การโชว์ซองบุหรี่ ณ จุดขายทำให้การเลิกสูบบุหรี่ยากขึ้น
งานวิจัยโดย เจเนตต์ โฮค และคณะจากภาควิชาการตลาด มหาวิทยาลัยโอตาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ระบุการเห็นซองบุหรี่ ณ จุดขาย ทำให้ผู้สูบบุหรี่เกิดอารมณ์ที่อยากสูบบุหรี่มากขึ้น
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดโดยเจเนตต์ โฮค และคณะจากภาควิชาการตลาด มหาวิทยาลัยโอตาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ที่ทำการสัมภาษณ์ผู้สูบบุหรี่ 20 คน ที่พยายามจะเลิกสูบบุหรี่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อค้นหาปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการเลิกสูบบุหรี่ พบว่าสาเหตุที่เป็นแรงจูงใจให้เลิกบุหรี่อันดับหนึ่งคือ การอยากเอาชนะใจตัวเองว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ในการที่จะไม่สูบบุหรี่ รองลงมาคือ การมีประสบการณ์เกิดการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่ และการอยากจะประหยัดเพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในบ้าน
ซึ่งผู้สูบบุหรี่ทั้ง 20 คน บอกว่า การเห็นซองบุหรี่ ณ จุดขาย ทำให้เขาเกิดอารมณ์ที่อยากสูบบุหรี่ และทำให้เกิดการซื้อบุหรี่โดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะซื้อ ทำให้ความพยายามที่จะเลิกสูบบุหรี่ของเขาต้องเจออุปสรรคที่จะต้องต่อสู้กับตัวเอง ทำให้ยิ่งเลิกยากขึ้น ผู้สูบบุหรี่ยังมีความเห็นว่า การตั้งซองบุหรี่ ณ จุดขายมีผลกระตุ้นให้เด็ก ๆ เริ่มทดลองสูบบุหรี่ ทำให้มองว่าบุหรี่เป็นสินค้าธรรมดาจากการวางขายปะปนกับขนมและนม ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ใคร ๆ ก็สูบบุหรี่กัน
สำหรับประเทศไทย แม้กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศว่า การแสดงซองบุหรี่ ณ จุดขาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 โดยให้ร้านค้าปลีกติดป้าย “ที่นี่ขายบุหรี่” ได้เท่านั้น ตั้งแต่ พ.ศ.2548 แต่ก็มีร้านค้าจำนวนไม่น้อยที่ท้าทายกฎหมายโดยโชว์ซองบุหรี่ ณ จุดขาย โดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ขอความร่วมมือร้านค้าปลีกให้เห็นแก่เยาวชนไทย และผู้สูบบุหรี่ที่พยายามที่จะเลิกสูบบุหรี่ โดยการปฏิบัติตามกฎหมายห้ามตั้งซองบุหรี่ที่จุดขาย และอย่าได้หลงเชื่อการยุยงที่ขาดศีลธรรมของบริษัทบุหรี่