Help
#1
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 11:13 AM
เพราะตอนนี้หนูไม่มีใครให้ปรึกษาเลย คุณย่าก็ไม่เข้าใจและไม่อยากจะเข้าใจอะไรทั้งสิ้น พอไม่เห็นด้วยก็ว่าอย่างเดียวว่าเราไม่มีความคิด
คือว่า คุณพ่อกับคุณแม่ของหนูหย่ากันมาได้ 5 ปีแล้ว คุณแม่ยังโสด แต่คุณพ่อกำลังจะแต่งงานใหม่เดือนธันวาคมนี้
คุณแม่ของหนูเครียดมากที่รู้ หนูไม่น่าบอกเลย ท่านเอากุญแจไปกรีดรถคุณพ่อแล้วก็ปาเข้าไปในห้องทำงานของที่บ้านที่คุณพ่อท่านนั่งอยู่(พ่อทำงานให้กับบริษัทที่ทางบ้านทำ)
แล้วเมื่อกี้ท่านก็โทรมาบอกว่าจะยกน้องให้พ่อแล้ว จะไม่ยุ่งด้วยแล้ว (น้องจะไปๆมาๆบ้านพ่อกับแม่ แต่ช่วงนี้พ่อยึดตัวไปนานขึ้น น้องก็ไม่อยากเจอแม่) คุณแม่น้อยใจ คิดว่าน้องไม่รักแม่
คนที่พ่อแต่งงานจะต้องเป็นแม่ได้เท่านั้นท่านจึงจะเลือก คุณแม่ก็รู้ข้อนั้นดี ท่านยิ่งเครียดเข้าไปอีก
ตอนนี้หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดี
มันใช่ความผิดหนูไหมคะที่บอกแม่ ที่มาแคนาดา
ก่อนจะมาหนูก็พาคุณพ่อเข้าวัดได้แล้ว แต่ท่านก็บอกว่าพอหนูมาแคนาดาพ่อจะไม่ไปวัดนั้นอีก แล้วพ่อก็สั่งห้ามน้องยุ่งกับวัดเด็ดขาด เพราะบอกว่าไม่อยากให้น้องกลายเป็นคนแบบหนู แล้วถ้าพ่อได้น้องไป น้องก็คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าวัดอีก
หนูต้องขออภัยนะคะถ้าที่หนูเล่ามานั้นจับใจความไม่ได้
แต่ตอนนี้หนูไม่สามารถเรียงให้เป็นอะไท่ดีกว่านี้ได้แล้ว
อยากให้พวกพี่ๆน้องๆช่วยบอกหนูด้วยค่ะว่าจะทำอย่างไรดี
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#2
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 11:28 AM
ใจเย็นๆนะคะค่อยๆตั้งสติอย่าฟุ้งซ่านให้มากมายชีวิตทุกคนต้องเจอะเจอกับอุปสรรคและปัญหามากมายอยู่เสมอและทุกอย่างก็มีทางแก้ไขและมีทางออกเราเป็นลูกหน้าที่ของเราที่จะทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือเป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ส่วนเรื่องอื่นให้เราไม่ต้องคิดมากทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการของมันและให้เรารักตัวเองให้มากๆและนึกถึงบุญที่เราทำผ่านมานั้นให้มาช่วยให้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านไปได้ด้วยดีเพราะพี่เชื่อว่าบุญจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างให้เราได้

ไฟล์แนบ
#3
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 11:32 AM

#4
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 11:54 AM
ดังนั้นอย่างแรกที่จะแนะนำก็คือ อยากให้คุณ Omena กลับไปอ่านทบทวน วิธีการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ที่คุณ Omena เคยโพสต์ตอบ ปัญหาของผู้อื่นที่เคยโพสต์มาค่ะ ดึงความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นขึ้นมาก่อนนะคะ แล้วใช้วิธีการต่างๆ ซึ่งตัวคุณ Omena รู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตดีอยู่แล้ว นำมาใช้นะคะ ว่า ช่วยได้หรือไม่ (koonpatt คิดว่าน่าจะช่วยได้ในระดับนึงนะคะ คือ ระดับความคิด ความรู้สึก และสภาพของจิตใจ)
ส่วนวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องของรูปธรรม ขั้นนี้ คงต้องให้เป็นการตัดสินใจของผู้ใหญ่เขาก่อนนะคะ ลูกทำได้ก็คือ ประคับประคองในเรื่องของจิตใจค่ะ ช่วงนี้ พูดอะไรคุณแม่ก็คงไม่อยากฟังแล้ว คอยอยู่ใกล้ๆ คุณแม่ค่ะ อย่ากล่าวโทษ เพราะเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่คุณ Omena ตอนนี้นะคะ ที่รู้สึกว่า น้องคุณ Omena ไม่รัก ที่นี้ อยู่ที่คุณ Omena แล้วค่ะ ต้องแสดงออกถึงความรักที่มีต่อท่าน ให้มากที่สุดเท่าทีทำได้นะคะ บางครั้งตอนนี้ (koonpatt ไม่ทราบว่า คุณแม่ของน้อง Omena เข้าวัดหรือเปล่านะคะ) ถ้าคุณแม่ของคุณ Omena ลืมนึกถึงเรื่องบุญ หรือ การเข้าวัด หรือ ฟังหลวงพ่อ ก็อย่าเพิ่งบังคับ หรือ กล่าวโทษนะคะ ค่อยๆประคับประคอง ดูแลจิตใจกันไปก่อนค่ะ
สุดท้าย "เวลา" และ "ความรัก" จาก..ลูก..คือ คุณ Omena จะรักษาได้ทุกอย่างค่ะ
koonpatt เอาใจช่วยให้ ปัญหาทุกอย่าง ผ่านพ้นไปด้วยดี ด้วยผลบุญที่คุณ Omena ได้ทำไว้ดีแล้ว ด้วยค่ะ
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#5
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:02 PM
อีกสัก 2-3 วันทุกอย่างจะคลี่คลาย แล้วเมื่อใจใส ก็จะพบทางออกเอง
นี่แหละชีวิต บางครั้งเปรี้ยวดังมะนาว บางครั้งหวานปานน้ำผึ้ง
ฮอล รสน้ำผึ้งผสมมะนาว
#6
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:17 PM
#7
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:21 PM
ทำเฉยๆ สิจ๊ะ เรื่องของคุณพ่อ คุณแม่ เป็นปัญหาของผู้ใหญ่
มานเปงวิบากกรรมของท่าน เรา หาบุญใส่ตัวดีก่า นะจ๊ะ
หากิจกรรมอื่นทำไปก่อนสิจ๊ะ ใจจะได้ไม่ไม่อยู่ที่ท่าน อิอิ
#8
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:21 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#9
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:29 PM
ให้เห็นถึงความเป็นจริงหลายๆอย่าง เมื่อเราดูแลคุณแม่ได้ดีแล้ว ค่อยไปทำความเข้าใจกับคุณพ่อต่อ
ปล.ชีวิตผมเองก็คล้ายๆแบบนี้เหมือนกันเลยเข้าใจดีแต่ต้องยึดหลัก 1อัวะ 2 ลื้อนะแล้วทำใจให้เป็นกลางๆไว้
#10
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 12:41 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#11
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 01:26 PM
ขออนุญาตนะครับ
please take a break and relax for a while .
Because this problem occured to you , now you are in sad and moody .
You must take a break , relax .... as your style in good deed.
Then mediate .......
ขอวิเคราะห์
เข้าใจเองว่า คุณแม่อาจจะ hurt ที่คุณเองมาต่างประเทศโดยไม่บอกกล่าว
คุณแม่เองอาจจะคิดว่า ถูกทอดทิ้ง
ขออนุญาตแนะนำให้ โทรหาท่าน และ คุยกับท่าน แล้วอย่าลืมว่า หนูรักแม่ที่สุดในโลกเลยนะ
ขอย้ำ ต้องบอกว่า รักท่านมากที่สุดในโลก
คุณ omena เองมาเรียน ไม่ก๊ปีก็สำเร็จ กลับมาบ้านแล้ว
ยังเป็นลูกที่ดีของคุณแม่
แล้วให้นั่งสมาธิ อาศัยบุญบารมีมหาปูชนียาจารย์ มาดลใจคุณแม่ให้เข้าใจเรามากยิ่งขึ้นครับ
#12
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 01:27 PM
ส่วนคนรอบตัวก็ต้องช่วยดูแลประคับประคองกันไปครับ คุณแม่ของน้องท่านก็คงต้องเสียใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ต้องช่วยให้กำลังใจ ช่วยให้ท่านเข้าในความเป็นจริง พี่คิดว่าถ้าคุณแม่ของน้องท่านเข้าใจ และทำใจยอมรับได้ ทุกอย่างก็จะไม่ใช่ความทุกข์อีกต่อไป
ส่วนเรื่องวัดก็คงต้องค่อยๆ พยายามครับ เรื่องนี้เป็นกันเยอะ ต้องอาศัยความอดทน และความพยายามอย่างมากที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจในหมู่คณะได้ แต่พี่เชื่อว่าด้วยบุญกุศลที่สั่งสมไว้ และด้วยบุญที่น้องได้ทำอย่างเต็มที่ในปัจจุบันจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
#13
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 01:29 PM
#14
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 01:56 PM
1 ทำใจเราให้เข้มแข็งก่อน ถ้าใจเรายังนิ่งไม่ได้ โอกาสช่วยคนอื่นมันยาก
2 หมั่นโทรหาคุณแม่ คอยปลอบท่าน + ฟังท่านระบาย ( อันนี้ต้องอดทนมากๆ เพราะท่านกำลังรู้สึกแย่ พอท่านดีขึ้นก็ค่อยๆปลอบ บอกแนวคิดของเรา )
3 คุยกับคุณพ่อเรื่องธรรมะ อธิษฐานจิตให้ท่านมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ หากท่านมีวาสนากับหมู่คณะนี้ ก็จะถูกดูดมาเอง
4 กับคุณย่าพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นได้ แต่ไม่ต้องดึงดันว่าฉันถูก ไม่มีประโยชน์ เพราะผู้ใหญ่คิดว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนทั้งนั้น
5อย่าคิดว่าเป็นความผิดของตัว เหตุการณ์จะเกืด ไม่ว่ายังไงก็ต้องเกิด ไม่ว่าด้วยวิธีใด
ช่วงนี้น้องกำลังสับสน เรื่องที่เล่าก็อ่านแล้วสับสน แต่ขอให้ค้นหาหนทางที่เหมาะสมต่อการแก้ปัญหานะคะ
#15
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 02:01 PM
เวลาคือยาที่ดีที่สุดที่จะรักษาบาดแผลทางจิตใจ
ตอนนี้ก็ต้องรอเวลาครับ
ผมได้อ่านที่น้องโพสท์ตอบก็เห็นว่าตอบในหลายกระทู้ได้ดี
แต่ตอนนี้อาจเหมือนผงเข้าตาครับ
ก็ต้องให้คนอื่นช่วย
ยังไงก็ต้องบอกว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
ใจเราจะค่อยๆปรับไปเอง
และอีกเช่นกันนะครับถ้ามองกลับกันในอีกด้านหนึ่ง
นี่คงเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราแกร่งขึ้นนะครับ
วันข้างหน้าหากมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้
มันจะเป็นวัคซีนช่วยต่อต้านได้ครับ
ทำใจเย็นๆ...........ค่อยๆหาคำสอนครูบาอาจารย์มาอ่านดู
หรือก็ฟังเพลง"ชีวิตก็เป็นอย่างนี้"
ลองฟังดูนะครับ
เผื่อจะดีขึ้นบ้าง
#16
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 02:07 PM
แต่ที่พี่ผ่านมาได้ก็เพราะ
นิ่ง สงบ สยบความเคลื่อนไหว... จ้ะ
เวลามีเรื่องร้ายๆ อย่าตีตนไปก่อนไข้ ให้นึกถึงคำสอนของคุณยายไว้ อย่าคิดนำไปก่อน เพราะยิ่งคิดนำไปก่อน เขายิ่งเข้ามาแทรกให้ใจเราตก ฟุ้งซ่าน พาลคิดทำอะไรไม่ดีๆ ไปกันใหญ่
ให้นึกถึงหลวงปู่ไว้ ใกล้จะถึงงานบุญใหญ่ ใครๆ ก็มักจะเจอแต่เรื่องหนักๆ กันทั้งนั้น พยายามอย่าปล่อยอารมณ์ไปตามแรงเหวี่ยงที่มากระทบ เวลาเจอเรื่องแย่ๆ ก็เดินไปสงบสติอารมณ์เงียบๆ เดินไปให้ไกลผู้คน หากัลยาณมิตรดีๆ คุยระบายความเครียดก็จะดีเหมือนกัน เผื่อเขาช่วยทำให้เราสบายใจได้บ้าง
และที่สำคัญ อย่าไปเถียงพ่อกับแม่ อย่าทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่เชื่อฟังเขา หรือทำตัวแข็งกระด้าง
เขาจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยเขาไป ทำตัวให้พ่อและแม่รัก ถ้าเราโตขึ้นเราจะมีชีวิตเป็นของตนเอง เขาไม่อาจบังคับชีวิตและจิตใจเราได้ตลอดไปหรอก ซักวันนึงเขาก็ต้องจากเราไป ตอนนี้เรายังเด็ก ยังอยู่ภายใต้การปกครองของเขา ก็ต้องตามน้ำไปก่อนนะ ให้คิดว่า นี่เป็นภาพในอดีตของเราเอง ที่เราก็เคยทำไว้ กฎแห่งกรรมไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ
แต่ก็อย่าทิ้งวัด อย่าทิ้งหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย พึงระลึกถึงท่านเอาไว้ในใจเสมอ ท่านจะเป็นที่พึ่งให้กับเราได้ แล้วเดี๋ยวท่านจะช่วยหาทางออกให้เราเอง อ้อ อย่าลืมอธิษฐานจิต ให้ครอบครัวเป็นสุข ได้บุพการีที่ดี มีศีล สมาธิ ทิฐิ ที่เสมอกัน ด้วย อยากได้อะไรก็อธิษฐานอยู่บ่อยๆ ทุกวันยิ่งดี แล้วเดี๋ยวสิ่งที่เราต้องการจะสำเร็จเองได้อย่างง่ายๆ พี่ทำมาแล้ว
ส่วนน้อง ก็ปล่อยเขาไปก่อน หาทางคุยให้แม่เข้าใจ ว่าน้องยังเด็ก ช่วงนี้ก็วัยหัวเรี้ยวหัวต่อเป็นธรรมดา ก็ปล่อยๆ เขาไปก่อน อย่าไปคาดหวังอะไรจากคนอื่นเลย เขาโตมา เขาก็ต้องจากเราไปอยู่ดี เหมือนแมวเหมียวที่จากฉันไปมีครอบครัว (ประวัติคุณยายตอนอยู่นครไชยศรี) ไง
สุดท้ายนี้ น้องก็ต้องนั่งสมาธิให้มากๆ แล้วก็อย่าลืมชวนแม่ไปนั่งสมาธิให้มากๆ เช่นกัน นะจ๊ะ เราไม่สามารถบังคับให้สิ่งแวดล้อมเป็นไปตามที่ใจเราต้องการได้ แต่เราสามารถบังคับใจของเราเอง ให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้จ้ะ
ขอเอาใจช่วยให้ผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้ค่ะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#17
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 02:52 PM
สู้ สู้ อย่าท้อแท้นะ ทุกคนอยู่ข้างน้อง ว. อยู่แล้ว
#18
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 02:52 PM
ปัญหานี้อีซี่มาก
พี่เจอมาแล้ว
ขอทำนายไว้เลยว่า
ในช่วงแรกน้องจะเศร้าและเครียดมากๆ
พอผ่านไปสักพักก็จะหนักขึ้นเพราะหาทางออกไม่ได้
ตรงนี้สำคัญเพราะน้องจะอ่อนแอลงและปณิธานที่ตั้งใจว่าจะไปเผยแผ่ที่แคนาดาก็จะค่อยๆหายไป
ให้คิดซะว่าเป็นมารมาขวางน้องไว้ จะได้ไม่ต้องจมกับปัญหา
เดี๋ยวถ้าเจอกันในmจะแนะนำวิธีอย่างละเอียดให้
#19
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 02:54 PM
น้าจี้
#20
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 03:49 PM
#21
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 04:23 PM
