
คิดเล่นๆ 1 อสงไขย์ ก่อนพระศรีอารย์ จะประสูติ
#1
โพสต์เมื่อ 26 August 2010 - 09:14 PM
ชั้นดุสิตอายุุ 400 ล้านปีมนุษย์
ต้องลงมาเกิดกี่รอบเนี่ย
แล้วมันจะพลาดไปในยุค อายุมนุษย์ 10 ปีไหมอ่ะ ซักเสียวๆ
ตอนนี้ 75ปี -> อีก 6500ปี อายุเฉลี่ยมนุษย์ถึงจะเป็น 10 ปี
โอ้ รอดๆๆๆ แม้อยู่ ชั้น 1 ก็รอดดด แต่พวกภุมมะคงรอดยาก
ดังนั้น เพื่อนคนใด แม่ พ่อ พี่น้อง ยังไม่เข้าวัด แม้ไม่ตกนรก แต่หากเป็นภุมเทวา พวกเขาเหล่านี้เสี่ยงมากๆๆๆ เพราะไม่นานก็ไปเกิดแล้ว ยากที่จะพ้นยุคนี้ไปได้ ดังนั้น ต้องช่วยๆๆ กันฉุดให้เต็มกำลัง
จากนั้น 100ปี เพิ่ม1ปี (คนข้างล่างบอก) 100ปีแรก อายุเฉลี่ยมนุษย์ถึงจะเป็น 11 ปี
หาก 10000 ปี ผ่านไป อายุเฉลี่ยมนุษย์ถึงจะเป็น 110 ปี
หาก 1000000 ปี ผ่านไป อายุเฉลี่ยมนุษย์ถึงจะเป็น 10010 ปี
หาก 100000000 ปี ผ่านไป อายุเฉลี่ยมนุษย์ถึงจะเป็น 1,001,000 ปี พอดีสวรรค์ชั้น 1 เกิดพอดีมั้ง
เอ แล้วเมื่อไหร่จะลงหว่า ลงจน 80,000 ปีอ่ะ
ใครคำนวนเก่งช่วยหน่อย เพราะ พี่น้องที่ยังไม่มาวัดอันตรายมากๆ
#2
โพสต์เมื่อ 26 August 2010 - 09:21 PM
#3
โพสต์เมื่อ 26 August 2010 - 09:21 PM
#4
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 07:52 AM
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,006,500 ปีโดยประมาณมนุษย์ในชมพูทวีป
จะมีอายุขัยเฉลี่ย 1อสงไขยปี
และจะลดลงเหลือ80,000ปีเมื่อเวลาผ่านไปอีกประมาณ
100,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000
,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,002,000,000 ปี
บวกให้หน่อยครับ
#5
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 12:44 PM
#6
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 02:43 PM
#7
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 02:43 PM
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว
ตอนนี้เอาตัวรอดกลับดุสิตก่อนดีกว่า
#8
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 04:47 PM
เรื่องคือ เจ้าของเคสติดยามาก แต่ตอนหลังเลิกได้ และตั้งใจสร้างบารมีกับหมู่คณะ พอละโลกครูบอกว่า ได้กลับดุสิตบุรี เขาตะโกนว่า เขาทำได้แล้ว เขาทำได้แล้ว แต่ครูบอกว่า อาจอยู่ดุสิตไม่ได้ตลอด อาจต้องลงมาเกิดก่อนเพราะบุญอาจไม่พอ เป็นต้น
#9
โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 07:51 PM
ดังนั้นใครจะไปเกิดยุคนั้น ก็อธิฐานดีๆนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 06:56 AM
#12
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 11:13 AM
แต่ถ้าจะคิดแบบง่ายๆ
พ.ศ. 9000 (หรืออีกประมาณ 6500ปี) มนุษย์มีอายุไขเฉลี่ย = 10 ปี
