ความเดิมตอนที่แล้ว
ฟ้าร้างเติบโตมาแบบนั้น แบบที่อยากให้ปีหนึ่งมีแค่สิบเอ็ดเดือน มกรา กุมภา มีนา เมษา พฤษภา มิถุนา กรกฎา กันยา ตุลา พฤศจิกา แล้วก็ธันวา..
เด็กหญิงฟ้าร้าง เกลียดเดือนที่ 8 ไม่อยากแม้กระทั่งเอ่ยชื่อเดือน เพราะว่า เมื่อถึงเดือนนั้นทีไร ตั้งแต่ต้นเดือนเลยทีเดียว ที่โรงเรียน ใครๆ ก็ส่งชื่อเข้าประกวดเขียนเรียงความวันแม่ ส่งภาพวาดประกวดในหัวข้อ “แม่ของฉัน” ส่งชื่อเข้าประกวดร้องเพลงค่าน้ำนม อีกทั้งพอถึงวันนั้นของเดือน วันที่เด็กหญิงฟ้าร้างไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด ก็มาถึง
เพื่อนๆ พาแม่มากันเต็มโรงเรียนไปหมด บ้างก็มีพ่อมาด้วย จนโรงเรียนที่กว้างใหญ่นั้น คับแคบไปเลย เพื่อนบางคนมีแม่ป้อนขนม มีแม่เดินจูงมือดูนิทรรศการที่คุณครูจัด บ้างก็มีพ่ออุ้ม เด็กหญิงฟ้าร้างเกลียดภาพๆ นี้ที่สุดในชีวิต พยายามหลบอยู่ในห้องนอน ไม่ออกมาเจอหน้าใคร ตอนเที่ยงเขาทานข้าวกัน ก็ไปทานกับภารโรง แต่ว่า ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี คุณครูประกาศหาตัวเด็กหญิงฟ้าร้าง เพราะได้เวลาเตรียมตัวขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงค่าน้ำนม...
“ประกาศๆ เด็กหญิงฟ้าร้าง กรุณามาพบคุณครูสมใจที่หลังเวทีด่วน
เด็กหญิงฟ้าร้าง กรุณามาพบคุณครูสมใจที่หลังเวทีด่วน...”
ป้าแดง ภารโรง “ฟ้าร้างรีบไปสิ ครูเรียกแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน ครูตีนะ” ฟ้าร้างจำใจต้องเดินไปหยิบรองเท้านักเรียนมาใส่ แล้วก็เดินๆ ไปเรื่อยๆ ไปตามเสียงเครื่อง พลางในใจก็คิดว่า “ทำไมเพื่อนๆ กับคุณครูต้องบังคับให้เราเป็นตัวแทนของชั้นไปร้องเพลงนี้ด้วยนะ ไม่เห็นอยากได้รางวัลเลย ก็แค่ขึ้นไปยืนบนเวทีถือไมค์ ใครๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องเป็นเรา ไม่ชอบ แถมยังบังคับให้ท่องให้ได้ ให้ร้องให้ครูฟังมาตั้งหลายวันอีก น่ารำคาญชะมัด” เด็กหญิงฟ้าร้างก็เดินหน้าหงิก เดินคิดไปเรื่อยเปื่อย จนเดินไปถึงเวที ก็ถึงคิวที่ต้องร้อง ก็ขึ้นไป เสียงดนตรีก็ขึ้นมา สายตาทั้งของคนที่เป็นลูก ของคนที่เป็นแม่ ก็จับจ้องมาที่ฟ้าร้าง จนเริ่มจะเกร็ง แต่ฟ้าร้างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เปร่งเสียงร้องออกไปโดยไม่อายใคร
แม่เราเฝ้าโอ้ละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปล ไม่ห่างหันเห ไปจนไกล
แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอม ย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ
เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหล่ะหนาอาลัยมิใช่ใดหนา เพราะค่าน้ำนม..
