CASE STUDY
	
		พุทธอุทยาน นานาชาติ
		
		
	
			เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
	
		
		กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
		
	
		        ลูกรู้สึกดีใจหลาย ที่คุณครูไม่ใหญ่จะจัดให้มีการสถาปนาพุทธอุทยานนานาชาติขึ้นในวันออกพรรษานี้ เพราะพื้นที่บริเวณนี้ อยู่ติดกับพื้นที่ที่ลูกอาศัยอยู่ในปัจจุบันค่ะ ลูกเป็นคนบ้านน้ำเป อำเภอกิ่งรัตนวาปี จ.หนองคาย และในฐานะที่ลูกเป็นคนในพื้นที่ลูกจึงขอส่งเรื่องราวที่เกี่ยวกับพญานาค ในบริเวณพื้นที่นี้มาเล่าสู่กันฟังก่อนที่สาธุชนจำนวนมหาศาลจะพากันเดินทางมาปลูกต้นสน และชมบั้งไฟพญานาคกันที่นี่ ลูกขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ
		
	
		        บ้านเป จัดว่าเป็นอาณาบริเวณที่มีการพ่นบั้งไฟพญานาคมากเป็นอันดับต้นๆของสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมบั้งไฟพญานาคกัน ซึ่งก็จริงๆค่ะ เพราะตั้งแต่ลูกเกิด พอจำความได้ก็ได้เห็นบั้งไฟพญานาคตั้งแต่ตัวน้อยๆแล้ว  บางปีที่นี่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นมากกว่า 100 ดวง มีคนมาดูมากถึง 8,500 คน จนทำให้ชาวบ้านแถวนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา และชาวบ้านที่นี้ก็มีความเชื่อเรื่องพญานาคกันมาก เพราะบ่อยครั้งเขาจะเห็นพญานาคตัวเป็นๆ ว่ายน้ำเล่นกันในลำน้ำโขง ซึ่งลูกเองก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นเช่นนั้นด้วย
		
	
		        พอถึงวันออกพรรษาทีไร ก็จะเห็นพิธีการไหลเรือไฟตอนกลางคืนกลางลำน้ำโขง เพื่อเป็นการบวงสรวงพญานาค เทพเจ้าแห่งลำน้ำ โดยชาวบ้านจะช่วยกันตัดไม้ไผ่ลำใหญ่ๆมาต่อเป็นแพขนาดใหญ่ บนแพจะตกแต่งด้วยโคมเทียนนับร้อยๆดวง แต่สมัยนี้บางที่เขาจะประดับประดาด้วยหลอดไฟหลอดเล็กๆ และจัดให้มีการประกวดกันด้วย บนแพนี้จะมีต้นกัลปพฤกษ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีเครื่องอัฐบริขาร  มีขันธ์ 5 และชาวบ้านก็จะนำเรือแพนี้ออกไปล่องยังลำน้ำโขงในตอนกลางคืน ซึ่งลูกจำได้ว่า สมัยที่ลูกยังเด็กๆ ตอนนั้นตรงกับวันออกพรรษาในปีพ.ศ.2517 ลูกก็ได้ไปช่วยเขาทำเรือไฟ และออกไปล่องกลางลำน้ำโขงกับเขาด้วยตอน 2 ทุ่ม แต่ลูกนั่งไปบนเรือยาวที่ขนาบไป 2 ข้างพยุงแพนี้ค่ะ  คือแพอยู่ตรงกลางระหว่างเรือยาว 2 ลำใหญ่ พอพายๆกันไปลูกก็ได้สังเกตพบว่า อยู่ๆก็มีงูเขียวตัวเล็กๆจากไหนก็ไม่ทราบเลื้อยขึ้นไปอยู่บนยอดกัลปพฤกษ์ ในเรือแพของเราด้วย แล้วทำท่าผงกหัวเหมือนรับรู้ว่า เรามาบูชาบวงสรวงพญานาคเทพเจ้าแห่งลำน้ำนี้กัน  ซึ่งการบูชานี้ ต่างคนก็จะอธิษฐานขอปู่นาค ให้ช่วยปกปักรักษาคุ้มครองพวกเรา ให้หาปลาได้ ให้อย่ามีภยันตรายใดๆเกิดขึ้นกับพวกเขาและคนในครอบครัวเลย และที่สำคัญก็จะไม่ลืมที่จะอธิษฐานขอให้คืนนี้มีบั้งไฟขึ้นเยอะๆด้วย
		