ถ้าไม่อยากเกิดในยุคที่ศีลธรรมน้อย และสังคม สภาพแวดล้อมโหดร้ายมากกว่านี้ ก็ต้องมาเกิดในยุคที่มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย(ขัยขึ้น) 75 ปี คือสภาพแวดล้อมเหมือนปัจจุบัน
ก็ต้องมาเกิดในยุค พ.ศ. 2500+2*6500 = พ.ศ. 15500 เป็นอย่างน้อยค่ะ หรืออีก 13000 ปีข้างหน้าค่ะ
หรือถ้าเอาแบบสบายๆ หน่อยก็ให้มาเกิดในยุคอายุขัยเฉลี่ย 100 ปี ก็บวกจน.ปีไปอีก 2500 ปี
ก็ได้ = 2*6500+2500=15500 ปี ข้างหน้าค่ะ
.....= พ.ศ. 18000
ชั้นจาตุเนี๊ยะ ไม่รู้ว่าอายุขัย 9ล้านปีโลกมนุษย์ กันทุกตนหรือเปล่า ต้องบุญเต็มเปี่ยมถึงจะอายุยืนนาน
ถ้าให้เอาแบบชัวร์ ก็ต้องชั้น ดาวดึงส์ ส่วนเรื่องผลัดหลงกับหมู่คณะฯ ก็ไม่ต้องพูดถึงกันอยู่แล้ว ว่าถ้าพลัดหลงกันแล้วก็เจอกันยากขึ้น
พอลงมาเกิดแล้ว ก็ไม่รู้จากจะได้กลับสวรรค์ชั้นไหน (คิดในแง่ดี ว่าใช้ชีวิตไม่ประมาท)
ถ้าใช้ชีวิตประมาท ก็มีสิทธิ์ไปทุคติอีก คราวนี้ยาวนานเลย
สรุปแล้ว ชีวิตนี้ ไม่มีความปลอดภัย มีทุกข์ โทษ ภัย
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#13
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 11:32 AM
ซึ่งจะไปสวรรค์ชั้นไหนดี จะลงมาเกิดในยุคไหนดี แล้วต้องสร้างบุญบารมีเท่าไหร่ดี จึงจะมีชีวิตอย่างที่ design ไว้ได้
ใช้สูตร
y=100*n
n=ผลต่างของอายุขัยเฉลี่ย
ถ้าจะคิดเป็นปีพ.ศ. ก็เอา 2500 บวกเข้าไป(ถ้าคิดจากอายุขัยปัจจุบัน)
ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ มนุษย์จึงจะมีอายุขัยเฉลี่ย = อสงไขยปี โดยเริ่มนับจากตอนที่มนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย 10ปี
ขัยขึ้น ใช้ n=x-10, x=อายุขัยเฉลี่ย
n1=อสงไขยปี-10
y1=100*(อสงไขยปี-10)
=เวลาที่ใช้ในการเพิ่มอายุจาก 10 ปีถึงอสงไขยปี
มนุษย์มีอายุอสงไขยปี ใน พ.ศ. = พ.ศ. y1+9000= พ.ศ. 100*(อสงไขยปี-10)+9000
คำนวนขัยลง(อันตรกัปต่อไป)จาก อายุขัยเฉลี่ยเท่ากับอสงไขยปี ใช้เวลาเท่าไหร่อายุขัยเฉลี่ยจึงเหลือ 80000 ปี
n2=อสงไขปี-80000
y2=100*(อสงไขปี-80000)
ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจ
อายุเทวดาเทียบกับเวลาบนโลกมนุษย์ http://www.dmc.tv/fo...php/t12014.html
โลกในยุคหลังจากนี้ http://www.dmc.tv/fo...s...post&p=2978
วงจรอายุขัยมนุษย์ http://www.dmc.tv/fo...topic=3941&st=0
ข้อมูลเพิ่มเติมที่นร.ใหม่ควรทราบ
2. กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขยปี คือ หน่วยนับจำนวนอายุที่ยืนยาวที่สุดของมนุษย์ โดยได้กำหนดค่าของอสงไขยปีไว้ว่า "1 อสงไขยปีเท่ากับ 10ยกกำลัง140"
