พระบัณฑิตกิตติมศักดิ์ บุคคลสำคัญของพุทธศาสนา
ผู้รับการประสาทปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย (DOU)
 
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2553 นับเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย (DOU) ที่ได้มอบปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ให้ผู้ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จำนวนสองรูปจากประเทศเกาหลีใต้
 
    รูปแรกได้แก่ พระมหาเถระปุญญสันโต วัย 91ปี ท่านเกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2462 ที่ประเทศเกาหลีเหนือ จุดพลิกผันในชีวิตครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงสงครามเกาหลี (พ.ศ.2493-พ.ศ.2496) ท่านเห็นชาวบ้านเดือดร้อน ต้องล้มตายเป็นจำนวนมากจากสงคราม จึงตั้งใจว่าถ้ารอดพ้นจากสงครามเมื่อใดจะบวชตลอดชีวิต เพื่อช่วยตนและทุกคนให้พ้นทุกข์ คงเป็นเพราะบุญในตัวท่าน ในปีพ.ศ.2496 สงครามเกาหลีก็คลี่คลาย ท่านออกแสวงหาอาจารย์อย่างยากลำบากจากเหนือสุด (ประเทศเกาหลีเหนือ) มาถึงใต้สุด คือ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ กระทั่งมาพบพระอาจารย์จิวอน วัดซอนันซา เมืองปูซาน จึงได้บวชสมปรารถนาในปีนั้น
 
วัดแฮอินซา เป็นวัดพระธรรมที่มีพระไตรปิฎกไม้ฉบับสมบูรณ์ที่สุด
 ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
 
    ต่อมา ในปี พ.ศ.2498 ท่านย้ายมาจำพรรษาที่วัดแฮอินซา และฝึกฝนตนเองอย่างเต็มที่ทั้งกาย วาจา ใจ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งนี้ แล้วท่านก็พบจุดพลิกผันอีกครั้ง หลังพบว่า พุทธศาสนายังมีนิกายเถรวาทอีกนิกายหนึ่ง ซึ่งมีข้อวัตรปฏิบัติต่างจากมหายาน ท่านขวนขวายหาความรู้ จนได้รู้จักท่านเจ้าคุณพระธรรมกิตติโสภณ จากวัดเบญจมบพิตร (สมณศักดิ์ก่อนมรณภาพ คือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์)

  ภาพประวัติศาสตร์...พระมหาเถระปุญญสันโต (วงกลมซ้าย) หลังจากบวชได้ 3 พรรษาแล้ว สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ (วงกลมกลาง) และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วงกลมขวา)

ได้ไปเยี่ยมที่ประเทศเกาหลี ณ วัดแทจงซา ได้ถ่ายรูปร่วมกันหน้าพระอุโบสถที่กำลังก่อสร้าง

    เมื่อศึกษาพุทธเถรวาทอย่างถ่องแท้ ท่านก็ชักชวนเพื่อนๆประมาณ 20ท่าน เปลี่ยนจากพระมหายานมาเป็นเถรวาท โดยมีพระธรรมกิตติโสภณเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2516 แต่ต่อมาพระเพื่อนที่ร่วมบวช ต้องพบการกระทบกระทั่งจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ และที่สำคัญคือทนต่อพระธรรมวินัยเถรวาทไม่ไหว ก็ทยอยลาสิกขาไปเป็นพระมหายานดังเดิมจนหมด แต่พระมหาเถระปุญญสันโตกลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นความลำบาก แม้ลูกศิษย์จะขอร้องให้เปลี่ยนกลับเป็นพระมหายาน ท่านก็ยังหยัดสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับการเป็นพระเถรวาท ถึงขนาดประกาศว่าจะยอมตายในผ้าเหลือง และอยู่มาถึงวันนี้ได้ 37พรรษาแล้ว
 
    ท่านคือต้นแบบที่หาได้ยาก ในการฝึกตนจนครองใจคนรอบข้าง ในปี พ.ศ.2532 ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าอาวาสวัดแทจงซา และเป็นประธานวัดสำคัญๆในเกาหลี ก่อนจะเป็นอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตปูซานในปี พ.ศ.2544-พ.ศ.2546
 
    ในปี พ.ศ.2546 ท่านยังชักชวนพระเพื่อนในเกาหลี เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยถึงศรีลังกา คณะสงฆ์ศรีลังกาจึงซาบซึ้ง มอบรางวัลและแต่งตั้งท่านให้ได้รับสมณศักดิ์เป็น“สัมโพธิศาสนา โชติกะมหาเถระ”
 
  ปี พ.ศ.2551 พระภาวนาวิริยะคุณมอบของที่ระลึกให้กับพระมหาเถระปุญญสันโต
ผู้ก่อตั้งวัดแทจงซา ซึ่งเป็นวัดพุทธแบบเถรวาทเพียงวัดเดียวที่ก่อตั้งโดยชาวเกาหลี
 
    ท่านมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่องานมาฆบูชาปี พ.ศ.2549 และได้พบคุณครูไม่ใหญ่ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) ท่านกล่าวว่า มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของการบวชเป็นพระ เมื่อได้มาพบกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จากนั้นท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการนำผลงานของวัดพระธรรมกายไปบอกทั้งพระทั้งโยม ทำให้ชาวเกาหลีรู้จักได้อย่างกว้างขวางในชื่อ “วัดพระพุทธเจ้าล้านองค์”
 