	
		        การไหลเรือไฟของปีนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮาสุดๆ แต่ก็มีบางคนเอาเหล้าขึ้นไปกินบนเรือหางยาวนั้นด้วยในปีที่ลูกไป จึงเป็นเหตุให้เมากันยกใหญ่ และเกิดอุบัติเหตุเรือยาวพลิกคว่ำ คนในเรือจึงต้องมาอยู่ในน้ำป๋อมแป๋มกันหมด แต่แต่ละคนก็ว่ายน้ำกันคล่องอยู่ค่ะ จึงไม่ตกอกตกใจอะไรกันมาก ซึ่งลูกเองตอนนั้นก็รีบว่ายเข้าหาฝั่งเหมือนหลายๆคน แต่พอลูกว่ายมาจนถึงระดับน้ำสูงเท่าเอว  อยู่ๆลูกก็ต้องพบกับความประหลาดใจสุดๆ เพราะตรงหน้าของลูก ซึ่งห่างจากตัวลูกแค่ 1 ช่วงแขน มีน้ำแตกกระเด็นขึ้น สักครู่ก็มีเสียงปุดๆ พร้อมกับการลอยขึ้นของลูกบั้งไฟพญานาค ลอยขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของลูกซ้อนกันถึง 3 ดวง จากนั้นลูกไฟก็ลอยขึ้นพ้นน้ำ  ความเร็วจะเท่ากันตลอด ขึ้นไปสูงเสียดยอดมะพร้าว แล้วก็หายไป ลูกรู้สึกสนุก ตื่นเต้น แต่ก็พลางคิดในใจลึกๆว่า พญานาคพ่นบั้งไฟออกมาตรงนี้ แล้วพญานาคจะไม่อยู่ใต้นี้หรือ ซึ่งลูกก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะถูกพญานาคขึ้นมาทำอะไรรึเปล่า ลูกจึงรีบว่ายเข้าหาฝั่ง ซึ่งปีนั้นเองเป็นปีที่มีบั้งไฟขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นร้อยๆ ดวงเลยทีเดียว แต่โดยส่วนตัวแล้วลูกนับได้ทันแค่ 27 ดวงค่ะ
		
	
		        เมื่อพูดถึงตัวพญานาคแล้ว ทำให้ลูกนึกย้อนไปในสมัยที่ลูกอายุได้ 7 ขวบลูกได้เห็นพญานาคจะๆ ด้วยตาเนื้อ ออกมาเล่นน้ำอยู่กลางลำโขงอยู่ 7 วัน 7 คืน ซึ่งก่อนพญานาคจะมา  น้ำจะเป็นคลื่น แล้วน้ำจะแตกดังมาก  พญานาคที่ลูกเห็นนั้นตัวใหญ่ยาวเท่าลำตาล ตัวสีดำเป็นเลื่อมๆ กำลังชูหัวว่ายเล่นน้ำอยู่ พอครบ 7 วันจึงได้หายไป
		
