คือเรื่องมันมีอยู่ว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ไปร่วมสมัครเรียนเต้นด้วยกัน คือค่าสมัครทั้งหมด 8000 บาท ต้องจ่ายคนละ 4000 และอาจารย์เขาจะหาอีกคนมาช่วยหารให้ แต่ต้องจ่ายออกไปให้ก่อน และวันนั้นไม่ได้เอาตังค์ไปเลย เพื่อนเลยออกให้ไปก่อนค่ะ แล้วหนูก็เลยเอาเงินไปจ่ายให้เพื่อนวันถัดไปในจำนวนเงินที่ครบแล้ว แล้วพอวันที่นัดเรียน อาจารย์ก็ถามเชิงประมาณว่าทำไมไม่จ่ายเงินให้เพื่อน มีเงินหรือเปล่า อะไรประมาณนี้ แล้วก็มองแบบดูถูก เราก็กำลังคุยโทรศัพท์ไม่ทันฟังก็เลยตอบว่ามีเงินแค่นี้ไป ซักพักได้ยินอาจารย์คุยกับเพื่อนว่า เราก็มีเงินแล้วไม่ยอมจ่ายคืนเอง แต่คือคุยโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้ตอบโต้อะไร พอเรียนเสร็จเพื่อนก็มาคุยด้วยแล้วบอกว่าให้เราบอกอาจารย์ว่ายังไม่ได้จ่ายเงินให้เพื่อน เพราะเพื่อนได้บอกอาจารย์ไปอย่างนั้น เพราะอาจารย์จะได้รีบหาคนมาช่วยหารอีกคนแล้วรีบเอาเงินคืนเพื่อน คืออยากถามว่าถ้าเจอแบบนี้ทำไงดีค่ะ จะบอกอาจารย์เพื่อนก็จะเสียหาย จะไม่บอกเราก็ทุกข์ใจโดนดูถูกเครดิตเสียหมดเลย ทำไมเพื่อนกันต้องทำแบบนี้ด้วย แอบไปคุยกันลับหลังว่าเราอย่างหนึ่ง ต่อหน้าอย่างหนึ่ง มันเสียความรู้สึกมากเลยค่ะ

ถ้าถูกนินทาว่าร้ายจะทำไงให้ใจสบายดี
เริ่มโดย usr21142, Jan 03 2008 08:36 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 03 January 2008 - 08:36 PM
#2
โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 11:44 AM
พุทธภาษิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ชัดเจนแล้วนี่ครับว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
หากเพืื่อนเรามีพฤติกรรมแบบนี้ไปตลอด วันนี้เราเจอทีเด็ดของเพื่อนแค่นี้ แล้วพรุ่งนี้เราจะเจออะไรอีกหรือเปล่าล่ะครับ แล้วอนาคตล่ะ เรื่องใหญ่ๆ หนักๆ กว่านี้ เราจะเจออีกหรือไม่ แต่ก่อนจะตัดสินใจเลิกคบเพื่อนหรือไม่อย่างไร เราควรให้โอกาสคนได้ปรับปรุงตัว ด้วยการ
1. คุยกับเพื่อนตรงๆ เลยว่า เธอทำแบบนี้ ใครได้ผลดี ผลเสียอะไรบ้าง ถ้าเขาบอกว่า เขาได้ผลดี คือ ครูจะได้ไปหาคนมาช่วยหาร ทำให้ไม่ต้องเสียเงิน น้องก็ลองถามต่อไปอีกสิว่า แล้วใครได้ัรับผลเสียบ้าง แล้วก็บอกให้เขาไปคุยกับคุณครูใหม่ให้ถูกต้องครับ
2. หากเขาไม่ยอมคุย แถมบอกอีกว่า น้องเป็นเพื่อน ก็เสียสละให้เพื่อนเช่นเขาหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร อย่างนี้พี่แนะนำว่า ให้น้องเลิกคบกับเขาเสียครับ
หากเพืื่อนเรามีพฤติกรรมแบบนี้ไปตลอด วันนี้เราเจอทีเด็ดของเพื่อนแค่นี้ แล้วพรุ่งนี้เราจะเจออะไรอีกหรือเปล่าล่ะครับ แล้วอนาคตล่ะ เรื่องใหญ่ๆ หนักๆ กว่านี้ เราจะเจออีกหรือไม่ แต่ก่อนจะตัดสินใจเลิกคบเพื่อนหรือไม่อย่างไร เราควรให้โอกาสคนได้ปรับปรุงตัว ด้วยการ
1. คุยกับเพื่อนตรงๆ เลยว่า เธอทำแบบนี้ ใครได้ผลดี ผลเสียอะไรบ้าง ถ้าเขาบอกว่า เขาได้ผลดี คือ ครูจะได้ไปหาคนมาช่วยหาร ทำให้ไม่ต้องเสียเงิน น้องก็ลองถามต่อไปอีกสิว่า แล้วใครได้ัรับผลเสียบ้าง แล้วก็บอกให้เขาไปคุยกับคุณครูใหม่ให้ถูกต้องครับ
2. หากเขาไม่ยอมคุย แถมบอกอีกว่า น้องเป็นเพื่อน ก็เสียสละให้เพื่อนเช่นเขาหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร อย่างนี้พี่แนะนำว่า ให้น้องเลิกคบกับเขาเสียครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#3
โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 02:25 PM
ถ้าเป็นคนพาลไม่ควรคบครับ เพราะไม่เป็นมงคล...สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 04:55 PM
มีผู้ที่กล่าวไว้ว่า
การถูกนินทาว่าร้าย ให้ถือเป็นความโชคดีที่มีคนคอยเสนอแนะสิ่งที่ผิดพลาดไม่ดีในตัวเรา ให้เราได้รู้และปรับปรุงแก้ไข ดังนั้น เราควรขอบคุณเขาที่เขาช่วยชี้ทางสว่างให้เราได้แก้ไขปรับปรุงตัว
แต่หากเป็น
การถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือถูกพูดจาให้ร้าย ให้ทำตัวนิ่งเฉย อย่าไปต่อล้อต่อเถียง เพราะจะเป็นการต่อความยาวสาวความยืด หากจะพูดให้พูดแต่ความจริง หากเขาไม่เชื่อก็ช่างเขาและอย่าหวังให้เขาเชื่อ แต่พูดเพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดแค่นั้นพอ และให้ตัวเองคิดว่าเป็นบทเรียน ในการเลือกคบหาคน จะได้รู้ถึงนิสัยของคนที่เรากำลังจะคบ หรือคบอยู่
มีหลักการง่ายๆ คือ หากเรารู้ว่าเขาพูดไม่จริง ก็อย่าไปสนอย่าไปฟังเขา แต่ถ้าหากเขาพูดจริงก็ให้ยกย่องชมเชย นี่เป็นหลักการของบัณฑิตครับ
การถูกนินทาว่าร้าย ให้ถือเป็นความโชคดีที่มีคนคอยเสนอแนะสิ่งที่ผิดพลาดไม่ดีในตัวเรา ให้เราได้รู้และปรับปรุงแก้ไข ดังนั้น เราควรขอบคุณเขาที่เขาช่วยชี้ทางสว่างให้เราได้แก้ไขปรับปรุงตัว
แต่หากเป็น
การถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือถูกพูดจาให้ร้าย ให้ทำตัวนิ่งเฉย อย่าไปต่อล้อต่อเถียง เพราะจะเป็นการต่อความยาวสาวความยืด หากจะพูดให้พูดแต่ความจริง หากเขาไม่เชื่อก็ช่างเขาและอย่าหวังให้เขาเชื่อ แต่พูดเพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดแค่นั้นพอ และให้ตัวเองคิดว่าเป็นบทเรียน ในการเลือกคบหาคน จะได้รู้ถึงนิสัยของคนที่เรากำลังจะคบ หรือคบอยู่
มีหลักการง่ายๆ คือ หากเรารู้ว่าเขาพูดไม่จริง ก็อย่าไปสนอย่าไปฟังเขา แต่ถ้าหากเขาพูดจริงก็ให้ยกย่องชมเชย นี่เป็นหลักการของบัณฑิตครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 07:03 PM
QUOTE
คอยปลดเปลื้อง เรื่องร้าย ให้คลายออก หมั่นซักฟอก จิตใจ ให้เจิดจ้า
สิ่งสกปรก รกใจ ไม่เก็บมา ผ่านหูตา ปล่อยไป ไม่ไยดี (ก.เขาสวนหลวง)
สิ่งสกปรก รกใจ ไม่เก็บมา ผ่านหูตา ปล่อยไป ไม่ไยดี (ก.เขาสวนหลวง)
QUOTE
โทษผู้อื่น แลเห็น เป็นภูเขา โทษของเรา แลไม่เห็น เท่าเส้นขน
ตดคนอื่น เหม็นเบื่อ เราเหลือทน
ตดของตน ถึงเหม็น ไม่เป็นไร (อุทานธรรม)
ตดคนอื่น เหม็นเบื่อ เราเหลือทน
ตดของตน ถึงเหม็น ไม่เป็นไร (อุทานธรรม)
QUOTE
การนินทา ไม่ใช่ของใหม่ที่เกิดขึ้น เขาทำกันมาแต่โบราณแล้ว คนนั่งนิ่งเขาก็นินทาว่า ทำไมจึงนั่งนิ่งเหมือนคนใบ้ คนพูดมากก็นินทาว่า ทำไมจึงพูดไม่หยุดอย่างกับปากเป็นหุ่นชักยนต์ คนพูดพอประมาณ เขาก็นินทาว่า ทำไมเจ้าคนนี้จึงสำคัญว่าคำพูดของตนเหมือนทองคำ พูดคำสองคำก็นิ่งเสีย แผ่นดินก็ดี พระอาทิตย์และพระจันทร์ก็ดี คนก็ยังนินทา แม้พระพุทธเจ้าผู้เพรียบพร้อมด้วยคุณงามความดี คนก็ยังนินทา คนไม่ถูกนินทา ไม่เคยมีมา แล้วจักไม่มีต่อไป ถึงในขณะนี้ก็ไม่มี (ธรรมบท)
.............................................................................................................................
QUOTE
พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระราหุลว่า เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง อุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัดหรือระอาหรือเกลียดด้วยของนั้นก็หาไม่ฉันใด เธอจงทำใจเสมอด้วยแผ่นดินฉันนั้น เพราะเมื่อเธอทำใจเสมอด้วยแผ่นดิน สัมผัสที่ชอบใจและไม่ชอบใจ จักไม่ครอบงำจิตของเธอ (มหาราหุโลวาทสูตร)
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 04 January 2008 - 07:09 PM
นินทา.....เป็นเรื่องของการใช้วาจา
เรารู้สึกขุ่นมัวทุกครั้งหรือเปล่าที่เราได้ยินเสียงของคนอื่นกำลังพูดถึงเรา
อย่างคนที่บอกว่ามันจริงหรืออาจจะไม่จริงก็ได้
ถ้าเราขุ่นมัวแสดงว่าเราอ่อนแอ
เสียงที่เราได้ยินนั้น เราอาจจะได้ยินจริง
แต่สิ่งที่เราได้ยินนั้นมันไม่จริง อันนี้เรารู้อยู่แก่ใจของเราดี
จงใช้วาจาของเราทุกครั้งอย่างคนที่เฝ้าดูเจตนาว่าเราพูดทำไม
สิ่งที่เราพูดเพื่ออะไร กับคำพูดของเราในขณะนั้นมีคนชอบฟังก็จริง
แต่เมื่อพูดไปแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่จริง เราก็ต้องหยุด.....
นี่คือการหยุดนินทาจากวาจาของเราก่อน
เป็นเรื่องที่เราทำได้เป็นเรื่องแรก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่าการใช้วาจานั้นเป็นเรื่องแรกที่ต้องระมัดระวัง
เพราะมันเป็นเรื่องของการสร้างสามัคคีได้ดีที่สุด
ในทางตรงกันข้ามมันก็ทำลายความสามัคคีได้อย่างง่ายที่สุดเหมือนกัน
ถ้าคำพูดใดก็ตามเป็นคำพูดที่ไม่จริง อย่าไม่พูดเลย
หรือแม้แต่ข่าวลือที่เราไม่รู้จริง ก็อย่าพูด
ถ้าคำพูดใดจริงและคนฟังก็ชอบฟัง
เรายังต้องพิจารณาว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรไม่ควรพูด
หยุดการนินทาด้วยการใช้สติปัญญาในการใช้วาจาของเราดีไหม
แล้วเราจะรู้ว่าเราจะไม่เป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนโดยวาจาของเรา
..............................................................
เรารู้สึกขุ่นมัวทุกครั้งหรือเปล่าที่เราได้ยินเสียงของคนอื่นกำลังพูดถึงเรา
อย่างคนที่บอกว่ามันจริงหรืออาจจะไม่จริงก็ได้
ถ้าเราขุ่นมัวแสดงว่าเราอ่อนแอ
เสียงที่เราได้ยินนั้น เราอาจจะได้ยินจริง
แต่สิ่งที่เราได้ยินนั้นมันไม่จริง อันนี้เรารู้อยู่แก่ใจของเราดี
จงใช้วาจาของเราทุกครั้งอย่างคนที่เฝ้าดูเจตนาว่าเราพูดทำไม
สิ่งที่เราพูดเพื่ออะไร กับคำพูดของเราในขณะนั้นมีคนชอบฟังก็จริง
แต่เมื่อพูดไปแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่จริง เราก็ต้องหยุด.....
นี่คือการหยุดนินทาจากวาจาของเราก่อน
เป็นเรื่องที่เราทำได้เป็นเรื่องแรก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่าการใช้วาจานั้นเป็นเรื่องแรกที่ต้องระมัดระวัง
เพราะมันเป็นเรื่องของการสร้างสามัคคีได้ดีที่สุด
ในทางตรงกันข้ามมันก็ทำลายความสามัคคีได้อย่างง่ายที่สุดเหมือนกัน
ถ้าคำพูดใดก็ตามเป็นคำพูดที่ไม่จริง อย่าไม่พูดเลย
หรือแม้แต่ข่าวลือที่เราไม่รู้จริง ก็อย่าพูด
ถ้าคำพูดใดจริงและคนฟังก็ชอบฟัง
เรายังต้องพิจารณาว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรไม่ควรพูด
หยุดการนินทาด้วยการใช้สติปัญญาในการใช้วาจาของเราดีไหม
แล้วเราจะรู้ว่าเราจะไม่เป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนโดยวาจาของเรา
..............................................................
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 05 January 2008 - 02:53 PM
เราก็นิ่งๆไว้ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไร คืดซะว่าเป็นเรื่องธรรมดาสิ่ค่ะ ก็ โลกธรรม 8 ไงคะ
มีลาภ เสื่อมลาภ
มียศ เสื่อมยศ
ติเตียน สรรเสริญ
มีสุข มีทุกข์ ปนกันไป
สู้ๆต่อไปนะคะ
มีลาภ เสื่อมลาภ
มียศ เสื่อมยศ
ติเตียน สรรเสริญ
มีสุข มีทุกข์ ปนกันไป
สู้ๆต่อไปนะคะ
...ความรักก็เหมือนการจับไฟนั่นแหละ
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคือ...อย่ารัก...
ทางที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คืออย่าจับไฟอย่าเล่นกับไฟ
ทางที่จะปลอดภัยจากรักก็ฉันนั้น มีอยู่ทางเดียวคือ...อย่ารัก...
#8
โพสต์เมื่อ 05 January 2008 - 11:41 PM
เห็นด้วยกับคุณเคยเข้าวัดที่ว่า เหตุการณ์นี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสีมากกว่า
แก้ปัญหากับเพื่อน ก็ต้องลองวิธีของคุณหัดฝันแนะนำ
เพื่อนประเภทนี้อาจไม่ได้มีคนนี้คนเดียว เราอาจต้องเจอคนแบบนี้อีกในสังคมอื่นๆ วิธีป้องกันในคราวต่อไปคือ
- พึงระลึกเสมอว่าเรื่องเงิน ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ในปุถุชน แม้จะเป็นญาติหรือเพื่อน
- ในการจ่ายเงินต้องมีหลักฐานแสดงการชำระเงินให้เราเสมอ
- หากไม่มีหลักฐานใบเสร็จให้ ต้องมีพยานบุคคลที่3(ที่น่าเชื่อถือ) รับรู้การจ่ายเงินของเราด้วย
งานนี้ทำใจให้ใสก่อน มีจิตเมตตาพร้อมให้อภัยต่อเขาก่อน แล้วขอให้ชนะใจ คนไม่จริงใจ ด้วยความจริงนะ
แก้ปัญหากับเพื่อน ก็ต้องลองวิธีของคุณหัดฝันแนะนำ
เพื่อนประเภทนี้อาจไม่ได้มีคนนี้คนเดียว เราอาจต้องเจอคนแบบนี้อีกในสังคมอื่นๆ วิธีป้องกันในคราวต่อไปคือ
- พึงระลึกเสมอว่าเรื่องเงิน ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ในปุถุชน แม้จะเป็นญาติหรือเพื่อน
- ในการจ่ายเงินต้องมีหลักฐานแสดงการชำระเงินให้เราเสมอ
- หากไม่มีหลักฐานใบเสร็จให้ ต้องมีพยานบุคคลที่3(ที่น่าเชื่อถือ) รับรู้การจ่ายเงินของเราด้วย
งานนี้ทำใจให้ใสก่อน มีจิตเมตตาพร้อมให้อภัยต่อเขาก่อน แล้วขอให้ชนะใจ คนไม่จริงใจ ด้วยความจริงนะ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#9
*YTTRA*
โพสต์เมื่อ 07 January 2008 - 11:18 AM
เจอแบบนี้ก้อต้องทำใจ