ใจเย็นๆ ใจใสๆ นะค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ
นึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
และคุณยายอาจารย์บ่อยๆ นะค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
#22
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 06:05 PM
ส่วนเรื่องครอบครัว น้อง Omena อาจจะต้องปรับวิธีการในการแก้ปัญหาหรือพูดคุยกับคนในครอบครัวให้เข้าใจ หรืออย่างน้อยก็ให้เขามีที่พึ่งอะไรได้สักอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังมากมายว่าจะต้องเป็นอย่างที่เราต้องการครับ ถ้าบุญบารมีเรายังน้อยอยู่ การแก้ไขเรื่องพวกนี้ก็คงจะยังยากอยู่ ก็ให้เราตั้งใจสร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มที่ และพยายามรักษาใจของตนเองให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลาครับ แล้วปัญหาจะถูกแก้ไขเอง โดยที่บางทีเราก็นึกไม่ถึงครับ
ขอให้อย่าไปวิตกกังวลเลยนะครับ บางครอบครัวพ่อฆ่าแม่ กรอกยาพิษให้ลูก ๆ เสร็จแล้วก็ฆ่าตัวตายตาม เราโชคดีกว่าเขามากเลยครับ เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังมีกายมนุษย์อยู่ ขาดแต่กัลยาณมิตรผู้มีใจอดทนและเข้มแข็งในการชี้นำให้เขาได้นำกายมนุษย์มาสร้างความดีนะครับ ตอนนี้เขารับได้แค่ไหน เราก็ให้เขารับแค่นั้นไปก่อน แล้วค่อย ๆ ให้เขาซึบซับทีละเล็กทีละน้อยครับ เหมือนน้ำที่ค่อย ๆ ซีมจนในที่สุดก็กลายเป็นแอ่งได้ครับ
ตลอดชีวิตของคุณยาย ท่านไม่ได้อยู่ดูแลปรนนิบัติบิดาของท่านเลย ซ้ำยังดูเหมือนลูกที่อกกตัญญูที่สุดอีกด้วย แต่สดุท้ายผู้ที่ช่วยบิดาท่านได้มากที่สุดก็คือตัวท่านเองนั่นแหละครับ ด้วยการไปช่วยบิดาของท่านขึ้นมาจากนรก คุณยายใช้ชีวิตของตัวเองไปแลกกับธรรมะ และธรรมะนั้นก็ช่วยให้คุณยายและครอบครัวปลอดภัยจากความทุกข์ทั้งปวงได้อย่างอัศจรรย์ครับ
#23
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 06:40 PM
เป็นธรรมดาอย่างหนึ่งของผู้ที่กำลัง โดนภัยในสังสารวัฎฏ์คุกคาม จะเกิดอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก
ความคิด มักกังวลจมจ่อมอยู่กับปัญหา
ให้รู้เท่าทันว่า ณ ตอนนั้น 072 ของเรากำลังโดนถล่มหนัก
หน้าที่หลักของเราคือ
1 ) รักษาสติ อารมณ์ดีที่สบาย
รักษาศูนย์กลางกาย รักษาใจให้อยู่ในศูนย์กลางกาย ในกุศลธรรม อยู่ในบุญเสมอๆ
2 ) ทำความเข้าใจ เข้าถึงความเป็นจริงว่า
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ .....
มนุษย์และปวงสัตว์ที่อยู่ในวัฏฏะสงสาร
อุปมาเหมือน นักโทษ หรือ เชลยศึกของกัณหธรรม
ขณะเดียวกันก็เป็นนักรบของกุศลธรรมด้วย
แน่นอนว่า เชลยศึก หรือ นักรบที่อยู่ในระหว่างสงคราม
ยังไม่มีอิสรภาพแท้จริง ยังไม่เป็นใหญ่ในตนเอง
ยังอยู่ในกฎสงคราม อยู่ในกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ยังต้องเผชิญโลกธรรม ๘
มีลาภ มีเสื่อมลาภ มียศ ก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญ ก็มีนินทา มีสุขและมีทุกข์
ยังต้องเจอทุกข์ประจำ เช่น ความหิว ร้อน หนาว เจ็บไข้ ได้ป่วย แก่ ตาย
ยังต้องเจอทุกข์จร ไอ้ที่ไม่อยากได้ ก็ได้ ไอ้ที่อยากได้ก็ยังไม่ได้
พลัดพรากจากคนรัก ของรัก ได้สิ่งที่พอใจ และไม่พอใจ
ได้ของที่ไม่อยากได้ เจอของ เจอคนที่ไม่ปรารถนา
มนุษย์ยังอยู่ในกฎแห่งกรรม เรื่องนี้ คุณ วิว ก็ทราบดีจาก case study
คุณ วิว มองไปรอบๆตัว สิครับ มนุษย์กว่า 6,000 ล้านคน ก็เจอสุขและทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น
มีจำนวนมาก เจอสถานการณ์โหดร้าย ทารุณ หนักหน่วงกว่าเราอีกนะครับ
เมื่อมองในมุม ว่า คุณ วิว เป็นนักรบแห่งกองทัพธรรม คุณ วิว เป็นเชลยผู้รู้
คุณวิว ได้พบพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย ได้อบรมธรรมทายาทหญิง ได้เข้าถึงความสงบสุขภายใน
คุณ วิว ช่างแสนโชคดีอะไรอย่างนี้
คุณ วิว ได้ปลูกฝังและพัฒนา สัมมาทิฎฐิ ศรัทธา ศีลา สมาธิ ปัญญา ได้สร้างบุญญาบารมี ฯล
คุณ วิว มีกัลยาณมิตร มีครูบาอาจารย์ มหาปูชนียจารย์ทรงศีล ทรงธรรม
ซึ่งมีคุณค่ากว่าการมีทรัพย์สมบัติใดในโลก เฮ้อ คุณ วิว ช่างแสนโชคดีอะไรอย่างนี้
3 ) ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข แต่
ปัญหาก็คล้ายกับโรคภัยไข้เจ็บ คือ
หลายๆโรค ( ปัญหา ) ไม่รักษาไม่แก้ ก็หาย ถ้ารักษาก็ยิ่งหายไว
หลายๆโรค ถ้ารักษาก็หาย ถ้าไม่รักษา ก็ไม่หาย
หลายๆโรค รักษาอย่างไรก็ไม่หาย แต่บรรเทาจากหนักเป็นเบาได้
ฉะนั้น ปัญหา ที่คุณ วิว หรือ ใครๆเจออยู่ มีทางแก้ไขแน่นอน
Step 1 หน้าที่หลัก คือ รักษาสติ อารมณ์ดีที่สบาย ต้องมีทุกวัน
รักษาศูนย์กลางกาย รักษาใจให้อยู่ในศูนย์กลางกาย ในกุศลธรรม อยู่ในบุญเสมอๆ
Step 2 เนื่องจากสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ความสุข ความทุกข์ คือ บุญและปาป
หลักการ คือ ละชั่ว ทำความดี กลั่นใจให้ใส
ทาน คุณ วิว ก็ทำได้ ทั้งอามิส-วัตถุทาน แก่มนุษย์ สัตว์ , ธรรมทาน ก็ทำอยู่เสมอนี่ครับ สาธุ
อภัยทาน แผ่บุญกุศล ความเมตตาปรารถนาดี ที่สำคัญมากแต่ส่วนมากดูเบากัน
ศีล เรื่องนี้ คุณ วิว ก็บำเพ็ญอยู่แล้ว แต่ก็ควรศึกษาเพิ่มเติมในองค์แห่ง ศีล
ภาวนา จัดสรรเวลาไว้นั่งสมาธิ เรื่องนี้ต้องบริหารให้ได้ทุกวัน
Step 3 ส่วนเรื่องการแก้ไข ปรับความเข้าใจและความสัมพันธ์กับบุพพการี
ก็มีคำแนะนำดีๆของทุกท่านอยู่แล้ว
หลายๆเรื่องในชีวิต เราสามารถควบคุม ( control ) ได้
บางเรื่องใช้เวลาน้อย ไม่เกินวัน
หลายเรื่องใช้เวลามาก หลายเดือน หลายปี ก็อย่าเสียกำลังใจนะครับ
จงพยายาม พยายาม คือ ความงาม ของจักรวาล
แต่ หลายๆเรื่อง เราไม่สามรถควบคุม ( uncontrol ) แม้เป็นเรื่องของเราโดยตรง
ทั้งนี้เพราะ วิบากแห่งการกระทำในอดีตมาบีบคั้น + ปัจจุบันยังฝึกฝนตนเองได้ไม่ดีพอ
มนุษย์ส่วนมาก สมยอม ดำเนินชีวิตตามกรรมลิขิต ชีวิตจึงขึ้นๆลงๆ ทุกข์มากกว่าสุข
แต่ถ้าใคร มีอุดมการณ์ ไปถึงที่สุดแห่งธรรมแล้วล่ะก็
ถ้ามัวสมยอม ดำเนินชีวิตตามกรรมลิขิต ชีวิตจะไม่พ้นสังสารวัฎ
คนทำตามสถานการณ์ ย่อมลำบากเรื่อยไป
แต่คนที่บังอาจ กล้าหาญ กำหนดสถานการณ์ ลิขิตวีถีชีวิตตนเอง
แม้จะยากยิ่ง แต่ก็ประเสริฐกว่า สมควรที่จะฝ่าฟัน ดั้นด้นนะครับ
ต้องลิขิตชีวิตตนเอง You’re the best of life designer
คุณวิว ล่ะ เลือกแบบไหน
ถ้ามองเรื่องนี้ มี บุคคล 5 คือ ตัวคุณวิว คุณแม่ คุณพ่อ คุณย่า และน้องสาว
คำถามคือ
ถ้าคุณวิวเป็นนักเขียนนิยาย คุณ วิว จะเขียนเรื่องนี้ให้ดำเนินต่อไปอย่างไร ?
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จะปรับอย่างไร
แต่นี่เป็นเรื่องจริง งั้นเปลี่ยนคำถามว่า
ถ้าคุณวิวเป็นนักออกแบบชีวิต คุณ วิว จะเขียนเรื่องนี้ให้ดำเนินต่อไปอย่างไร ให้จบเรื่องแบบไหน ?
Relax steps : ถ้ามีความกังวลมาก เครียดในอารมณ์ ก็ต้องหาทางพักผ่อนหย่อนใจบ้างนะครับ
เลือกใช้ตามใจชอบและได้ผล ผ่อนคลาย อารมณ์สบาย
บางคนชอบฟังดนตรี ฟังธรรม เขียนบันทึก
หรือ อ่านหนังสือขำๆ
หรืออ่านพุทธภาษิต เถระวาทะ ข้อคิด คติธรรม proverb Quote
บางคนใช้วิธี นอนหลับ ตื่นมาก็สดชื่น ได้พักคลายกังวล คลายเครียดได้
ประกอบเหตุ แล้วต้องสังเกตผลด้วย จะได้ปรับแก้ให้ได้ผลดียิ่งๆขึ้น
ขอให้บุญรักษา พระธรรมกาย คุ้มครองนะครับ
ไฟล์แนบ
#24
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 08:20 PM
ใจใสใจใสใจใส...ปิ้งๆๆๆๆ
#25
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 08:32 PM
ก็เอาคำสอนของครูไม่ใหญ่มาใช้แหละครับ น้องลองไปนั่งสมาธิ แต่ถ้านั่งไม่ติดก็ทำใจโล่งๆ ว่างๆ ไปก่อน
พอใจเริ่มนิ่งๆ แล้วก็ไปทบทวนดูว่า ท่านสอนอะไรมาบ้างนะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#26
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 08:33 PM
อุปสรรคแค่ไหน ก็ไม่หวั่น
คืนและวัน จะโหดร้าย สักเพียงไหน
ร้อยและพัน ปัญหาจะฝ่าไป
เพียงมีเธอ ยิ้มให้ ที่ปลายทาง
หมั่นโทรไปหาคุณแม่นะค่ะ
กัลยาณมิตรที่รักของหลวงพ่อ
เส้นทางบุญที่พวกเราได้ร่วมกันสร้างกับหลวงพ่อนี้ เป็นเส้นทางบุญที่แสนไกลและยากกว่าการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ใดๆ ในโลก เต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก แต่พวกเราทุกคนก็อดทน ต่อสู้ และมุ่งมั่นต่อไป อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ ยากที่จะหาคำพูดใดๆ มายกย่อง จึงจะสมกับพลังบุญที่พวกเราได้ร่วมสร้างด้วยกันมาจนบัดนี้
พวกเราได้เดินทางไกลมาอย่างองอาจ เข้มแข็งตลอดมา เพราะเรารู้ว่า เรากำลังสร้างมหานิสงค์อันยิ่งใหญ่สุด นั่นคือการนำพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ไปอยู่ในจิตใจของมนุษยชาติทั่วโลก เพื่อนำชาวโลกทั้งหลายไปสู่เป้าหมายอันกว้างไกล เกินกว่าจักรวาล นั่นคือดินแดนแห่งความสุขอันเป็นนิรันดร์ คือพระนิพพาน
ด้วยผลแห่งบุญนี้ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกายในตัวเราทุกคน ขอให้พวกเราทั้งหลายประสบแต่ความสุข ความเจริญ เพิ่มพูนกำลังใจให้เราสร้างสมบารมียิ่งๆ ขึ้นไป และขอให้ได้เข้าถึงพระธรรมกาย โดยเร็วพลัน ทุกท่าน เทอญ...
คำพูดของหลวงพ่ออาจเป็นแรงใจให้พี่วิวอีกแรงหนึ่งที่จะลุกขึ้นสู้ พบทางสว่างได้ ขอให้พี่วิวพบทางออกโดนเร็วพลันนะคะ
#27
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:02 PM

" a shoulder to cry on " or anything you are welcome to phone pi @ Wat Belgium or our wat in Sweden.... Take care sweet pea....
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ

#28
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:16 PM
หลังจากที่วิวได้มองเห็นและเข้าใจตัวเองแล้ว จะทำให้วิวได้เข้าใจคนที่วิวรักได้ดีขึ้น
วิวเคยให้ธรรมทานแก่คนอื่นมามากมายจนได้เป็นนักเรียนอนุบาลระดับจักรวาล
ดวงปัญญาที่สว่างไสวตอนนี้ ถูกบดบังด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น
ที่ที่ปลอดภัยที่สุด คือ ศูนย์กลางกาย เอาใจไว้ที่นั่นนะคะ
แล้วก็อธิษฐานอย่างต่อเนื่อง บุญเท่านั้นที่จะช่วยวิวได้ค่ะ
หมอเอาใจช่วยนะคะ มองนกยูงแก้ว แล้วนึกถึงมหาปูชนียาจารย์ของเราสิคะ ไม่ยากเลยจริงไหม

#29
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:17 PM
#30
โพสต์เมื่อ 24 August 2006 - 10:47 PM
นี้ อันนี้ หมาดๆเรย
แม่เครียด ก็คงต้องหาทางคุยกะแม่อธิบายเหตุผลให้ท่านเข้าใจ ปลอบใจท่าน
โทรไปหาไปคุยบ่อยๆชวนท่านคุยสัพเพเหระ เรื่องที่สบายๆ ทำให้ท่านเห็นว่าเรารักท่าน
ห่วงใยท่าน พอได้จังหวะก็สอดธรรมะไปนิดๆ ไตรลักษณ์ มันไม่มีอะไรที่อยู่กับเราถาวร
เราจะต้องพลัดพลากจากของที่เรารักตลอด คิดว่าเดี่ยวท่านก็จะค่อยๆดีขึ้น
แต่ถ้าทำอะไรให้แม่ไม่พอใจ หรือน้อยใจ เราอาจจะไม่ผิด แต่ก็ต้องฝืนหน่อยนะ ลองกล่าวคำสั้นๆง่ายๆได้ใจความว่า ขอโทษค่ะ ดูก็คงไม่เสียหายนะ
บางครั้งคนที่กล่าวคำว่าขอโทษก็ไม่จำเป็นต้องผิดเสมอไป
คุณทำได้^^
น้องยังไม่มีโอกาสได้ไปวัด แต่ ถ้าเราเจอน้อง เราก็ค่อยๆสอนน้องให้รู้เรื่องธรรมะ
ยังไม่ต้องถึงกับลงเรื่องลึกๆมากก็ได้ อาจจะเป็นนิทาน หนังสือ ที่เป็นเรื่องราวทั่วไป ที่ยังไม่ใช่ธรรมะเต็มที่
แต่แฝงไปด้วยข้อคิด คติสอนใจ ที่จะทำให้น้องเป็นคนดีได้ แล้วก็ค่อยๆสอดแทรกธรรมะไปบ้าง
ถ้าน้องคิดดี ทำดี เป็นคนดีแล้ว สักวันน้องก็ต้องเจอกับสิ่งที่ดีๆเอง
ถ้าน้องเป็นคนดีแล้ว โตขึ้นก็ค่อยนำน้องมาวัดก็ได้ ไม่นานหรอก กาลเวลาแปปเดียว
ข้อคิดที่ได้ เกร็ดธรรมะที่คอยสอนเค้า จะเป็นพื้นฐานทำให้เค้าศึกษาเรียนรู้ธรรมะ ต่างๆไปเอง คุณทำได้
อีกไม่กี่ปีเดียวก็เรียนจบแล้ว เดี๋ยวก็มีงานทำ ตอนนั้นเป็นผู้ใหญ่
มีอิสระอะไรมากกว่านี้ ตอนนี้เรายังต้องอดทนตั้งใจเรียนไปก่อน
สักวันเราต้องมีอิสระแหละนะ
สันติภูมิ
พรายแสงอันอบอุ่น โปรยเมื่อพิรุณจรจากไป
ฟ้าหลังฝนนั้นละง่ายๆ ^^
เข็มแข็งนะ^^
-----------------------------------------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.