ควร...คิด..พินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม
โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม (ฟืด ฟืด) เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน (ฮัก ฮัก)
ค่าน้ำนมครวญชวนให้ลูกฝัน แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้า หนักกว่าแผ่นดิน (ฮือๆ)
บวชเรียนภาคเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย (โฮ โฮ ฮือ ฮือ ซิก ซิก)
เด็กหญิงฟ้าร้างร้องเพลงนี้จนจบ ทั้งน้ำตา ที่ไหลออกมาตั้งแต่ตอนท่อนแรกๆ แล้วก็เดินลงจากเวทีไป พร้อมเสียงปรบมือที่ดังลั่น และน้ำตาซึมๆ ของใครหลายๆ คน แต่ความรู้สึกของตัวฟ้าร้างเอง ที่คิดว่า ไม่รู้จะขึ้นไปร้องทำไม แกล้งป่วยซะก็หมดเรื่อง เฮ้อ ไม่น่าเลย
แล้วผลการประกาศรางวัลก็มาถึง ฟ้าร้างได้ที่หนึ่งมาด้วยความงง แต่ก็ไม่สนใจ เพราะคิดว่า แค่เศษกระดาษแผ่นนี้แผ่นเดียว ไม่ได้ทำให้แม่รู้หรอก ว่าฟ้าร้างอยากให้แม่มาวันนี้มากแค่ไหน...
ตอนที่ 2
หลังจากที่ฟ้าร้างได้คิดทบทวนแล้วทบทวนอีก เอามือก่ายหน้าผากอยู่หลายเดือนหลายปี จนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ก่ายอีกหลายๆ คืนติดๆ กัน ก็เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงของเทศกาลนั้น เทศกาลที่ฟ้าร้างไม่อยากเอ่ยชื่อ
แต่เพราะได้ฟังเพลงของตะวันธรรม ที่แต่งเอาไว้อยู่หลายเพลงด้วยกัน อีกทั้งคำสอน คำสั่ง ที่ท่านพูดอยู่เสมอว่า ถึงแม้ว่าเราจะแบกพ่อและแม่ขึ้นไว้บนบ่าทั้งสอง ให้ท่านขับถ่ายของเสียของเหลวบนบ่าทั้งสองของเรานั้นตลอดเวลา เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ก็ไม่สามารถตอบแทนคุณท่านได้หมด แต่หากลูกได้ทำให้พ่อแม่ที่มีมิจฉาทิฐิ กลับกลายเป็นสัมมาทิฐิได้ สามารถทำให้พ่อแม่ รู้จักการทำทาน ศีล ภาวนาได้ จนกระทั่งท่านบรรลุธรรม นี่ต่างหากที่จะเป็นการทดแทนคุณพ่อแม่ได้หมด เพราะการให้เงินกับพ่อแม่จนแก่เฒ่า ก็ยังทำให้ท่านไม่หลุดพ้นจากวัฎฎะสงสาร ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิด แต่การสอนให้ท่านทำทาน ศีล ภาวนา จนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้นั้น นั่นต่างหากที่จะการชี้ทางหลุดพ้นให้กับท่านไปสู่หนทางสู่ความสุขอันเป็นนิรันดร์
ทุกๆ ถ้อยคำที่หลวงพ่อพูดถึงพระคุณของแม่ แต่ละคำนั้น เหมือนลูกศร ที่ปักลงมา กลางอก หลายดอก ฉึกแล้ว ฉึกเล่า ปักลงมากลางดวงใจดวงหนึ่งนั้น ที่ท่าน อาจจะรู้ หรือไม่รู้ก็ตาม ว่าเด็กหญิงคนนั้น... คนที่เคยขอถวายตัวกับท่านในใจ กรอกใบสมัครทางใจอย่างถาวร ขอเป็นลูกสาวของท่านอีกหนึ่งคน มาตั้งแต่สมัยยังแค่เพียงได้ยินแค่เสียงของท่านเมื่อสิบสามปีก่อน จนบัดนี้ ใบสมัครใบนั้น ก็ยังคงถูกเก็บไว้ในกลางดวงใจดวงนั้นตลอดมา