	
		        พื้นที่บริเวณบ้านน้ำเป ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้กับบริเวณที่จะสร้างพุทธอุทยานนั้น เพื่อนสามีของลูก 3 คน เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเขาขับรถมาหาลูกและสามีที่บ้านช่วงประมาณ 4-5 ทุ่ม ตลอดตามทางตั้งแต่บ้านหนองกุ้ง เวินพระสุก จนถึงบ้านน้ำเป เขาเห็นบ้านหลายหลังตั้งเรียงรายกันเป็นหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ เปิดไฟสว่างไสวตลอดแนว ซึ่งลูกก็เถียงเขาว่าจะเป็นไปได้ยังไงพื้นที่แถวนี้จะมีหมู่บ้าน ได้ยังไง เพราะแถวนี้มีแต่ทุ่งนา และก็ยังมีที่นาที่เป็นที่ของลูกด้วย  และหนำซ้ำยังมีเพื่อนสามีของลูกอีกคนหนึ่งขับรถยนต์ผ่านบริเวณนี้ตอนกลางคืน อยู่ๆ ไฟรถก็เกิดดับลง แต่แล่นได้ แต่พอขับผ่านบริเวณนี้ไปแล้วไฟก็ติดใหม่ค่ะ ซึ่งลูกก็คาใจมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
		
	
		        และเรื่องแปลกอีกเรื่องประมาณปี 2523-2534 ลูกได้ฝันว่ามีองค์พระแก้วใสองค์ใหญ่มากเท่าพระธาตุพนมมาประดิษฐานอยู่บนผืนดินที่ เวินพระสุก องค์พระองค์นี้ท่านได้เรียกลูกเข้าไปพบ ลูกจึงนั่งลงกราบแล้วก็สวด อิติปิโสค่ะ ซึ่งในฝันนั้นก็มีแม่ชีอีก 6 คนนั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย หลังจากนั้นภายในปีนั้นเอง ผืนดินตรงนี้ก็มีดอกบัวขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยมีเลยค่ะ  และก็ยังมีบัวขึ้นมากระทั่งถึงปัจจุบันนี้...
		
	
		        ในบริเวณบ้านน้ำเปนี้เป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ที่แปลกๆอยู่หลายอย่าง และเป็นผืนแผ่นดินที่อยู่ติดกับ เวินพระสุก ซึ่งเป็นสถานที่ๆตำนานเล่าขานกันว่า พระสุกได้จมหายลงไปในใต้บาดาลในบริเวณนี้ ซึ่งในสมัยที่มีการหล่อ พระสุก พระใส พระเสริม นั้น พระภิกษุและฆราวาสช่วยกันทำการสูบเตาหลอมทองอยู่ตลอดถึง 7 วัน แต่ทองก็ยังไม่ยอมละลายสักที จึงทำให้นำทองมาหล่อพระไม่ได้ แต่พอถึงวันที่ 8 มีเพียงพระภิกษุสูงอายุรูปหนึ่งกับสามเณรรูปหนึ่งสูบเตาอยู่ อยู่ๆก็ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาขออาสาสูบเตาแทนพระและเณร แต่วันนั้นญาติโยมต่างเห็นบรรดาชีปะขาวจำนวนหลายคนต่างขมีขมันช่วยทำการสูบเตา เมื่อพระภิกษุและสามเณรฉันเพลเสร็จแล้วก็จะไปสูบเตาต่อ ปรากฏว่าได้มีผู้เททองลงเบ้าทั้ง 3 จนเรียบร้อยแล้ว และชีปะขาวก็ได้หายไปไม่เหลือแม้แต่คนเดียว การหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ สำเร็จลงด้วยดีอย่างน่าอัศจรรย์     ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีพระสุกองค์เดียวที่ยังจมอยู่ใต้ลำน้ำโขงในบริเวณที่เรียกกันว่า เวินพระสุก
		
	
		        ครั้งหนึ่ง พระครูสุวรรณคุณาวสัย  ท่านได้ประกอบพิธีบวงสรวง อัญเชิญพระพุทธคุณหลวงพ่อพระสุก ที่จมอยู่ใต้น้ำโขง อำเภอบ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย ขึ้นจากน้ำ ท่านก็ขึ้นโผล่พ้นน้ำประมาณแค่อกองค์พระ จากนั้นก็จมลง คืออัญเชิญไม่สำเร็จ จากชาวหนองคายจึงได้ตัดสินใจทำพิธีเททองหล่อ หลวงพ่อพระสุกจำลอง แทนในปีพ.ศ. ๒๕๓๖ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ วัดหลวง อำเภอโพนพิสัย ซึ่งก็มีเรื่องแปลกมากๆ คือ หลังจากอัญเชิญพระมาประดิษฐานภายในโบสถ์แล้ว เพดานโบสถ์มีน้ำไหลออกมาจากปล่องเพดานตลอดปี โดยหยดลงที่พื้นจนต้องเอาตุ่มมารองน้ำไว้ตลอดเวลา ลักษณะน้ำนั้นใสเย็นเหมือนน้ำฝน  โดยไม่ทราบที่มาที่ไปของน้ำนั้นเลยว่ามาจากไหน ทางวัดได้บูรณะโบสถ์ หาช่างมาซ่อมหมดเงินไปหลายแสนบาท แต่ก็ยังมีน้ำไหลหยดย้อยลงมาเช่นนั้นดังเดิม หยดจนชาวบ้านและทุกคนที่มากราบสักการะต้องแปลกใจไปตามๆกัน ทางวัดจึงประทับร่างทรงหาสาเหตุ จึงได้รับรู้ว่าเป็นหยดน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจากใต้บาดาลว่ากันว่า มีพญานาคหนุ่มมาดูแลรักษาน้ำอยู่ด้านบนมุมโบสถ์มิให้ขาดน้ำตลอดปี…
		
	
		        สามีของลูก เสียชีวิตตอนอายุ 47ปี ด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ในช่วงที่ลูกมาวัดพระธรรมกายเขาก็สนับสนุนลูกตลอดค่ะ หลังจากลูกแต่งงานกับเขาเรามี ลูกชาย ด้วยกัน 2 คน และก็ได้มาเลี้ยง ลูกของพี่ชายสามี อีก 3 คนเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆของตัวเอง รวมเป็น 5คนค่ะ
		
	
		ขอเรียนถามคำถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ค่ะ
		
	
		1. การทำพิธีไหลเรือไฟนั้น พญานาคชอบหรือไม่ พญานาคคิดอย่างไร งูเขียวที่เลื้อยขึ้นไปอยู่บนแพที่ยอดกัลปพฤกษ์นั้นมาจากไหน เกี่ยวข้องกับพญานาคหรือไม่อย่างไรคะ การอธิษฐานขอพรพญานาคนั้นพญานาคจะรับรู้หรือไม่อย่างไร และพญานาคจะช่วยเหลือคุ้มครองชาวบ้านได้จริงไหมคะ หากช่วยจริงๆเขาช่วยทำอะไรบ้างคะ
		
	
		2. ตอนที่ลูกตกน้ำทำไมพญานาคถึงพ่นบั้งไฟตรงหน้าลูกคะ ที่ลูกเห็นเป็นบั้งไฟพญานาคจริงหรือไม่ เพราะตอนลูกเห็นบั้งไฟนั้นน้ำตื้นระดับน้ำแค่เอวเองค่ะ ถ้าพญานาคพ่นจริงพญานาคอยู่ที่ตรงไหนคะ
		
	
		3. ตอนที่ลูกเป็นเด็กเห็นพญานาคนั้น เป็นพญานาคจริงหรือไม่ ทำไมพญานาคถึงได้โชว์ตัวอยู่ในน้ำนานถึง 7 วันคะ และการที่พญานาคเล่นน้ำอยู่ใต้บาดาล กับเล่นอยู่เหนือน้ำพญานาคชอบแบบไหนมากกว่ากัน และทำไมถึงชอบมากกว่าคะ พญานาคชอบให้คนเห็นเขาหรือไม่คะ
		
	
		4. ใต้ลำน้ำโขงตรงบริเวณบ้านน้ำเป และ เวินพระสุก ใต้นั้นเป็นเมืองพญานาครึเปล่า ทำไมมีการพ่นบั้งไฟพญานาค มากกว่าที่อื่น และทำไมที่เวินพระสุกถึงได้มีน้ำวนคะ
		