3. กาลเวลาที่เรียกว่า มหากัป คือ หน่วยนับระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป ระยะเวลาในมหากัปหนึ่งๆ นั้นยาวนานมาก ไม่สามารถกำหนดนับได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า "มีภูเขาหินลูกใหญ่กว้าง ยาว สูง อย่างละ 1 โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าจากแคว้นกาสีมาแล้วปัดภูเขานั้น 100 ปีต่อครั้ง เมื่อใด ภูเขาหินลูกใหญ่นั้น พึงถึงการหมดไป สิ้นไป" ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงการหมดไป สิ้นไป กัปนาน อย่างนี้แล
ยังมีอีกอุปมาหนึ่งใน สาสปสูตร2 ว่า "นคร ที่ทำด้วยเหล็กยาวหนึ่งโยชน์ กว้างหนึ่งโยชน์ สูงหนึ่งโยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ออกจากนครนั้น โดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น พึงถึงความสิ้นไปหมดไป เพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไปหมดไป กัปนานอย่างนี้แล"
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#14
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 01:52 PM
สิ่งที่ต้องแสวงหา คือ พระรัตนตรัยภายใน
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
#15
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 02:13 PM
ที่ถูกควรเป็น 6500+100อสงไขยปี(ไขขึ้น)+(100อสงไขยปี-(ระยะเวลาไขลงจาก80,000ถึง10ปี))(ไขลง)
=เวลานับจากช่วงนี้ถึงยุคพระศรีอาริยะเมตไตร(ค่าความแปรผัน=1,000ปี)
#16
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 02:18 PM
อ๋อ...คิดกันคนละแบบ และดิฉันไม่ได้เอาเวลา ทั้งสามช่วงมาบวกกัน แค่คำนวณเวลาแต่ละช่วง (เล่นๆ)
ช่วง 1 = เวลาที่อายุลดจาก 75 เหลือ 10ปี
ช่วง 2 = ขัยขึ้น จาก 10 ถึง อสงไขยปี
ช่วง 3 = ขัยลง(อันตรกัปต่อไป) จาก อสงไขยปี เหลือ 80000 ปี
ปล. สูตรที่ว่า ใช้คำนวนในแต่ละช่วง ใช้คิดทีเดียวเลย ทั้งขัยขึ้นและขัยลงไม่ได้
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#17
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 03:26 PM
http://www.dmc.tv/?m...tion=page&p=910
* ตอนนี้เขากำลังดีใจที่ได้กลับมา วงบุญพิเศษได้ ด้วยบุญที่ทุ่มเททำในช่วงท้ายของชีวิตกับหมู่คณะ โดยเฉพาะการช่วยขยายจานดาวธรรม อีกทั้งรู้หลักวิชชาด้วย จึงได้ทำตามนั้น
* ได้ฝากบอกทุกคนว่า เขาทำได้แล้ว ตามหลักวิชชา และกลับวงบุญพิเศษได้จ่ะ!
3. บุญบวชช่วงสั้นอย่างตั้งใจ และสร้างบารมี อย่างเต็มที่ 7 ปี ก็ได้ช่วยตัดรอนวิบากกรรมที่เขาเคยทำไว้ 7 ปีก่อนบวช และ “ชิงช่วง” นำเขาไปดุสิตบุรีได้
* แต่ก็ประมาทไม่ได้จ่ะ! เพราะอาจจะพลัดหมดอายุขัยในดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ ก่อนหมู่คณะลงมา หรือลงมาพร้อมหมู่คณะ แต่จะถูกผลักไปอยู่ในวงจร ของอบายมุขอีกก็ได้ ซึ่งอาจทำให้ไปอบายจ่ะ!