ไม่ว่าท่านจะรู้ หรือไม่รู้ก็ตาม แต่ทุกๆ ถ้อยคำของท่าน มันได้เข้าไปขัด ไปเซาะเอาคราบสีดำๆ ที่เกาะอยู่ใน กลางมั่ง ขอบๆ ริมๆ ดวงใจมั่ง ให้มันค่อยๆ กระเด็นหลุดออกไป เหมือนขัดหม้อที่เอาไว้ทำต้มแกง ที่มีก้นดำเพราะเขม่า ผ่านการถูกไฟลนตรงที่ก้นหม้อ แล้วลามเลียมาจนทำให้คาร์บอนติดไปถึงด้านข้าง ด้านบน ซึ่งแม่ครัว ไม่เคยล้างทำความสะอาดเลย มีแต่เอามาต้มยำทำแกง ใช้ตะหลิว ทัพพีเคาะ จนหม้อบุบๆ เบี้ยวๆ ไปเพราะมือของแม่ครัว และความร้อนของไฟ
แต่หลวงพ่อท่านก็จับเอาหม้อดำปี๋ใบนั้นมาล้างทำความสะอาด ด้วยน้ำยาล้างจานที่ดีกว่า ไลปอนเอฟ เพราะเป็นน้ำยาใจ แล้วขัดด้วยฝอยขัดใจ ที่ทำด้วยวัสดุแห่งความรักและปรารถนาดี ทำให้คราบค่อยๆ ล่อนออก บ้างก็เป็นแค่สะเก็ดเล็กๆ บ้างก็หลุดออกไปชิ้นใหญ่ๆ จนกระทั่งรอยดำๆ นั่นหลุดออกไปทีละน้อยๆ (โดยที่ท่านไม่กลัวว่ามือของท่านจะดำ) พอให้ได้เห็นแสงสีเงินของตัวหม้อ ซึ่งก็คือแสงสว่างซึ่งเป็นธรรมชาติของใจบ้าง
หลังจากที่ก่ายหน้าผากอยู่หลายวัน ก็ได้ตัดสินใจ โทรหาแม่..
ตื้ดด ตื้ดดดดด...
“ฮาโหล นี่เรียมพูดค่ะ”
“ฮาโหล มาม้า นี่หนูเอง”
“ห้ะ ??”
“นี่หนูเองไง”
“หนูเองเหรอลูก มาม้าคิดถึงหนูมากๆ เลยนะลูกนะ มาม้ารักหนูมากที่สุดเลยนะ หนูอยู่ที่ไหนลูก”
“อยู่ที่วัดพระธรรมกายค่ะ มาม้าจะมามั้ย พรุ่งนี้ที่นี่มีงาน คนมาเยอะเลย อยากให้มาเห็น”
“ทำไมหนูไม่ติดต่อมาม้าเลย โทรหาพ่อทนาย เขาก็ไม่บอกเบอร์หนู บอกว่า ไม่รู้ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก มาม้ามาก่อนละกัน”
“งั้นไปหาเดี๋ยวนี้เลยนะลูกนะ”
“เดี๋ยวๆ มาตอนเย็นๆ ก็ได้ ทำงานอยู่”
“ก็ตอนนี้มาม้าว่างน่ะ ไปเลยนะ”
“ไม่เป็นไรๆ มาตอนเย็นแล้วกัน”
“โอเคๆ”
แต่เมื่อแม่มาถึงตอนสองทุ่มครึ่งของวันที่ 11 เราก็ทะเลาะกันอีก (เหมือนเคย) ขนาดเปิด DMC ให้ดู ก็ยังไม่ดู คุยแต่เรื่องทรัพย์สิน เงินทอง สมบัติพัศฐาน ฯลฯ จนฟ้าร้างถึงกับระเบิดออกไปว่า
“ ม้ามา มาทีไร ทำไมพูดแต่เรื่องเงิน เรื่องทอง นานๆ มาเจอกันที ทำไมไม่พูดเรื่องดีๆ พูดแต่เรื่องที่ทำให้ร้อนใจ ถ้ามาม้ายังเป็นยังงี้อีก เราก็ไม่ต้องคุยกันดีกว่า”
“อ้าว ก็ชีวิตมาม้าอยู่ได้ด้วยเงินนี่”
“ไม่จริงหรอก เงินไม่ใช่สิ่งที่ซื้อความสุขได้เสมอไปหรอกนะ”
“ไม่จริง เพราะถ้ามาม้าไม่มีเงิน มาม้าอยู่ไม่ได้”
“…”
ฟ้าร้างก็เลิกคุย หันไปนั่งคุยกับคอมพิวเตอร์เพื่อนรัก ด้วยน้ำตานองหน้า...
โดยที่แม่ไม่รู้....
พอถึงช่วง case study ก็เห็นแม่เงียบไป เลิกยุ่งกับโทรศัพท์ที่กำลังใช้ในการโทรทวงเงินลูกค้าหลายราย ฟ้าร้างก็เลยหันไปดู เห็นแม่ตั้งใจนั่งมองหน้าหลวงพ่อ ฟ้าร้างก็เริ่มตื่นเต้น แล้วก็แนะนำไป ว่า นี่หลวงพ่ออายุ 62 แล้วนะ
แล้วเคสนี่น่ะ เป็นเรื่องของคนที่เขาเขียนส่งมาให้ หลวงพ่อระลึกชาติไปดูว่า ชาติที่แล้วเขาทำกรรมอะไรมา ทำไมชาตินี้ถึงยากจน ลำบาก แม่ก็พยักหน้า อืมๆ
เคสของวันที่ 11 เป็นเคสที่พ่อของเจ้าของเคสถูกพี่น้องโกงมาตลอดชีวิต ซึ่งตรงกับชีวิตของแม่ “เนี่ยๆ เหมือนชีวิตของมาม้าเลย ถูกพี่น้องโกงตลอด” แล้วแม่ก็ตั้งใจดูจนจบ โดยมีฟ้าร้างเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ พอจบ คั่นด้วยการ์ตูน แม่ก็บอกว่า “อยากได้ๆ อยากได้ของวันนี้หมดเลย ทำไง ไปหาที่ไหน” “Ok เดี๋ยวจัดให้” พอดูจนจบ “โอ้โห นี่ชีวิตมาม้าเลยนะเนี่ย พรุ่งนี้มีทำบุญอะไรมั่ง เดี๋ยวจะไปทำด้วย”
พอฟ้าร้างได้ยินดังนั้น หัวใจมันเริ่มพองออก ดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่แม่เริ่มหัดพูดภาษาเดียวกับเราแล้วเหรอเนี่ย ดีใจจัง ไม่เคยคิดเลยว่า คนอย่างแม่ ที่นับถืออิสลามมาตั้งแต่เกิด และมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ในภายหลังจะสามารถรับฟังเรื่องราวแบบนี้ แล้วก็อยากทำบุญขึ้นมาเองโดยที่เราเปรยๆ แค่นิดเดียว ฟ้าร้างคิดในใจ แต่แล้วก็มีนั่งสมาธิหลังโรงเรียนเลิก ก็เลยบอกให้แม่นั่งสมาธิด้วยกันก่อน
“โอ้โห ทำไมมันเบาจัง สบายยยย ใจจังเลย”
ว้าวววว เข้าทาง....
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ตอนที่ 3 อยู่ที่นี่ค่ะ คลิกเลย