	
		5. หมู่บ้านที่เพื่อนสามีของลูก 3 คนเห็นนั้นจริงหรือไม่คะ ถ้าจริงเป็นหมู่บ้านของใคร เกี่ยวข้องกับสถานที่ๆ จะสร้างพุทธอุทยานหรือไม่คะ และทำไมเขาต้องมาปรากฏให้เพื่อนสามีของลูกเห็นด้วยคะ และทำไมไฟรถของเพื่อนสามีลูกอีกคนหนึ่งถึงไฟดับ ขณะขับผ่านบริเวณนี้คะ
		
	
		6. พื้นดินตรงเวินพระสุกที่ลูกฝันว่ามีพระพุทธรูปแก้วใสอยู่ ทำไมลูกถึงฝันเช่นนั้น หมายความว่าอะไร แล้วทำไมภายในปีนั้นถึงมีดอกบัวขึ้นเต็มหนองนาไปหมดคะ
		
	
		7. สถานที่ที่เรากำลังมาสร้างพุทธอุทยานกันในปีนี้ อดีตเคยเกี่ยวข้องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอย่างไรหรือไม่คะ 
		
	
		8. จากตำนานการหล่อพระ 3 องค์นั้น มีชีปะขาวมาช่วยจริงหรือไม่คะ หากจริง ชีปะขาวเป็นใคร ทำไมถึงได้มาช่วยสร้าง และสามารถทำให้ทองละลายได้ และทำไมญาติโยมถึงเห็นชีปะขาวหลายคน แต่พระเณรกับเห็นชีปะขาวเพียงคนเดียว แล้วช่วยเสร็จแล้วเขาหายไปไหนกันหมดคะ
		
	
		9. ขณะที่พระท่านอัญเชิญพระสุกขึ้นจากน้ำ ท่านทำอย่างไรคะ ตอนนั้นมีการใช้ฤทธิ์ต่อสู้ หรือต่อรองกับพญานาคหรือไม่อย่างไรคะ แล้วพญานาครู้สึกอย่างไร แล้วทำอะไรกันบ้าง ถึงอัญเชิญพระสุกมาได้แค่ระดับอกคะ
		
	
		10. หากเราสร้างพุทธอุทยานเสร็จ แล้วทำสถานที่นั้นให้เอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เราจะสามารถอัญเชิญพระสุกขึ้นมาประดิษฐานที่พุทธอุทยานแห่งนี้ได้หรือไม่คะ หากจะอัญเชิญมาธิดาพญานาคท่านคิดอย่างไร ว่าอย่างไรคะและพญานาคจะแปลงกายเป็นมนุษย์ ขึ้นมาที่พุทธอุทยานนานาชาติหรือไม่อย่างไรคะ ถ้ามาได้จะขึ้นมาทำอะไรคะ
		
	
		11. ทำไมในโบสถ์ที่ประดิษฐานพระสุกจำลอง ถึงมีน้ำไหลออกมาจากเพดานตลอดทั้งปี น้ำนั้นมาจากไหน มีพญานาคหนุ่มมาดูแลจริงหรือไม่คะ พระสุกใต้เมืองบาดาลกับองค์จำลองนี้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แล้วที่มีพระสุกจำลองธิดาพญานาคที่ชื่อสุก ท่านคิดอย่างไรคะ 
		
	
		12. ในชาติก่อนๆ ลูก และลูกพระธัมฯที่จะมาร่วมสถาปนาพุทธอุทยาน เคยได้ทำบุญในบริเวณพุทธอุทยานนานาชาติหรือไม่ อย่างไร และในชาติก่อนเคยทำบุญร่วมกันมากับพญานาคบริเวณนั้นมาหรือไม่อย่างไรคะ
		
	
		13. ด้านหลังเหรียญห่วงใยมีพญานาคอยู่ ๒ ตัว จะทำให้เหรียญนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับพระมหาสิริราชธาตุกรอบพญานาคหรือไม่  เพราะเหตุใด และเหรียญของขวัญนี้จะช่วยให้การเดินทาง โดยเฉพาะทางน้ำจะปลอดภัยยิ่งๆ ขึ้นหรือไม่ เหรียญของขวัญนี้มีพญานาคอยู่ด้านหลังจะป้องกันภัยจาก งู  ตุ๊กแก และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ได้หรือไม่อย่างไรคะ
		
	
		14. บุพกรรมใดที่ทำให้สามีของลูกเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากและอายุสั้น เขาตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ได้รับบุญที่อุทิศหรือมีอะไรอยากฝากบอกไหมคะ ทำไมลูกได้มาเลี้ยงลูกของพี่ชายของสามีทั้ง 3 คนด้วย อดีตชาติเป็นอะไรกับลูกมารึเปล่าคะ
		
	
		15. ลูกและลูกชายแท้ๆ 2คน และลูกของพี่ชายสามีทั้ง 3 คนเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาหรือไม่อย่างไรคะ
		
	
		กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
		
	
		ฝันในฝัน
	
		หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 
	
		ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
	
		1. พญานาคบางพวกก็ชื่นชม  ,  บางพวกก็เฉย ๆ กับการ ไหลเรือไฟ     แต่ส่วนใหญ่จะชื่นชมที่มนุษย์ได้ร่วมเฉลิมฉลองกับเขา  ,  แต่ไม่ชอบมนุษย์ที่ดื่มน้ำเมาจ่ะ !
	 
 - 
			“งูเขียว” ที่เลื้อยขึ้นไปบนแพ   และไปอยู่บนยอดกัลปพฤกษ์นั้นติดมาจากต้นไม้ที่เขาเอามาทำต้นกัลปพฤกษ์     มันก็เลื้อยมาตามธรรมชาติ  ,  เป็นงูธรรมดาไม่เกี่ยวกับพญานาค
 
 
 - 
			การอธิษฐานขอพรพญานาคนั้น   บางพวกก็รับรู้  ,  บางพวกก็ไม่รับรู้     แต่จะสำเร็จหรือไม่   ก็ขึ้นอยู่กับบุญหรือการกระทำของ      ผู้ขอพรเอง     เพราะพญานาคมาช่วยอะไรไม่ได้มากจ่ะ !  
 
- พญานาคก็ช่วยเสริมผู้ที่ประพฤติธรรมเท่านั้น , หลักใหญ่อยู่ที่ตัวมนุษย์เป็นหลักจ่ะ !

		2. ลูกตกน้ำแล้วเห็นบั้งไฟพญานาคตรงหน้า   ก็เป็นเรื่องจริง เพราะ...เขาสามารถพ่นบั้งไฟได้ในระดับใต้ดิน  ,  ไม่เกี่ยวกับ   น้ำตื้นหรือน้ำลึกจ่ะ !   
	- อีกทั้งบั้งไฟพญานาคก็เป็นของกึ่งหยาบกึ่งละเอียดจ่ะ !
 
 - พญานาคที่พ่นบั้งไฟพญานาคตรงหน้าลูก ก็อยู่ใต้ดินบริเวณที่ลูกยืนอยู่ในน้ำแค่เอวลูกนั่นแหละจ่ะ !

		3. ตอนลูกเป็นเด็กเห็นพญานาคนั้น   ก็เป็นเรื่องจริงจ่ะ !พญานาคเขาออกมาเล่นน้ำโชว์ตัวนานถึง  7  วัน    เพราะตอนช่วงนั้น   มนุษย์ยังมีศีลมีธรรมดีกว่ายุคนี้จ่ะ ! 
	 
 - 
			แล้วแต่โอกาสของพญานาคที่จะมาเล่นน้ำใต้บาดาลหรือเหนือน้ำ       แต่เขาชอบเล่นน้ำใต้บาดาลมากกว่าจ่ะ ! 
 
- 
			ที่ชอบมากกว่าเพราะเป็น “ส่วนตัว” มากกว่าจ่ะ !    
 
- 
			โดยธรรมชาติพญานาคเขาไม่ค่อยชอบให้มนุษย์เห็น    เพราะระแวงพวกมนุษย์    
 
- ดังนั้นก็แล้วแต่โอกาสที่เขาจะมาให้เห็นจ่ะ !

