ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2554
ตอน พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 50 อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์
 
 
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ตอนที่ 50 "อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์" 
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
        ความเดิมจากตอนที่แล้ว... นอกจากนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงตรัสอุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาในหนึ่งมหากัป เอาไว้อีกอุปมาหนึ่ง โดยสามารถสรุปใจความให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้ว่า “ดั่งมีนครที่กำแพงเมืองทำด้วยเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวขนาดหนึ่งโยชน์ ความกว้างขนาดหนึ่งโยชน์ และมีความสูงขนาดหนึ่งโยชน์ (ถ้าจะคำนวณปริมาตรที่อยู่ภายในเขตกำแพงของนครแห่งนี้ทั้งหมด ก็ประมาณ 4,096-ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือประมาณ 4,096,000-ลูกบาศก์เมตร)-ภายในนครแห่งนั้น จะถูกอัดแน่นไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาดจนเต็มพื้นที่ไปหมด และในทุกๆหนึ่งร้อยปี จะมีบุรุษหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดออกจากนครหนึ่งเมล็ด...”
 
        เมื่อใดก็ตามที่เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่ ได้หมดสิ้นไปจากนครแห่งนี้ เมื่อนั้นช่วงระยะเวลาของหนึ่งมหากัปก็ยังไม่ถึงกาลหมดสิ้นไป ดังนั้น ระยะเวลาในหนึ่งมหากัปจึงยาวนานอย่างนี้” 
 
 
        แต่ก่อนที่จะทำความเข้าใจในเรื่องมหากัปให้ละเอียดกว่านี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรมาทำความเข้าใจกันเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ...เรื่องของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ รวมถึงเรื่องการเพิ่มและการลดลงของอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า การไขขึ้นและไขลงของอายุ เพราะถ้าเรามีความเข้าใจในเรื่องอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์แล้ว เราก็จะสามารถทำความเข้าใจในเรื่องระยะเวลาในหนึ่งมหากัปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว อายุขัยเฉลี่ย หรือที่เรียกว่า อายุกัป ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน คือ 75-ปี แต่ในสมัยพุทธกาลอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์จะเท่ากับ 100-ปี สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอายุขัยเฉลี่ยในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น มีความแตกต่างกันออกไป 
 
 
        ที่เป็นแบบนี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศีลธรรมที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ หากในยุคใดสมัยใดมนุษย์มีศีลธรรมในจิตใจมาก ในยุคนั้นสมัยนั้น...อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็จะยืนยาวตามไปด้วย และในขณะเดียวกัน หากในยุคใดสมัยใดมนุษย์มีศีลธรรมในจิตใจน้อย ในยุคนั้นสมัยนั้น...อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ก็จะสั้นลง อย่างนี้วนไปเวียนมาเรื่อยๆ 
 
 
        มาถึงตรงนี้ หลายๆคนคงเริ่มสงสัย และอยากรู้ขึ้นมาว่า “แล้วอายุขัยที่ว่ายืนยาวที่สุดและสั้นที่สุดของมนุษย์ จะยืนยาวนานหรือสั้นสักขนาดไหน”-คำตอบ คือ อายุขัยที่ยืนยาวที่สุดของมนุษย์จะเท่ากับหนึ่งอสงไขยปี หรือเท่ากับ 10140-ปี (10-ยกกำลัง 140)-ส่วนอายุขัยที่สั้นที่สุดของมนุษย์จะลดลงเหลือเพียงแค่สิบปีเท่านั้น ดังนั้น ถ้าเรานับระยะเวลาจากอายุมนุษย์ที่ยืนยาวที่สุด คือ หนึ่งอสงไขยปี แล้วอายุค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่มนุษย์มีอายุลดลงเหลือเพียงแค่สิบปี จากนั้น...อายุก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นไปจนถึงหนึ่งอสงไขยปีอีกครั้ง เราจะเรียกระยะเวลาในช่วงนี้ว่า หนึ่งรอบอสงไขยปี ซึ่งเป็นคนละอย่างกับคำว่า อสงไขยมหากัป ถ้าพวกเราเข้าใจตรงนี้แล้ว เราก็จะเข้าสู่เรื่องมหากัปกันต่อไป 
 
 
        แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องมหากัป เรามาดูในเรื่องหน่วยเวลา ตามหลักพุทธศาสนากันก่อน 
 
หน่วยนับจำนวนในพระไตรปิฎก
| ร้อยแสน | เป็น | โกฏิ | 
| ร้อยแสน โกฏิ |  | ปโกฏิ | 
| ร้อยแสน ปโกฏิ |  | โกฏิปโกฏิ | 
| ร้อยแสน โกฏิปโกฏิ |  | นหุต | 
| ร้อยแสน นหุต |  | นินนหุต | 
| ร้อยแสน นินนหุต |  | อักโขภินี | 
| ร้อยแสน อักโขภินี |  | พินทุ | 
| ร้อยแสน พินทุ |  | อัพภุทะ | 
| ร้อยแสน อัพภุทะ |  | นิรพุทะ | 
| ร้อยแสน นิรพุทะ |  | อหหะ | 
| ร้อยแสน อหหะ |  | อพพะ | 
| ร้อยแสน อพพะ |  | อฏฏะ | 
| ร้อยแสน อฏฏะ |  | โสคันธิกะ | 
| ร้อยแสน โสคันธิกะ |  | อุปละ | 
| ร้อยแสน อุปละ |  | กมุทะ | 
| ร้อยแสน กมุทะ |  | ปทุมะ | 
| ร้อยแสน ปทุมะ |  | ปุณฑริกะ | 
| ร้อยแสน ปุณฑริกะ |  | อกถานะ | 
| ร้อยแสน อกถานะ |  | มหากถานะ | 
| ร้อยแสน มหากถานะ |  | หนึ่งอสงไขย | 
 
หนึ่งอสงไขย เท่ากับ 10
140  (คือ เขียนเลข 1 แล้วเติมศูนย์ไปอีก 140 ตัว)
 
        การสร้างบารมีเพื่อที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยถึง 20
-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป ซึ่งหน่วยนับระยะเวลาในพระไตรปิฎกนั้น มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
| 1 มหากัป | เท่ากับ | อสงไขยกัป | 
| 1 อสงไขยกัป |  | อันตรกัป | 
| 1 อันตรกัป |  | รอบอสงไขยปี | 
 
1 รอบอสงไขยปี เท่ากับ ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขลง-ไขขึ้น หนึ่งรอบ 
 
1 รอบอสงไขยปี มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 
 
 
ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขลง หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุลดลงจากหนึ่งอสงไขยปี หรือ 10
140-ปี จนกระทั่งมนุษย์มีอายุสิบปี ซึ่งในทุกๆ 100 ปี อายุของมนุษย์จะลดลงหนึ่งปี 
 
 
ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุไขขึ้น หมายถึง ช่วงระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุเพิ่มขึ้นจากสิบปีไปจนถึงหนึ่งอสงไขยปี หรือ 10
140-ปี ซึ่งในทุกๆ 100
-ปี อายุของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว จาก 10
-ปีเป็น 20
-ปี จาก 20
-ปีเป็น 40
-ปี จาก 40
-ปีเป็น 80
-ปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมนุษย์มีอายุหนึ่งอสงไขยปี 
 
 
        สำหรับมหากัปนั้น เราสามารถแยกย่อยเวลาในมหากัปหนึ่งๆออกเป็นสี่ช่วงเวลาด้วยกัน ซึ่งในแต่ละช่วงเวลา จะเรียกว่า 
อสงไขยกัป หากจะอธิบายให้เข้าใจกันง่ายๆ เราก็อาจจะเปรียบเทียบมหากัปเป็นเหมือนเค้กก้อนหนึ่ง ที่ถูกตัดแบ่งออกมาเป็นสี่ส่วนเท่าๆกัน ซึ่งในแต่ละส่วนที่ถูกตัดแบ่งออกมานั้น ก็คือ 
อสงไขยกัป นั่นเอง ดังนั้น ในหนึ่งมหากัปจึงมีจำนวนอสงไขยกัป เท่ากับ สี่อสงไขยกัป 
 
 
 
        ในแต่ละอสงไขยกัป ยังจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปของโลก ดังนี้ 
 
ช่วงที่ 1.เป็นช่วงเวลาที่โลกของเรากำลังถูกเพลิงเผาไหม้ไปทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่า 
สังวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงเวลาที่โลกกำลังถูกทำลาย หรือช่วงที่กัปกำลังพินาศ 
 
 
 
ช่วงที่ 2.เป็นช่วงเวลาที่เพลิงได้มอดดับลงไป ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่า 
สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงเวลาที่โลกได้ถูกทำลายลงไปเรียบร้อยแล้ว จนเหลือแต่อวกาศที่ว่างเปล่า 
 
 
 
ช่วงที่ 3.เป็นช่วงเวลาที่แผ่นดินเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นโลก ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่า วิวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงเวลาที่โลกกำลังเริ่มพัฒนาจนเข้าสู่สภาวะปกติ หรือช่วงเวลาที่กัปกำลังเจริญขึ้น
 
 
    
ชม Video Scoop พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 50