ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาความสุข 3 ประการ
ผู้มีปัญญาเมื่อปรารถนาความสุข 3 ประการ คือ 1. คำสรรเสริญ 2. การได้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ 3. ละโลกแล้วได้บันเทิงในสวรรค์ ที่เกี่ยวข้องกับเพจ พุทธพจน์เตือนใจ ธรรมะเพื่อประชาชน และการพึงรักษาศีลของขุททกนิกาย เถรคาถา
( ( ( ( 6
ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาความสุข 3 ประการ
1.คำสรรเสริญ 2.การได้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ
3.ละโลกแล้วได้บันเทิงในสวรรค์
เพจ พุทธพจน์เตือนใจ
ธรรมะเพื่อประชาชน
พึงรักษาศีล
ขุททกนิกาย เถรคาถา
อรุณสว่างยามเช้า กับ พุทธพจน์เตือนใจ ตอนที่ 3,696
“ผู้มีปัญญา เมื่อปรารถนาความสุข 3 ประการ คือ 1.คำสรรเสริญ 2.การได้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ 3.ละโลกแล้วได้บันเทิงในสวรรค์ พึงรักษาศีล” ขุททกนิกาย เถรคาถา
บุคคลทั้งหลายในโลกนี้ น้อยคนนักที่จะถึงพร้อมด้วยสัมมาทิฏฐิที่บริบูรณ์ รู้จักมองโลกไปตามความเป็นจริง มองการณ์ไกล ไม่ใช่เฉพาะแต่ภพชาตินี้เท่านั้น แต่หมายถึงว่าต้องมองไปยังภพชาติเบื้องหน้าอีกด้วย และรู้จักวางแผนชีวิตให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ รู้จักตักตวงบุญกุศล ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ส่วนใหญ่คนเรายังข้องเกี่ยวอยู่กับการทำมาหากิน เรื่องครอบครัว และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ทำให้วันหนึ่งๆ ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย โดยลืมนึกถึงเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ลืมหนทางพระนิพพาน ดังนั้นความคิดที่จะทำความบริสุทธิ์บริบูรณ์ให้เกิดขึ้นจึงเลือนหายไป ทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ ตกอยู่ในความประมาท จมอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์
ผู้มีปัญญาที่เป็นนักปราชญ์บัณฑิต ล้วนเห็นความสำคัญของการสร้างบารมี โดยมองเห็นว่า การที่จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์ด้วยความดีงาม และสิ่งที่ปรารถนาได้นั้น จะต้องบำเพ็ญบุญกุศล โดยการรักษาศีล ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิต เพราะศีลเป็นความปกติของมนุษย์ ศีล มีตั้งแต่ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ของพระภิกษุ
ไม่ว่าผู้ที่มีศีลจะอยู่ที่ใด ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย เวลาที่รับศีล บทสรุปของศีลที่พระภิกษุท่านได้สรุปตอนท้ายที่ว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ นั้นแปลว่า ชนทั้งหลาย ไปสู่สุคติได้ด้วยศีล สีเลน โภคสมฺปทา เป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยโภคะก็ด้วยศีล และประการสุดท้าย ที่ว่า สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ แปลว่า การไป สู่นิพพานได้ก็ด้วยศีล นี่เป็นบทที่พระท่านกล่าวสรุปทุกครั้งเวลาให้ศีล เมื่อทุกท่านได้รู้คำแปลอย่างนี้แล้ว จะได้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในการรักษาศีลของเราว่า หากเราได้รักษาศีลอย่างดีแล้ว จะได้รับผลดี จนกระทั้งทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้
ต่างกับคนที่ไม่มีศีล แม้จะพยายามบอกหรือป่าวประกาศว่า ตนเองเป็นคนมีศีล แต่ความเป็นคนทุศีลนั้น ก็ยังเป็นความจริงที่หลอกตนเองไม่ได้ ครั้งแรกอาจมีคนหลงเชื่อถ้อยคำ แต่ไม่นาน ความเป็นคนทุศีลนั้น ย่อมปรากฏแก่ผู้คนทั้งหลาย ผู้ทุศีลนั้น ย่อมได้เสวยผลกรรมทันตาเห็น
"จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน โดย หลวงพ่อธัมมชโย"
#เพจพุทธพจน์เตือนใจ
Facebook|https://www.facebook.com/Ven.Apirak/