ลักษณะมหาบุรุษ (๒)
ลักษณะมหาบุรุษ (๒)มนุษย์ทุกคนต่างปรารถนาความสำเร็จอันสูงสุดในชีวิต อยากพบแต่สิ่งที่ดี มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทำให้มนุษย์ต้องดิ้นรนขวนขวาย เสาะแสวงหาสิ่งที่ตนคิดว่า จะเติมส่วนที่บกพร่องของชีวิตให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ได้ จึงแสวงหากันร่ำไป ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้หนทางแห่งความสุขที่แท้จริงว่า อยู่ที่ตรงไหน จะเข้าถึงได้อย่างไร เมื่อไม่ทราบจึงทำให้ชีวิตต้องเวียนวนอยู่กับเรื่องการทำมาหากิน แสวงหากามคุณ เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง พระบรมศาสดาทรงค้นพบว่า วิธีการที่จะทำให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากใจที่หยุดนิ่ง เพราะสุขอื่นนอกจากใจหยุดนิ่งไม่มี ใจที่สงบหยุดนิ่งจะเป็นต้นทางแห่งความสุขและความสำเร็จที่แท้จริง ชีวิตของเราจะก้าวไปสู่ความเต็มเปี่ยม คือ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ดังนั้น การปฏิบัติธรรมด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส จึงเป็นทางมาแห่งความสุขและความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ใน มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ว่า“กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา กมฺมทายาทากมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณากมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้”รูปนามขันธ์ ๕ ที่ก่อเกิดจากการประชุมกันของธาตุ ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟและธาตุลม อีกทั้งอากาศธาตุและวิญญาณธาตุ ทำให้เราเคลื่อนไหวไปมาได้ นึกคิดได้ ซึ่งเกิดจากกรรมปรุงแต่งทั้งสิ้น กรรมในอดีตจะเป็นเครื่องกำหนดให้คน สรรพสัตว์ มีอัตภาพที่แตกต่างกัน แม้เป็นมนุษย์มีโครงสร้าง ๒ แขน ๒ ขาเหมือนกัน แต่ยังมีความแตกต่างกันในรายละเอียดอีกมาก เพราะในความเหมือนนั้น ยังมีความต่างกันหลายอย่าง ซึ่งเกิดจากกรรมเป็นตัวปรุงแต่งนั่นเองลักษณะของกายมหาบุรุษนั้น จะมีความพิเศษจากคนทั่วไปหลายอย่าง ทั้งนี้เพราะเกิดจากการปรุงแต่งด้วยกุศลกรรม ทำให้เป็นกายที่สมบูรณ์ที่สุด ใกล้เคียงกับกายธรรมภายในซึ่งเป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรม เป็นกายแห่งมหาบุรุษอย่างแท้จริง เรามาดูกันว่า ทำไมพระพุทธเจ้าของเราถึงได้ลักษณะมหาบุรุษครบทั้ง ๓๒ ประการประการแรก พระมหาบุรุษมีพระบาทตั้งอยู่เป็นอันดี คือทรงเหยียบพระบาทเสมอกันบนพื้น เมื่อยกพระบาทขึ้นก็เสมอกัน ผู้ที่ได้ลักษณะเช่นนี้ หากอยู่ครองเรือนจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นผู้ทรงธรรม เป็นธรรมราชา มีมหาสมุทรทั้งสี่เป็นขอบเขต มีอาณาจักรมั่นคง ถึงพร้อมด้วยรัตนะ ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้วและปริณายกแก้ว อีกทั้งมีพระราชโอรสมากเป็นพันๆ ซึ่งล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า และพระมหาบุรุษจะทรงชนะศึกโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตรา ทรงครองแผ่นดินมีมหาสมุทรเป็นขอบเขต ไม่มีผู้ใดที่เป็นข้าศึกศัตรูจะข่มเหงได้หากพระมหาบุรุษทรงออกผนวช พระองค์จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา คือ กิเลสถูกเปิดออก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะไม่มีเหล่าข้าศึกศัตรูภายในหรือภายนอก คือ ราคะ โทสะ หรือโมหะ อีกทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม อสูร นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ หรือใครๆ ในโลกกดขี่ข่มแหงพระองค์ได้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ทรงยินดีในสัจจะ ในธรรมะ รักในการฝึกฝนอบรมตน มีความสำรวมระวัง หมั่นทำกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่คิดเบียดเบียนผู้ใด พระองค์รักษาอุโบสถศีลเป็นประจำ ผลบุญนั้นทำให้ทรงเหยียบปฐพีด้วยพระบาทอันเรียบ แม้จะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิตก็ไม่มีใครข่มได้พระพุทธองค์ตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งตถาคตเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ได้นำความสุขให้มหาชนจำนวนมาก บรรเทาความหวาดกลัวและความสะดุ้ง จัดการรักษาป้องกันคุ้มครองอย่างเป็นธรรม ตถาคตนั้นเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงโลกสวรรค์ เพราะกรรมที่ได้สั่งสมพอกพูนไว้ดีแล้ว ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายในโลกสวรรค์โดยสถาน ๑๐ คือ อายุทิพย์ วรรณะทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์และโผฏฐัพพะทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์มาเป็นมนุษย์ ทำให้ใต้ฝ่าเท้าทั้งสองมีจักรเกิด มีซี่กำพันหนึ่ง มีกง มีดุมบริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง”พระพุทธองค์ตรัสเล่าให้ภิกษุสงฆ์ฟังว่า “เมื่อสมัยพระตถาคตเกิดเป็นมนุษย์ ทรงละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง ทำให้พระองค์ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำให้ได้ลักษณะมหาปุริสลักษณะ ๓ ประการ คือ ส้นพระบาทยาว มีพระองคุลียาว และพระวรกายตรงเหมือนกายพรหม ลักษณะเช่นนี้บ่งบอกว่า หากครองเรือนจะเป็นพระราชาจักรพรรดิ จะมีพระชนมายุยืนยาว ไม่มีข้าศึกศัตรูใดๆ จะสามารถปลงพระชนม์ชีพของพระองค์ได้ และหากเป็นพระพุทธเจ้า จะมีพระชนมายุยืนยาวเช่นกัน ไม่มีข้าศึกศัตรูใดๆ ไม่ว่าจะป็นสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ ในโลกก็ไม่สามารถปลงพระชนม์ชีพพระองค์ได้ต่อมา พระองค์ทรงเล่าว่า “ครั้งตถาคตเป็นมนุษย์ในชาติก่อนภพก่อน เป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยว ของที่ควรบริโภค ของที่ควรลิ้ม น้ำที่ควรดื่มอันประณีตและมีรสอร่อย ทำให้ตถาคตไปบังเกิดในโลกสวรรค์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์ มาเกิดเป็นมนุษย์ให้ได้มหาปุริสลักษณะอย่างหนึ่ง คือ มีเนื้อเต็มในที่ ๗ สถาน คือ ที่หลังพระหัตถ์ทั้งสอง ที่หลังพระบาททั้งสอง ที่พระอังสาทั้งสองและที่ลำพระศอ อานิสงส์นี้ ถ้าออกผนวชย่อมได้ของควรเคี้ยว และสมณบริโภคมากมายที่สุด”การที่พระองค์ฝึกเป็นผู้สงเคราะห์ประชาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ คือ ด้วยการให้ ด้วยการกล่าวคำเป็นที่รัก ด้วยการประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ และด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอต้นเสมอปลาย ครั้นละจากโลกนี้ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ทำให้ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เมื่อมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ได้มหาปุริสลักษณะ ๒ อย่าง คือ ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม อีกทั้งพระหัตถ์และพระบาทมีลายดังตาข่าย พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วย พระลักษณะทั้งสองนั้น ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เมื่อเป็นพระราชาจะปรารถนาสิ่งใด ย่อมสมความปรารถนาทุกอย่าง ทำให้มีบริวารมากมายแวดล้อม เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า ทรงมีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาเป็นบริวาร ทั้งเทวดา มนุษย์หรืออสูร นาค ครุฑ คนธรรพ์จะพากันเลื่อมใสและมาเป็นบริวารของพระองค์เราจะเห็นว่า กว่าพระพุทธองค์จะได้ลักษณะมหาบุรุษแต่ละอย่างนั้น พระองค์ต้องสั่งสมบุญไว้มากมาย ภพชาติก่อน พระองค์เป็นผู้กล่าววาจาและด้วยอรรถประกอบด้วยธรรม แนะนำชาวโลกให้ทำความดี เป็นผู้นำประโยชน์และความสุขมาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้บูชาบุคคลผู้ควรบูชาเป็นปกติ ทำให้ได้ลักษณะมหาบุรุษ ๒ ประการ คือ มีพระบาทดุจสังข์คว่ำ มีพระโลมาล้วนมีปลายช้อนขึ้นข้างบนทุกๆ เส้นการที่พระตถาคตได้เข้าไปหาสมณพราหมณ์ และหมั่นซักถามหัวข้อธรรม สนทนาธรรมตามกาลสมควร ในเรื่องที่เป็นกุศลกรรม ที่ควรทำและอกุศลกรรมที่มีโทษควรเว้นให้ห่างไกล ธรรมไหนควรประพฤติปฏิบัติหรือควรเว้น อานิสงส์นี้ทำให้พระองค์เป็นผู้มีพระฉวีสุขุมละเอียด อีกทั้งธุลีละอองไม่อาจติดพระวรกายของพระองค์ได้ นอกจากนี้ยังทำให้พระองค์เป็นผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ แม้เป็นพระพุทธเจ้าก็ยิ่งทำให้มีพระปัญญาธิคุณ ไม่มีใครยิ่งกว่าหรือแม้เสมอเหมือนพระองค์ก็ไม่มี ฉะนั้น ท่านใดอยากมีปัญญามาก ต้องฝึกเข้าไปสนทนาธรรมกับนักปราชญ์บัณฑิต หรือหมั่นฟังธรรมเป็นประจำหลวงพ่อขอยุติการนำเรื่องผลแห่งกรรมดีที่เป็นเหตุให้ได้ลักษณะมหาบุรุษเท่านี้ก่อน และได้นำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป หากใครปรารถนาอยากได้รูปกายที่สมบูรณ์ หรืออยากได้ลักษณะมหาบุรุษแบบไหน จะได้ประพฤติปฏิบัติตามปฏิปทาที่จะทำให้ได้ลักษณะนั้นๆ ได้ถูกต้อง แม้ห่างกันด้วยกาย แต่เราจะพบกันที่ศูนย์กลางกาย ถ้าทุกท่านตั้งใจปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกาย แม้จะอยู่ห่างไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ ตรงกันข้าม แม้หลายท่านจะมากราบนมัสการ มานั่งใกล้หลวงพ่อ แต่ถ้าใจไม่ได้อยู่ที่ศูนย์กลางกาย ไม่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง อยู่ใกล้ก็เหมือนอยู่ไกล ดังนั้น ให้ทุกๆ ท่านหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าไปพบผู้รู้แจ้ง คือ พระธรรมกายซึ่งสิงสถิตอยู่ภายในตัวที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้กันทุกคน











