของเธอด้วย ที่สำคัญ งานร้อยมาลัยเป็นงานสุจริต ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถึงแม้เงินที่ได้จะไม่มากเหมือนงานประเภทอื่น แต่ครอบครัวของเธอก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ซึ่งแม่จะสอนเสมอว่า ให้รู้จักพอเพียง และเพียงพอในสิ่งที่มี ไม่ใช้จ่ายเกินตัว และทำอาชีพของเราให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เธอยึดถือมาโดยตลอด

       ทั้งนี้ “แนน” ได้ฝากไปยังครอบครัวทุกคนที่มีพ่อ หรือแม่ดื่มเหล้าว่า เหล้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะสร้างสงครามให้เกิดขึ้นภายในบ้าน และยังทำร้ายตัวผู้ดื่มเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ เบาหวาน และขาดสติ จนทำร้ายผู้ที่บริสุทธิ์โดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรเอาเงิน และเวลามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสมาชิกในครอบครัวจะดีกว่า เช่น พาลูกไปเที่ยว หรือซื้อของมาทำกินกันในครอบครัว สิ่งเหล้านี้จะสร้างความสุขกาย สบายใจให้กับเรา และคนรอบข้างได้ไม่น้อย
       
       ด้านคุณ “ยุ-ยุพาพร พวงบางยาง” อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้างร้อยพวงมาลัย คุณแม่ตัวอย่างที่ตัดใจเลิกเหล้าเพื่อแนน และน้อง บอกเล่าความรู้สึกว่า เลิกเหล้ามาได้ 2 เดือนแล้ว ภูมิใจที่เลิกเหล้าให้ลูกได้ เพราะลูกบอก และเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังกินอยู่ พอเห็นความตั้งใจ บวกกับความกล้าของลูกที่เดินเข้ามาบอกแม่ด้วยความเป็นห่วง ทำให้เธอตื้นตันใจ และคิดถึงลูกมากขึ้น และอยากอยู่กับลูกไปนานๆ เธอจึงตัดใจไม่กินเหล้าอีกเลย เพราะเสียเวลากับเหล้ามานาน แทนที่จะเอาเงิน และเวลาที่เสียไปมาให้ลูกดีกว่า ที่สำคัญไม่อยากให้เขาเห็นภาพที่ตอกย้ำความรู้สึกในวัยเด็กตอนที่พ่อเมาเหล้า และเขวี้ยงข้าวของใส่เขา
       

       “ตอนแรกที่ลูกเดินเข้ามาบอก เราก็อึ้งอยู่นานนะ ซึ่งไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เพราะเขาเดินมาบอกแล้วพูดว่า “แม่เลิกเหล้าให้หนูได้ไหม” มันเป็นประโยคที่ฟังแล้วจี๊ดเข้าไปในหัวใจ และรู้สึกผิดกับการกระทำของเรา ซึ่งในใจขณะนั้นได้บอกกับตัวเองว่า เอาวะ ถ้าลูกกล้าขอ แม่ก็กล้าให้ เพราะถ้าไม่ให้ เราคงทำร้ายจิตใจลูกไม่ใช่น้อย เพราะเขายังเป็นห่วงเรา แต่เรากลับไม่เป็นห่วงตัวเอง และตั้งแต่นั้นมาจึงเลิกเหล้าเพื่อเขา และไม่แตะมันอีกเลย เนื่องจากไม่อยากให้เขาผิดหวังในตัวเรา” คุณแม่ยุเล่าถึงการตัดใจเลิกเหล้าเพื่อลูก
       
       จนถึงวันนี้ รวมเวลาได้ 2 เดือนแล้ว ที่คุณแม่ยุ ยอมตัดใจเลิกเหล้าเพื่อลูก และไม่ดื่มมันอีกเลย ทำให้ครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามอัตภาพของตัวเอง ไม่ต้องนำเงินไปซื้อเหล้าเหมือนอย่างเคย และสามารถนำเงินมาใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพรับจ้างร้อยพวงมาลัยขายกับลูกที่บ้านแทน ถึงแม้รายได้จะน้อย แต่ก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด และคุ้มค่าที่สุด
       
       เรื่องราวของครอบครัวพวงบางยางอาจเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดี ๆ ที่ช่วยกระตุกให้หลายครอบครัวที่ยังยึดติดอยู่กับขวดเหล้า ขวดโซดา ได้มองเห็นถึงพิษภัยที่จะตามมา อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า เหล้าไม่ได้ช่วยให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น กลับแต่จะนำความทุกข์ และโรคร้ายเข้าหาตัวเอง หรืออย่างน้อยที่สุด ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ควรดื่มให้พอดี ไม่ทำให้ตัวเอง ครอบครัว และคนอื่นต้องเดือดร้อน


ที่มา-
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง