พุทธพจน์เตือนใจ: ธรรมะเพื่อประชาชน
เพจพุทธพจน์เตือนใจนำเสนอธรรมะเพื่อประชาชนที่ช่วยเสริมสร้างศีลและทัสสนะในชีวิตประจำวัน พร้อมคำสอนที่ชี้นำให้ทำงานอย่างมีความรักและพูดคำจริงเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี
ชนย่อมกระทำบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและทัสสนะ
ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ผู้พูดคำจริงเป็นปกติ
ผู้ทำงานอันเป็นหน้าที่ของตน ให้เป็นที่รัก
เพจ พุทธพจน์เตือนใจ
ธรรมะเพื่อประชาชน
คาถาธรรมบท
อรุณสว่างยามเช้า กับ พุทธพจน์เตือนใจ ตอนที่ 3,462
“ชนย่อมกระทำบุคคล ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและทัสสนะ ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ผู้พูดคำจริงเป็นปกติ ผู้ทำงานอันเป็นหน้าที่ของตน ให้เป็นที่รัก” คาถาธรรมบท
คนที่จะเป็นที่รัก หรือต้องการให้บุคคลอื่นรักและเคารพด้วยความจริงใจนั้น ต้องมีคุณธรรมอย่างน้อย 5 ประการข้างต้น คือ ต้องมีศีล มีญาณทัสสนะ ตั้งอยู่ในธรรม พูดคำสัตย์จริงเป็นปกติ และทำงานที่เป็นหน้าที่ของตน
คำว่าศีลนั้นโดยความหมาย คือ ภาวะความเป็นปกติของมนุษย์ทุกคน ผู้มีศีล คือ ผู้ที่ประพฤติสุจริตทางกายและวาจา อย่างน้อยต้องเป็นผู้มีศีล 5 เป็นปกติ ถ้าเป็นสามเณรก็มีศีล 10 เป็นพระภิกษุต้องรักษาศีล 227 ข้อ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ให้ด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว และควรทำศีลนั้นให้เจริญยิ่งขึ้นไป ให้เป็น "อธิศีล" ซึ่งแปลว่า ศีลอันยิ่ง เป็นศีลที่เห็น ไม่ใช่ศีลที่สักแต่ว่ารู้จักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เราจะเห็นดวงศีลได้ต้องหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม จนกระทั่งใจหยุดนิ่งถูกส่วนตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ทำใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อใจถูกส่วนจะเห็นดวงธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ หยุดต่อไปตรงกลางดวงธรรมนั้น จะเห็นดวงศีลผุดซ้อนขึ้นมา เป็นดวงใสบริสุทธิ์ เป็นศีลเห็น คือ เห็นเป็นดวงเกิดขึ้นมา ถ้าศีลนั้นบริสุทธิ์ก็เห็นว่าบริสุทธิ์ ศีลไม่บริสุทธิ์ก็เห็นว่าไม่บริสุทธิ์ ใสสว่างหรือมัวหมองเพียงไหนก็เห็นได้ด้วยใจของเราเอง
ถ้าเราประพฤติปฏิบัติได้จนถึงอธิศีล เห็นเป็นดวงใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา จะมีแต่ความสุขกายสุขใจ ไม่ต้องฝืนใจหรือพยายามข่มใจ รักษาศีลอย่างมีความสุขไม่เคร่งเครียด มีหน้าตาชื่นบาน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส ใครพบเห็นก็อยากเข้าใกล้ นี่เป็นคุณสมบัติประการแรก ที่ทำให้เป็นที่รักของมนุษย์และเทวา
คุณสมบัติประการที่ 2 เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ คือ มีความเห็นถูกต้อง ตรงไปตามความเป็นจริงของธรรมทั้งหลายทั้งปวง เบื้องต้นจะต้องมีสัมมาทิฏฐิ คือ เห็นว่า การบูชามีผลจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว โลกนี้มี โลกหน้ามี เช่นนี้เป็นต้น โดยความหมายเบื้องสูงในทางปฏิบัตินั้น หมายถึงสัมมาทิฏฐิในอริยมรรค อันหมายถึงปัญญารู้เห็นอริยสัจ 4 ต้องหยุดใจให้สนิท จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย จึงจะรู้ชัดเห็นชัด รู้แจ้งด้วยญาณทัสสนะ เห็นแจ้งด้วยธรรมจักษุของธรรมกาย ทำได้เช่นนี้จึงจะเรียกว่าเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ เพราะเห็นได้รอบตัว เห็นทั้งอดีตปัจจุบันและอนาคตในเวลาเดียวกัน
คุณสมบัติประการที่ 3 คือ ตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างน้อยมีกุศลกรรมบถ 10 ประการ ในที่นี้ท่านหมายถึง ตั้งอยู่ในโลกุตรธรรม 9 คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 โดยนำใจของเรามาตั้งอยู่ในกลางธรรมกาย มาหยุดอยู่ในกลางนี้ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ยืน เดิน นั่ง นอน เราจะมีความสุขอยู่ในธรรมตลอดเวลา หน้าตาผ่องใส น่าเข้าใกล้น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
คุณสมบัติประการที่ 4 คือ พูดคำจริงเป็นปกติ ไม่พูดให้คลาดเคลื่อนจากธรรม จากความเป็นจริง ความถูกต้องดีงาม คนพูดความจริงเป็นปกตินี้ จะเป็นที่รักที่นับถือ ที่เคารพและยำเกรงของทุกๆ คน จะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องระแวงระวังว่า ใครจะมาจับผิด ไม่ต้องเสียเวลาจำเรื่องที่โกหก จะมีแต่เรื่องดีๆ ในใจเสมอ
คุณสมบัติประการสุดท้าย คือ การทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ด้วยการทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับตนเองและชาวโลก เป็นผู้นำยอดนักสร้างบารมี นำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงสันติสุขภายใน และพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ต้องทำเช่นนี้จึงจะได้ชื่อว่า ทำหน้าที่ของตนได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
คนที่พร้อมด้วยคุณสมบัติ 5 ประการนี้ ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของทุกคน
"จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน โดย หลวงพ่อธัมมชโย"
#เพจพุทธพจน์เตือนใจ
Facebook|https://www.facebook.com/Ven.Apirak/