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#18
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 03:47 PM
และ
และ ที่คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า อีก อสงไขยกว่า เท่านั้น ที่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะลงมาตรัสรู้
นั้น...หมายความว่า วงบุญพิเศษ ที่ลงมาสร้างบารมีได้แค่รอบเดียว จะต้องมีบุญอยู่บนดุสิตฯ มากกว่า อสงไขยปี ซึ่งปกติอายุขัยของเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิตมีอายุแค่ 576 ล้านปีโลกมนุษย์เท่าน้้น ซึ่งน้อยกว่าอสงไขยปีมากๆๆๆๆ
จากการคาดเดา(ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ยังไม่ทราบว่าถูกหรือผิด) การจะอยู่บนดุสิตบุรีให้ได้ยาวนานกว่า อสงไขยปี จะต้องมีบุญขนาดไปสวรรค์ชั้นพรหม ได้
การจะไปชั้นพรหมได้ อย่างน้อยต้องนั่งสมาธิจนได้ ปฐมฌานภูมิ เป็นอย่างน้อย
อ้างอิง http://main.dou.us/v...s_id=101&page=5
ซึ่งนั่นอาจเป็นคำตอบจากหลายๆ เคสที่ว่า จะไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้ ต้องนั่งสมาธิให้ได้ ดวงใสๆ
หรือต้องนั่งให้ได้องค์พระจึงจะได้ลงมาสร้างบารมีสองรอบ
ปล. ว้าววว คุณหัดฝันชม(คห.#20) หัวใจพองโต ยิ้มแก้มปริไปแล้วววว
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#19
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 03:52 PM
#20
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 04:12 PM
น่าจะหมายถึง อสงไขยกัปล์(อันตรกัปล์)
ไม่ใช่อสงไขยปี เพราะที่ช่วยกันคิดมาระยะเวลา
จะอยู่เกือบๆ200อสงไขยปี
#21
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 05:13 PM
#22
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 06:51 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#23
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 08:24 PM
#24
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 08:53 PM
#25
โพสต์เมื่อ 28 August 2010 - 09:27 PM
02. สิบล้านโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ
03. สิบล้านปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ
04. สิบล้านโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต
05. สิบล้านนหุต เป็น หนึ่งนินนหุต
06. สิบล้านนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี
07. สิบล้านอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ
08. สิบล้านพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ
09. สิบล้านอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ
10. สิบล้านนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ
11. สิบล้านอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ
12. สิบล้านอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ
13. สิบล้านอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ
14. สิบล้านโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ
15. สิบล้านอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ
16. สิบล้านกมุทะ เป็น ปทุมะ
17. สิบล้านปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ
18. สิบล้านปุณฑริกะ เป็นหนึ่งอกถาน
19. สิบล้านอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน
20. สิบล้านมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย
อ้างอิง
พระคัมภรีอนาคตวงศ์, ประภาส สุระเสน, มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์,พ.ศ. 2540, โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย
#26
โพสต์เมื่อ 29 August 2010 - 12:11 AM
หลวงพ่อบอก1อสงไขยกว่า
แต่ถ้านำหลักที่ว่า 100ปีบวก1 100ปีลบ1
มาคำณวนจะได้เกือบสองร้อยอสงไขยปี
หรือมีข้อมูลอื่นประกอบไหมครับ
ถ้าเป็นอสงไขยกัปป์ จะใกล้เคียงกว่ากับ200อสงไขยปีไหม
1กัป=บ่อลูกบาศก์ขนาด16*16*16กิโลเมตรบรรจุถั่วเขียวจนเต็ม
ทุก100ปีหยิบออก1เมล็ดจนหมด (1เมล็ดประมาณ1ลูกบาศก์เซน
#27
โพสต์เมื่อ 29 August 2010 - 02:18 PM
แต่ถ้าคิดแบบไขขึ้น ไขลง จนมนุษย์อายุขัย 80000 ปี ก็งงดี
#28
โพสต์เมื่อ 29 August 2010 - 10:00 PM
กัปหนึ่งๆ ที่หลวงพ่อพูดถึงนั้น ท่านมักจะย่อมหมายถึง อายุของโลกน่ะครับ คือ โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป 1 ครั้ง เรียกว่า 1 กัป แต่ถ้าเรียกชื่อเต็มๆ ต้องเรียก 1 มหากัปครับ ส่วนอันตรกัปที่เป็นส่วนย่อยๆ ของมหากัปนั้น หลวงพ่อท่านไม่ค่อยได้พูดถึงครับ
อย่างเช่น กัปของเรานี้ มีชื่อว่า ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ดังนั้น การที่พระศรีอารียเมตไตย ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ที่จะมาบังเกิดในกัปนี้ ก็ต้องเกิดอยู่ในภัทรกัปนี้เท่านั้น หรือ เกิดอยู่ในกัปนี้เท่านั้น ดังนั้น การที่หลวงพ่อบอกว่า ต้องรออีก 1 อสงไขยเศษๆ ย่อมไม่ใช่ อสงไขยกัป(อสงไขยมหากัป) แน่นอนครับ
เพราะอสงไขยกัป ในความหมายของหลวงพ่อ คือ (บางครั้งท่านพูดกัปย่อๆ) คือ โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อสงไขยครั้ง ซึ่งจะผิดจากข้อมูลที่ว่า พระศรีอารย์ จะลงมาในกัปนี้น่ะครับ
แต่ถ้าต้องรอ 1 อสงไขยปีนั้นย่อมเป็นไปได้ เพราะ 1 รอบอสงไขยปี ความจริงก็คือ 1 อันตรกัป(หน่วยย่อยๆ ของมหากัป) นั่นเอง เนื่องจาก 1 อันตรกัป คือ ระยะเวลาที่มนุษย์อายุจาก 1 อสงไขยปีลดลงเหลือ 10 ปี จากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1 อสงไขยปีอีกครั้ง
ตามความเข้าใจของผม 1 อันตรกัป เท่ากับ 2 อสงไขยปีนั่นเอง(โดยประมาณ) ทีนี้ยุคของเรา มนุษย์อายุ 75 ปีแล้ว กำลังลดลงเรื่อยๆ และพอเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี ก็จะลดลงสู่ 80,000 ปี นี่แหละครับ หลวงพ่อท่านเลยใช้คำว่า รออีกอสงไขยเศษ นั่นคือ อสงไขยในที่นี้ หมายถึง อสงไขยปี นั่นเองครับ
#29
โพสต์เมื่อ 29 August 2010 - 10:11 PM
คือ ตรงที่ว่า 1 มหากัป = 4 อสงไขยกัป
คำว่า "อสงไขยกัป" ในที่นี้ เป็นคนละความหมายกับคำว่า "อสงไขยมหากัป" นะครับ
อสงไขยกัป ตรงนี้ มักทำให้หลายคนสับสน (ปรกติหลวงพ่อท่านจะไม่ย่อคำว่าอสงไขยกัปที่ความหมายนี้ครับ)แต่มันมีชื่อเต็มๆ ว่า
วิวัฏฏอสงไขยกัป คือ ช่วงเวลาที่โลกก่อตัวขึ้น หลังจากถูกทำลาย
วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คือ ช่วงเวลาที่โลกเจริญแล้ว มีสิ่งมีชีวิตลงมาอาศีย (พวกเราก็อยู่ในช่วงนี้)
สังวัฏฏอสงไขยกัป คือ ช่วงเวลาที่โลกเริ่มถูกทำลาย (ด้วยไฟ น้ำ ลม บรรลัยกัลป์)
สังวัฏฏฐายีอสงไขกัป คือ ชวงเวลาทีโลกถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว กำลังเริ่มเย็นตัว
ทั้ง 4 ส่วน หรือ 4 ช่วงเวลานี้ รวมเรียกว่า 1 มหากัป (หรือ 1 กัป เวลาหลวงพ่อพูดย่อๆ)
แต่แต่แต่ ถ้า 1 อสงไขยมหากัป (ซึ่งหลวงพ่อจะพูดย่อเป็น 1 อสงไขยกัป) นั้นย่อมหมายถึง โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป 1 อสงไขยครั้ง น่ะครับ
มันเป็นคนละความหมายกัน แต่ด้วยศัพท์ที่คล้ายๆ กัน อาจทำให้คนสับสน ก็ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ
#30
โพสต์เมื่อ 29 August 2010 - 11:05 PM
เอ จะมาทำทานบารมีกับหมู่คณะเรารึเปล่า ใช่จักพรรดิ์ที่ หลวงปู่จะเชิญลงมารึเปล่า