  พระอุโบสถ วัดแทจงซาในปัจจุบัน ซึ่งก่อตั้งโดยพระมหาเถระปุญญสันโต
เป็นวัดพุทธเถรวาทเพียงวัดเดียวที่ก่อตั้งโดยชาวเกาหลี
 
    ด้วยจิตปรารถนาอยากให้ทุกคนพบความสุขภายในจากหลักธรรมดั้งเดิม ท่านจึงก่อตั้งวัดแทจงซา ซึ่งเป็นวัดพุทธเถรวาทเพียงวัดเดียวที่ก่อตั้งโดยชาวเกาหลี และล่าสุดในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2552 ท่านก็ได้สถาปนานิกายเถรวาทเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินเกาหลี และได้รับเลือกให้เป็นประธานสงฆ์ผู้มีอำนาจสูงสุดของนิกายเถรวาทในเกาหลีเป็นองค์แรกอีกด้วย
 
พระภาวนาวิริยะคุณลงนามความร่วมมือระหว่างมูลนิธิธรรมกายกับองค์กรพระพุทธศาสนา
นำโดยท่านอิลเมียนซือนิม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเกาหลี
 
    รูปที่สองได้แก่ ท่านอิลเมียนซือนิม เจ้าอาวาสวัดพงซอนซา องค์ที่25ของนิกายโจเกจง, ผู้อำนวยการพระทหารสูงสุดนิกายโจเกจง เมื่อปี พ.ศ.2548 และปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดพุลลัมซา และประธานมูลนิธิแซงเมียงนานุม ท่านออกบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่ 12ขวบ เพราะเป็นผู้มีความสามารถและฝักใฝ่ในธรรม ท่านจึงได้รับมอบให้ทำงานพระศาสนาในตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นบุคคลสำคัญของนิกายโจเกจงในปัจจุบัน
 
    ท่านเคยเป็นพระอาจารย์ให้ศีลแก่สามเณรและพระภิกษุที่วัดแฮอิน ซึ่งต้องคัดเลือกจากพระที่มีศีลาจารวัตรงดงาม บวชมานาน ประพฤติตัวดีทั้งปริยัติและปฏิบัติ จากนั้นก็ได้ทำงานในส่วนกลางของนิกายโจเกจงมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการด้านการศึกษา ผู้อำนวยการพระทหาร เจ้าอาวาส รวมถึงประธานมูลนิธิ
 
    ปัจจุบัน แม้ท่านจะมีตำแหน่งต้องรับผิดชอบมากแต่ก็ไม่เคยละทิ้งกิจวัตรของสมณะแม้แต่วันเดียว ท่านจะตื่นแต่เช้ามาสวดมนต์ทำวัตรประมาณตีสี่ครึ่ง หลังออกไปทำงานที่สำนักงานในกรุงโซลจนถึงเย็น แล้วก็จะกลับมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นกับพระลูกวัด ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะอยู่ต้อนรับญาติโยมที่มาทำบุญแต่เช้าด้วยความเบิกบาน หากเป็นวันพระ วันสำคัญทางพุทธศาสนา หรือวันงานบุญต่างๆ หลังจากสวดมนต์แล้วท่านจะแสดงธรรมแก่ญาติโยมเสมอๆ เรียกได้ว่าท่านมีหัวใจของพระนักเทศน์ เพราะยังออกเทศน์ตามสถานที่สำคัญ เช่น ค่ายทหาร โรงเรียน สถานสงเคราะห์ และยังเป็นเจ้าของผลงานหนังสืออีกสองเล่ม คือ หลังคาสร้างดีแล้ว...ฝนไม่รั่ว และ มือว่างเปล่าที่มีความสุข ทำให้เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการคณะสงฆ์
 
พระครูวิเทศปัญญาภรณ์ (สมบุญ สมฺมาปุญฺโญ) เป็นตัวแทนพระราชภาวนาวิสุทธิ์
มอบภาพรวมพลังเด็กดีวีสตาร์ แด่ ท่านอิลเมียนซือนิม
เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2552
 
    ท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด คอยต้อนรับ รับรองวีซ่าและให้ที่อยู่อาศัยแก่พระจากวัดพระธรรมกายที่ไปบุกเบิกเกาหลี เมื่อได้เดินทางมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกในปี พ.ศ.2549 ก็ประทับใจมาก กลับไปนำพระทหารในสังกัดมาร่วมงานบุญที่วัดเป็นประจำ และไปบอกต่อแก่พระผู้ใหญ่ในเกาหลี ทำให้พระเกาหลีมาเยี่ยมชมวัดพระธรรมกายทุกปี และสามารถเผยแผ่พุทธศาสนาในเกาหลีได้อย่างสะดวกราบรื่น
 
    ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ 3 มกราคม พ.ศ.2553 ซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย (DOU) ได้จัดพิธีประสาทปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในครั้งนี้ พระมหาเถระทั้งสองรูปได้เชิญพระภิกษุจากประเทศเกาหลีจำนวน 50รูปมาร่วมแสดงความยินดี และท่านมีความปลาบปลื้มปีติอย่างยิ่งที่ได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ในครั้งนี้

ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง