เกลียดวันแม่ (ภาค 1)
#1
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 11:35 AM
หลังจากที่ไม่ได้เจอแม่มานานหลายปี โทรก็ไม่ได้โทร เพราะด้วยความที่แม่ไม่เคยเลี้ยงเลย มีแต่พ่อบุญธรรมเท่านั้นที่เลี้ยงมาจนโต ฟ้าร้างกับพ่อ จะรักกันมาก ฟ้าร้างจะรักพ่อบุญธรรมมากกว่าแม่แท้ๆ ของตัวเอง ตอนเด็กๆ รักแม่มาก แต่แม่ไม่เคยอยู่ด้วยเลย ทิ้งไว้กับคนอื่นตลอด (เลี้ยงด้วยเงิน) สองสามเดือน แม่จะมาหาซักที บางครั้งก็เป็นปี บอกแต่ว่าต้องทำงาน (ลองคิดถึงเด็กอายุ 8 ขวบ ต้องถูกทิ้งไว้ที่โรงเรียนซึ่งไม่ใช่โรงเรียนประจำ แต่ฝากเขาไว้) เจอกันทีก็ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ มาให้ ซื้อของให้ ฟ้าร้างจะเป็นเด็ก ที่มีทุกอย่างมากกว่าเพื่อนๆ หลายๆ คน ยกเว้นการมีแม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
วันแม่ แม่ก็ไม่เคยมาหาที่โรงเรียน คุณครูให้ทำการ์ดไว้ให้แม่ ก็ตั้งใจทำซะสวยได้คะแนนเต็ม แต่ก็ทำเก้อ เพราะแม่ไม่เคยมาเอา กว่าจะได้เอาให้ ก็ผ่านไปสามเดือน เป็นแบบนี้ทุกปี วันแม่ทีไร ก็เลยต้องขอภารโรงทั้งน้ำตา ให้ช่วยมาเป็นแม่ให้กราบเท้าแทน ในขณะที่เพื่อนๆ ได้กราบแม่ จำได้ไม่มีวันลืม ว่าต้องนอนร้องไห้คิดถึงแม่ตลอด ใครรังแก ก็ไม่มีใครปกป้อง มีอะไร ก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร เลยกลายเป็นเด็กเก่ง เรียนเก่ง กิจกรรมเก่ง แต่ก้าวร้าว เพราะต้องพึ่งตัวเอง เป็นครูของตัวเอง คิดเอง ทำเองมาตั้งแต่ ป.2 ผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัว ที่หมอหาสาเหตุไม่เจอ เช่น กระเพาะ สำลักน้ำอาหารตอนนอน หอบหืด ถึงขั้นหยุดหายใจ ตลอดเวลาในใจก็คิดถึงแม่ แต่ก็เป็นเด็กที่เกลียดวันแม่ โดยที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ แต่ก็ไม่เคยท้อถอย รอคอยว่าซักวันจะได้อยู่กับแม่ แต่นับวันก็ได้แต่รอเก้อ ขอสารภาพเลยว่า จากที่รักแม่มาก มันเริ่มกลายเป็นความเกลียดแม่ แล้วก็เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจนั้น มีสองความคิด ที่คอยเถียงกันอยู่ตลอด คือ เกลียดแม่ และ รักแม่
ยิ่งโต ก็ยิ่ง ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็กลายเป็นความหนาวใจที่ชาชิน มันด้านชา จนความรักในใจไม่มีเหลือให้ใคร นอกจากพ่อบุญธรรมที่พาไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัด ชีวิตมีแต่เพื่อน เพราะพ่อก็ต้องไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็เลยกลายเป็นคนติดเพื่อน นอนบ้านเพื่อน กินบ้านเพื่อน พอพ่อมา ก็เริ่มไม่ชอบพ่อ อยากอยู่กับเพื่อนมากกว่า เพราะ้บ้านเพื่อน พ่อแม่เขารัก ให้ความอบอุ่น
ระหว่างนั้น ก็เรียนหนังสือไปเรื่อยๆ อาจารย์จะรัก เพราะด้วยความที่เป็นเด็กเรียนเก่งทั้งที่ไม่ได้ขยันอะไรเลย ระหว่างนั้น ก็เจอปัญหาต่างๆ มากมาย เข้ามาในชีวิต ร้องไห้แทบทุกคืน
แต่ก็เลยกลายเป็นว่าโตขึ้นมา เป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความรัก ใช้ความรักสิ้นเปลือง ทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่เข้าใจพ่อ ไม่เข้าใจทุกๆ คน ไม่แคร์ใคร ก้าวร้าว เกรี้ยวกราด เชื่อมั่นในตัวเอง ต่อต้านทุกอย่าง
แม่เป็นมุสลิมตั้งแต่เกิด เคร่งศาสนาพอสมควร แต่ช่วงหลังๆ หันไปนับถือคริสต์ (แต่เขาก็คิดว่า พระเจ้ามีองค์เดียวไม่ว่าจะศาสนาไหน ก็เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน) ส่วนตัวเองนับถือพุทธตั้งแต่จำความได้ ชอบนอนที่ัวัด ชอบไปวัด ใครชวนทำบุญ ไม่เคยปฎิเสธ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก ของเด็กที่มีปัญหา ไม่มีคนดูแล
แต่แล้ว วันหนึ่ง อา (น้องสาวของพ่อบุญธรรม) ก็กลับไปที่ต่างจังหวัด บอกว่า จะไปอยู่วัดซักสองอาทิตย์ จะไปด้วยกันมั้ย ตอนนั้นปิดเทอมก็ตอบตกลงทันทีว่า ไป โดยไม่ได้คิดอะไร (ตอนนั้นฟ้าร้างอายุ 13 ปี ก็ได้ไปชวนเพื่อนอีกสองคน เขาก็ตามมาในวันหลัีงๆ ) อาก็โกนหัวเป็นชี ส่วนเราก็นุ่งขาว ห่มขาว คอยทำหน้าที่ตามแต่เขาจะใช้ ตักน้ำให้อาบบ้าง เตรียมอาหารให้บ้าง แล้วอาก็เปิดเทปสวดมนต์ เสร็จแล้ว ก็เป็นเสียงของพระรูปหนึ่งนำนั่งสมาธิ จำได้ว่าตอนนั้นชอบเสียงๆ นี้มาก ฟังแล้วอบอุ่นในใจบอกไม่ถูก นั่งไปไม่นาน แล้วก็เห็นฟองสบู่ที่สว่างใสๆ ใหญ่เท่าโบสถ์ พอลืมตามา มันมีความสุขจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยสัมผัสกับความสุขชนิดนี้เลย หลังจากนั้น อยากทานอะไรก็ได้ทาน อยากได้อะไรก็ได้ เพียงแค่นึกในใจเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก (ตอนนั้นยังไม่เคยเข้าวัดพระธรรมกาย ไม่รู้อะไรเลย)
นั่นเอง เป็นจุดเปลี่ยนของความคิด รู้ตัวในทันที ว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งๆ นี้ โดยไม่ต้องมีใครมาบอกมาอธิบาย ความรักในทุกๆ คน มันเกิดทันที อยากให้ทุกคนในโลกนี้ ได้พบเจอความสุขชนิดนี้บ้าง เราอยากเลี้ยงคนทั้งโลก ก็เป็นสิ่งที่เด็กอายุ 13 ปี สามารถคิดได้
จากนั้น ก็ได้เข้าวัดมาอบรมกับทางวัด แล้วก็ได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยง่าย
แต่หลังจากนั้นมา ก็ห่างแม่ไปโดยปริยายค่ะ ในใจก็ยังคงมีความรักให้ แต่อีกใจก็ยังวิตก ไม่มั่นใจในความรักของแม่ ว่าเขามีให้เราจริงเหรอ ช่วงนั้นก็ห่างๆ วัดไป เพราะต้องเรียนต่างจังหวัด ถึงวันรับปริญญา แม่ก็ไม่มา (อีกตามเคย) เราก็ร้องไห้ (อีกตามเคย แต่ก็ชาชินซะแล้ว ) ตอนนั้นคิดว่า พ่อบุญธรรม มีบุญคุณมากกว่าแม่แท้ๆ ของตัวเอง ทั้งที่ รอบๆ ตัว ก็มีแต่คนพูดว่าแม่มีพระคุณใหญ่หลวง ฟ้าร้างก็ไม่เคยซึ้งในใจ เพราะว่าได้โตมาในสภาพแบบที่เล่าให้ฟัง และก็มีบางคนบอกว่า แม่ไม่ได้เลี้ยง แม่ก็เรียกได้ว่า เป็นเพียงผู้ให้กำเนิดเท่านั้น เพราะฉะนั้น อย่าไปโศกเศร้าเสียใจ ที่เราไม่ได้เลี้ยงเค้า มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไร ยังคงมีสองความคิดในใจตลอด
เมื่อได้งานทำ มีเงินใช้ ฟ้าร้างก็ยังนึกถึงแม่ อยากให้เขาสบาย แต่ว่าพอเจอกันทีไร แม่ก็พูดเรื่องเงินๆ ทองๆ สมบัติ (ที่ไม่มีแม้แต่เงา) ฝันถึงอดีตที่เคยสวยหรู มีแต่เอกสารมากมาย ที่เป็นแค่เศษกระดาษ เพราะแม่ถูกเขาโกงตลอดชีวิต แต่ก็ยังดิ้นรนแสวงหา ปัจจุบันอายุ 60 แล้วก็ยังเป็นอยู่ เจอกันทีไร ก็ทะเลาะกันทุกที
แต่แล้ว เมื่อได้มาช่วยงานหลวงพ่อจริงๆ จังๆ ความคิดที่ว่าเกลียดแม่ ก็ค่อยๆ จางลง เพราะหลวงพ่อตอกย้ำอยู่ตลอดเวลา ว่าแม่มีบุญคุณ ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยง แต่ก็ได้ให้กายมนุษย์เรามาทำความดี ตอนแรกก็ปฎิเสธในใจตลอด แต่พอเริ่มฟังมากขึ้นๆ ความเกลียดแม่ แค้นที่แม่ทิ้งเรา ทำให้เราเป็นเด็กเก็บกด มันก็เริ่มคลายลงๆ จากที่เกลียดวันแม่ของทุกปี มาเป็นเวลา เกือบ 20 ปี ก็เริ่มคลาย จนเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ก็เลยโทรไปขอเบอร์ของแม่ กับพ่อบุญธรรมบอกว่าจะโทรหาแม่ แล้วก็ได้ตัดสินใจโทรไป พอแม่ได้ยินเสียงฟ้าร้างเท่านั้น น้ำเสียงท่านดีใจมาก ท่านจะมาหาเราให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ตอนที่ 2 อยู่ที่นี่แล้วค่ะ คลิกเลย
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#2
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 12:49 PM
ซึ้งตรง ตอน เนื้อหาตอนท้ายๆ
สงสาร ตอน เนื้อหาต้นๆ

DMC The only one
ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย
คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 01:25 PM

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#4
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 01:50 PM
#5
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 02:27 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 02:49 PM

ตอนนี้แม่ไม่สบายอยู่ มาอ่านเรื่องนี้แล้วเลยเศร้า



รีบเอาตอนที่สองมาให้อ่านซะดีๆ จะได้หายเศร้า
เมื่อวานเห็นน้องฟ้าร้างยิ้มแก้มแทบปริอยู่กับใครบางคนที่สภา
.. ใช่ตอนจบของเรื่องรึเปล่าเอ่ย..

เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#7
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 08:29 PM
และก็รอภาค3 4 5 6.....ไปจนจบคะ
#8
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 08:36 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#9
โพสต์เมื่อ 14 August 2006 - 10:00 PM
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#10
โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 12:01 AM
#11
โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 02:53 AM
นับว่าบุญส่งผลจริงๆ แล้วค่ะ น่าชื่นใจจริงๆเลยนะจ๊ะ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#12
โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 11:15 AM
#13
โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 04:01 PM
หวังว่าตอนจบคงแอปปี้นะ ตื่นเต้นมาก ปริ้นออกไปให้เพื่อนอ่านด้วยหละ
เพราะเขายังไม่มีอินเตอร์เน็ตค่ะ สาธุ....
#14
โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 01:53 PM
อดีตที่ผ่านผิดพลาดอะไรลืม ๆ มันไปซะนะคะ
ถือว่า ฟ้าร้างโชคดีแล้วนะ ที่ได้โอกาส และไม่ทิ้งโอกาสนั่นไป
แต่สำหรับคนอื่น ๆ อาจหาทางออกที่ผิด ๆ ก็มีเยอะไปนะ