		4. ใต้น้ำโขงบริเวณ “บ้านน้ำเป” และ “เวินพระสุก”   ใต้นั้นเป็น “เมืองพญานาค” จ่ะ !   
	- ที่มีการพ่นบั้งไฟพญานาคมากกว่า ที่อื่น เพราะเป็นบริเวณที่มีพญานาคมา “จำศีล” มากกว่าที่อื่นเนื่องจากมันสงบดีจ่ะ !
 
 - ที่เวินพระสุกมี “น้ำวน” เพราะ...เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่น้ำไหลแล้วมากระทบเกาะแก่งก็หมุนวนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เกี่ยวกับพญานาคจ่ะ !

		5. หมู่บ้านที่เพื่อนสามีของลูก  3  คนเห็นนั้น เป็นเรื่องจริงจ่ะ ! เป็นหมู่บ้านของ “ภุมมเทวา” ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา     แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้าง   พุทธอุทยานนานาชาติ  ,  แต่ก็ปีติยินดีในการสถาปนาจ่ะ !    
		
	 
 - 
			เพื่อนสามีของลูกเห็นได้    เพราะอายตนะมาตรงกันกับอารมณ์ของภุมมเทวาที่อยากจะ “หยอกล้อเล่น” จ่ะ !
 
- ไฟในรถของเพื่อนสามีอีกคนหนึ่งดับ แต่รถแล่นได้ , ก็เป็นฝีมือของภุมมเทวาขี้เล่นที่ต้องการหยอกล้อจ่ะ !

		6. พื้นดินตรง “เวินพระสุก” ที่ลูกฝันเห็นว่ามีพระพุทธรูปแก้วใสอยู่นั้น     ก็เป็นนิมิตว่าต่อไปพื้นดินแถวนี้จะเป็นศูนย์รวมของชาวพุทธนานาชาติจ่ะ !
	 
 - ภายในปีนั้นมีดอกบัวขึ้นเต็มหนองนาไปหมด เพราะ...เป็นบุพนิมิตว่า ต่อไปจะมีศูนย์รวมของชาวพุทธนานาชาติขึ้นบริเวณแถว ๆ นั้นจ่ะ !

		7. สถานที่เรากำลังจะสร้างพุทธอุทยานนานาชาติในปีนี้ อดีตนั้น   ก็มีความเกี่ยวข้องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ที่พระองค์ท่านเคยเหาะมาประทับเพื่อโปรดพญานาคแถวนั้น     รวมทั้งมนุษย์ที่อยู่แถว ๆ นั้นด้วย     จนทำให้เกิดความเลื่อมใสขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจ่ะ !
	
		8. จากตำนานการหล่อองค์พระ 3 องค์   มี “ชีปะขาว” มาช่วยจริง ๆ จ่ะ !   
	- ชีปะขาว คือ พญานาคแปลงตัวมา เพราะต้องการมีส่วนร่วมในการหล่อพระครั้งนี้จ่ะ !
 
 - 
			ญาติโยมเห็น “ชีปะขาว” หลายคน     แต่พระเณรเห็นเพียงคนเดียวนั้น   เพราะ...แล้วแต่เขาจะตั้งใจให้ใครเห็น   ...ที่ทองละลายได้    เพราะแรงที่พญานาคอธิษฐานขอให้มีส่วนร่วมในการหล่อพระจ่ะ !  
 
- เมื่อหล่อพระเสร็จก็ “แว๊บ” กลับใต้บาดาลเลย จ่ะ !

		9. ขณะที่พระอัญเชิญพระสุกขึ้นจากน้ำนั้น     พญานาค  ไม่ยอม     พระท่านจึงได้ทำพิธีอัญเชิญตามหลัก “วิชาไสยเวทย์”  จ่ะ !     แต่พญานาคก็ยังไม่ยอม   จึงดึงกลับ     ดังนั้นพระสุกจึงโผล่แค่ระดับอกจ่ะ !
	
		10. หากเราสร้างพุทธอุทยานเสร็จ   ถ้าเรามีบุญพอ     และเจ้าของเก่าเขายอม     ก็มีสิทธิ์อัญเชิญ “พระสุก” ขึ้นมาประดิษฐานได้จ่ะ !     
	- พญานาคก็มีสิทธิ์แปลงกายมาที่พุทธอุทยานได้ ถ้าเขาปรารถนา เพราะเขามีกายกึ่งหยาบกึ่งละเอียด เช่นเดียวกับการมาหล่อพระนั่นเองจ่ะ !

		11. โบสถ์ที่ประดิษฐานพระสุกจำลอง   มีน้ำไหลออกจากเพดานตลอดปี    เพราะมีพญานาคมาดูแล     เนื่องจากอยากได้บุญจึงบันดาลให้เกิดปรากฏการณ์นั้นจ่ะ !
	 
 - 
			พระสุกที่ใต้บาดาลและพระสุกจำลองที่เมืองมนุษย์     ก็มีความศักดิ์สิทธิ์พอ ๆ กัน    เพราะเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,ถ้ามีความเลื่อมใสพระองค์อย่างแรงกล้า     ก็จะศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะถ้าปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์จ่ะ !    
 
- ธิดาพญานาคก็อนุโมทนาในการสร้างพระสุกจำลองจ่ะ !

		12. ในชาติก่อน ๆ นานมากแล้ว   ในพุทธันดรแรกของกัปนี้ ลูกและลูกพระธัม   ก็เคยมาสร้างบุญที่บริเวณที่จะสถาปนา          พุทธอุทยานนานาชาติจ่ะ !     โดยเคยมาสร้างวัดสาขาแห่งหนึ่งเป็นที่ปฏิบัติธรรมเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นจ่ะ !    พญานาคยุคนั้นคนละกลุ่มกับยุคนี้    แต่ก็เคยมีอยู่  แถว ๆ นี้   เมื่อพุทธันดรแรกของกัปนี้จ่ะ !
	
		13. ด้านหลังเหรียญ “ห่วงใย” มีพญานาค  2  ตน     ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระมหาสิริราชธาตุที่มีกรอบพญานาคจ่ะ !    เพราะได้ซ้อนวิชชาธรรมกายเหมือนกัน     
	 
 - 
			แต่ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา  คือ      ต้องน้อมนำมาตั้งใจที่ศูนย์กลางกายแล้วทำใจให้    หยุดนิ่ง ๆ     ทำจิตให้เลื่อมใสจนเห็นองค์พระอยู่ภายใน     แล้วหมั่นระลึกนึกถึงให้ได้ตลอดเวลา    
 
- เมื่ออธิษฐานจิตใด ๆ เสียงละเอียดก็จะดังก้องไปถึงผู้ผลิตพระของขวัญจ่ะ !

		14. สามีของลูกเป็น “มะเร็งต่อมลูกหมาก” และอายุสั้น  เพราะ...กรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหาร   และฆ่าสัตว์ขายหลาย ๆ ชาติ  ,  รวมทั้งเคยฆ่าคน   บวกกับกรรมเจ้าชู้ไปด้วย      มารวมส่งผลจ่ะ !
	 
 - ตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้น “ดาวดึงส์” เฟส 3 ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา , ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ยิ่งทำให้มีสถานที่ดีขึ้น ...แต่ก็รู้สึกว่าบุญของตัวน้อย เพราะมาอยู่ท้าย ๆ ของดาวดึงส์ , รู้สึกเสียดายว่า ตอนเป็นมนุษย์สร้างบุญน้อยไป แม้จะเข้าใจเรื่องบุญดีก็ตาม , จึงอยากได้บุญเยอะ ๆ จากลูกที่จะอุทิศไปให้เขา

		15. ลูกและลูกชายแท้  2  คน   กับลูกของพี่ชายสามี  3  คน เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”    แต่ไม่ค่อยสม่ำเสมอจ่ะ !
	 
 - ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญแล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !











