ร.ร.พระปริยัติฯ ขอสอบ โอเน็ต 
 
    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยผลสำรวจผู้บริหารโรงเรียน พระปริยัติธรรม ต้องการใช้การสอบโอเน็ต เป็นเกณฑ์พิจารณาจบหลักสูตร
 
    กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริหารโรงเรียน และบุคลากรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จำนวน 1,525 รูป/คน ถึงความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯใน ปัจจุบัน พบว่าประเด็นที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน คือ ระบบการบริหารจัดการที่ยังไม่เข้มแข็ง บุคลากรขาดความชำนาญในวิชาที่สอน ไม่มีระบบติดตามผลการดำเนินงานของโรงเรียน ขาดระบบประชาสัมพันธ์ ขณะเดียวกันผลการประเมินคุณภาพของการจัดการศึกษาของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. ยังมีโรงเรียนประมาณร้อยละ 30 ที่ยังไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด อัตราส่วนของผู้เรียนที่จบนักธรรมมีน้อย ระบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นการดำเนินการแบบตั้งรับ อัตราการเรียนต่อด้านสามัญของผู้เรียน การลาออกระหว่างภาคเรียนมีสูง และขาดมาตรการส่งเสริม จูงใจ และสร้างทัศนคติใหม่แก่ผู้เรียนในการครองตนเป็นเพศบรรพชิตเพื่อเป็นศาสนทายาทที่ดี อีกทั้งยังมีระเบียบปฏิบัติ กฎหมายหลายประการที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมฯโดยจากผลการสำรวจยังพบว่า สาเหตุที่ทำให้คุณภาพของโรงเรียนยังอยู่ในระดับต่ำ คือ การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ของทุกปี มักจะสอบตรงกับการสอบบาลีสนามหลวง ทำให้โรงเรียนต้องนำนักเรียนไปสอบบาลีสนามหลวง สถานภาพครูและบุคลากรที่ไม่มีความมั่นคง ผู้ประเมินภายนอกบางคนไม่เข้าใจบริบทของโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ ทำให้ผลการประเมินไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ผลการสำรวจยังเสนอแนวทางแก้ไขคือ คัดเลือกสถานศึกษาที่มีคุณภาพระดับดีขึ้นไป เพื่อประชาสัมพันธ์ ยกย่อง และเผยแพร่ผลการดำเนินงานเป็นต้นแบบให้แก่สถานศึกษาอื่นๆ ประสานการทดสอบภาษาบาลี และการทดสอบโอเน็ตให้มีช่วงเวลาต่างกัน เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบทั้ง 2 ประเภท รวมทั้งกำหนดเป็นนโยบายให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องให้ผู้เรียนเข้าสอบโอเน็ต และใช้เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณาจบการศึกษาตามหลักสูตร.
 
 
 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง