ความอาภัพ 18 ประการมีอะไรบ้างครับ?
#1
Posted 06 September 2007 - 04:02 PM
#2
Posted 06 September 2007 - 06:11 PM
๑. เกิดในครรภ์ของนางทาสี
๒. เป็นคนบอดแต่กำเนิด
๓. เป็นคนหนวกแต่กำเนิด
๔. เป็นคนใบ้แต่กำเนิด
๕. เป็นบุคคลวิกลจริต
๖. เป็นคนโรคเรื้อนกุฏฐัง
๗. ทำปัญจานันตริยกรรม ๕ ประการ
๘. เกิดเป็นอสัญญีสัตตาพรหม
๙. เกิดเป็นพรหมสุทธาวาส
๑๐. เป็นพระอริบุคคล (ตั้งแต่พระโสดาบันกระทั่งถึงพระอรหันต์)
๑๑. เกิดในอายตนะโลกันตร์ หรือเกิดในอเวจีมหานรก
๑๒. เกิดเป็นอิตถีสตรีเพศ หรือเกิดเป็นบัณเฑาะก์ หรือผู้ที่มีความบกพร่องทางเพศอื่นๆ อาทิ อุภโตพยัญชนก
๑๓. เกิดเป็นเทวบุตรมาร
๑๔. เกิดในอนารยะมิลักขะประเทศ (แดนคนเถื่อน)
๑๕. เกิดในจักรวาลอื่น
๑๖. เกิดเป็นเปรตสามจำพวกแรก (ยกเว้น ปรทัตตูปชีวิกเปรต (เปรตขอส่วนบุญ) อาจพลาดพลั้งเป็นได้ในบาง ชาติ ซึ่งกำเนิดแห่งเปรตวิสัยนั้น จำแนกเปรตออกได้เป็น ๔ จำพวก ๑๒ ตระกูล
๑๗. เกิดในอรูปพรหม
๑๘. เกิดเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่านกกระจาบและใหญ่กว่าช้าง
#3
Posted 06 September 2007 - 07:01 PM
อธิบายหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อขี้เลื่อยในหัวผมจะได้ซึมซับได้บ้าง
ข้อ ๗ ทำปัญจานันตริยกรรม ๕ ประการ หมายถึงมีกรรมอันนี้ติดตัวมา หรือมากระทำในชาตินี้ครับ
เกิดเป็นพรหมพอเข้าใจ แต่เกิดเป็นพระอริยบุคคลนี่อาภัพตรงไหนครับ
ข้อ ๑๕ เกิดในจักรวาลอื่นหรือเกิดในโลกอื่นอีก ๓ โลกที่ล้อมเขาพระสุเมรุกันแน่ครับ
ยังไงรบกวนผู้รู้ด้วยนะครับ ถือว่าตอบเอาบุญละกัน
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
#4
Posted 06 September 2007 - 07:08 PM
สงสัยเช่นกันครับ
#5
Posted 06 September 2007 - 08:43 PM
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร
#6
Posted 07 September 2007 - 12:01 AM
ก่อนโพสต์ ตรวจสอบข้อมูลกันหน่อยนะครับ
เดี๋ยวเข้าใจกันผิด จะยุ่งกันใหญ่
ความอาภัพ ๑๘ ประการที่ถูกต้อง มีคนโพสต์ในบอร์ดหลายรอบแล้วนะครับ ลองหาดูก็จะพบครับ
แต่ยังไงซะ ผมจะโพสต์ให้อีกรอบครับ จะได้ไม่เข้าใจและจำกันผิดไป
จำว่าพระอริยบุคคลเป็นความอาภัพ อันนี้อันตรายร้ายแรงครับ
ความอาภัพ ๑๘ ประการ มีดังนี้ครับ
๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด
๓. ไม่เป็นคนบ้า
๔. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
๕. ไม่เป็นคนใบ้
๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน
๗. ไม่เกิดในท้องแห่งนางทาสี
๘. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
๙. ไม่เป็นสตรีเพศ
๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม
๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน
๑๒. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง
๑๓. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย
๑๔. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก
๑๕. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร
๑๖. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ
๑๗. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด
๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด
Someday I'm gonna be free.
#7
Posted 07 September 2007 - 06:55 AM
#8
Posted 07 September 2007 - 07:19 AM
#9
Posted 07 September 2007 - 12:32 PM
#10
Posted 07 September 2007 - 06:20 PM
ปล. ต้องขอขอบพระคุณพี่หนึ่งมากครับสำหรับการแก้ไขเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง พระอริยบุคคลทั้ง ๔ จำพวกไม่ถูกจัดว่าเป็นบุคคลอันเนื่องอยู่ในฐานะอันอาภัพ ๑๘ ประการครับ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวที่ผมได้มานำเสนอในกระทู้คราวก่อนนั้น ได้คัดลอกมาจากหนังสือ "เรา คือ ใคร" ซึ่งเป็นหนังสือที่ยังไม่เหมาะต่อการนำมาอ้างอิงในเชิงวิชาการสักเท่าใดนัก ต้องขออภัยต่อทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับข้อมูลที่ถูกต้องท่านสามารถสืบค้นข้อมูลได้จากหนังสือ อยู่ในบุญ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ หน้า ๕๑-๕๖ และเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ หน้า ๕๗-๖o ครับ
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#11
Posted 07 September 2007 - 09:37 PM
#12
Posted 08 September 2007 - 04:29 PM
ครับ ขออภัยครับ
หัวข้อที่ผมโพสต์ไว้ข้างบนว่า "ความอาภัพ ๑๘ ประการ มีดังนี้ครับ"
ต้องเปลี่ยนหัวข้อเป็น "การไม่ถึงฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ ประการ มีดังนี้ครับ"
Someday I'm gonna be free.
#13
Posted 09 September 2007 - 07:48 AM
#14
Posted 09 September 2007 - 08:56 PM
#15
Posted 14 May 2008 - 12:11 AM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด