[center]

รสธรรมะ ชนะรสทั้งปวง
#1
โพสต์เมื่อ 29 May 2008 - 12:37 PM
[center]
#2
โพสต์เมื่อ 29 May 2008 - 03:19 PM
กาม...ยิ่งเสพ...ยิ่งเซ็ง!!!
ธรรม...ยิ่งเสพ...ยิ่งซึ้ง...
#3
โพสต์เมื่อ 30 May 2008 - 07:53 AM
อนิจฺจา วต สงฺขารา _____อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ ___เตส วูปสโม สุโขติ ฯ

เกิดอยู่ย่อมเสื่อมไป---------เปล่าแท้
เกิดแล้วแต่จักไคล----------คราดับ
ใดสงบปรุงแต่งแล้----------สุขล้ำธรรมดา

น้อยหนึ่งแต่จะหือ-----------ห่อนได้
ยินใดแค่คำลือ--------------คำล่อ ลวงนา
กายสลายชีพไร้-------------รับรู้อยู่เห็น

อย่ายกตนข่มเขา------------ว่าร้าย
ดีชั่วเล่นสนุก----------------ในโลก ลืมตาย
ต่างจากแต่คล้ายย้าย--------ต่างกรรม์

เป็นมิ่งเป็นขวัญตน-----------ก่อนแล้ว
ถือประทีปชีพตาม------------ทางกลับ
ฝึกกว่าได้กล้าแกล้ว----------เกลศไกล

รจนาพาที-------------------ปราชญพร้อง
ทำใดจะดูดี-----------------ดาย บ ได้นา
เดียวบทแต่ใจต้อง----------ต่อให้เห็นสม
ศรีวยาฆร ประพันธ์.
#4
โพสต์เมื่อ 30 May 2008 - 09:17 PM
หมุนตามกัน เป็นวง อย่าสงสัย
ชีวิตคน วนเวียน ย่อมเปลี่ยนไป
อุปมัย กำเกวียน ที่เวียนวน
#5
โพสต์เมื่อ 31 May 2008 - 09:13 AM
-----เห็นธรรม-----

ชีวิตเลือกคิดถึงสิ่งไหน
ชายสมุทรขอบฟ้าแสนไกล
เสียงคลื่นคลาไคลโครมคราม

นั่งคิดความหลังถึงขวากหนาม
ท้องฟ้าวันนี้สีคราม
แสงทองอร่ามยามงาย

ชีวิตประดุจฝันสืบสาย
คิดถึงวันสุดท้ายความตาย
ความหมายเป็นเพียงมายา

คลื่นสีขาวต่างไคลสุดขอบฟ้า
แปซิฟิกกว้างไกลสุดสายตา
นาวาวิ่งอ้าวเข้าหลบลม

จำเนียรซ้ำซากทับถม
ทุกแห่งทุกหนทุกข์ระทม
ความตายคงอุดมทุกที่ไป

ชีวิตเริ่มต้นอยู่ทุกสมัย
ขณะจิตปลายทางแสนไกล
จักสิ้นสุดที่ใดใจเอย

เมฆเก็บดวงตะวันมิเห็นเผย
มรสุมคลุมสมุทรเช่นเคย
กะไรเลยเปลี่ยนไปในพริบตา

ผันแปรมิสิ้นสังสาร์
คิดเห็นก็เป็นอนิจจา
เกิดมาต้องพานพบสัจจริง
ศรีวยาฆร ประพันธ์
#6
โพสต์เมื่อ 31 May 2008 - 09:49 PM
อ่านว่า " สี วะ ยา คอน " หรือ " สี วะ ยา ฆะ ระ " ครับ
(นามปากกา) เพราะดี แปลว่าอะไรครับ ขอบคุณครับ
#7
โพสต์เมื่อ 01 June 2008 - 05:24 PM

#8
โพสต์เมื่อ 01 June 2008 - 07:16 PM

#9
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 03:52 PM
นามปากกาของกระผม อ่านออกเสียงว่า ศรี วะ ยา คอน ขอรับ
ส่วนความหมายนั้น ศรี ในที่นี้หมายเอา ศักดิ์ศรี หรือความมีสิริ ครับ
ส่วน วยาฆร เป็นคำสันสกฤต แปลว่า เสือ ครับ มีประวัติครับ แต่จะไม่กล่าวถึงละครับ
ส่วนบทกวีนี่ผมแต่งไปตามอารมณ์ขณะนั้นๆ ละครับ
อ่านแล้วถ้าไม่ชอบใจ ก็อย่าถือสากันนะครับ
คิดเสียว่ามาร่วมสนุก บันเทิงธรรมประสาคนชอบพอฮักแพงกันครับ
--------ดาวใด-------

ลับเหลี่ยมเมรุลงแล้วหนา
ลิบลิบแลลำนาวา
ขอบฟ้ารัตติกาลลานดาว

คลื่นซัดสาดซ่าฟองขาว
กระทบแสงจันทร์แพรวพราว
ชีวิตชั่วคราวคลาไคล

โลกอื่นมีบ้างหรือไม่
เรื่องราวหลากหลายเป็นไป
คล้ายกันบ้างไหมใจเรา

เหตุการณ์มากมายแสนเศร้า
มนุษย์หลงในรูปเงา
ดาวเจ้าจักเป็นเช่นไร

สุกสกาวทอแสงสดใส
ขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
นาวาปั่นไฟเป็นทิวยาว

หมู่ดาวสถิตในห้วงหาว
เห็นดั่งดวงแก้วแวววาว
ชั่วคราวยาวนานเท่ากัน

ปริศนายังมิเผยเปลี่ยนผัน
ซับซ้อนซ่อนจริงเงียบงัน
ใครกันที่จักษ์แจ้งสัจจา
ศรีวยาฆร ประพันธ์.
#10
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 08:12 PM
ชอบบทรำพึงใน บทกวี ดาวใด มากครับ
#11
โพสต์เมื่อ 03 June 2008 - 10:02 PM
จะแต่งกลอน ถอนพิษ ปริศนา
เพื่อสัจจา แจ้งจักษ์ ด้วยสักวา
"สักวา สว่างแล้ว แก้วใจเอ๋ย
ปริศนา ถึงคราเผย เฉลยซึ้ง
เช่นโลกอื่น รื่นสกาว ดาวดึงส์
แต่อื้ออึง ตึงตัง จึงชังจัง
ต้องดุสิต บุรีสิ ที่ผมรัก
แจ้งประจักษ์ กั๊กวงบุญ พิเศษหวัง
อีกเขตใน ใสสว่าง ณ.กลางคลัง
ใจเป็นผัง ดั่งสำเร็จ เสร็จกิจเอย"
#12
โพสต์เมื่อ 04 June 2008 - 09:27 AM
ขอชมเชยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
#13
โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 05:52 PM
เข้าขั้น 'ปฏิภาณกวี' ทีเดียว

Nor Whence, like Water willy-nilly flowing;
And out of it as Wind along the Waste,
I know not whither, willy-nilly blowing.
ข้าฯเกิดมาในพิภพ, โดยไม่รู้ว่าทำไม
มาจากไหน, ดั่งสายน้ำที่ไหลไป โดยจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
สักวันก็ต้องจากไป ดั่งสายลมที่เปล่าดาย
ไม่รู้จักสิ้นสุดที่ใด แต่ก็ต้องไปอยู่ดี.

#14
โพสต์เมื่อ 08 June 2008 - 01:26 AM
ปริศนาของคุณมี 3 วาระ
(๑) มาจากไหน(Whence)
(๒) มาทำไม(Why)
(๓) จะกลับไปไหน(Whither)
ในเมื่อคุณแปลอังกฤษเป็นไทย ผมก็จะแปลงไทยเป็นอังกฤษ
พระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่สุดรักสดบูชา ได้เคยรจนาไขปริศนาข้อที่๑นี้ไว้แล้ว
จึงขออัญเชิญมาประดับเป็นมงคล ณ. ที่นี้
"มาจากไหน"
""ดาวทิ้งฟ้า" มาอยู่ ในอู่กาย
ซ้อนเรียงราย กลายเป็น หนทางขาว
อริยะ ผุดผ่าน เส้นทางดาว
ตั้งแต่เช้า ยันค่ำ ฉ่ำชื่นใจ"
"Whence"
"Heaven stars are falling into the bodies,
Multiplication become the milky way;
Dhammakaya are rising up the star ray,
Morning stays until night, mighty mind."
#15
โพสต์เมื่อ 08 June 2008 - 09:47 PM
เหมาะกับเป็นคำตอบของวาระ๒ ดังนี้
"มาทำไม"
"เพราะธาตุธรรมสั่งส่งลงมาเกิด
เพราะหน้าที่อันประเสริฐทหารกล้า
เพราะรื้อสัตว์ขนสัตว์นับคณา
เพราะมารายังบัญชาเบื้องหลังเรา"
"Why"
"Because of The Born, The First One order;
Because of The Duty, The Courageous soldier;
Because of The Being, The Enlightenment of endless number;
Because of The Mara, The Top secret of the dark conductor.
#16
โพสต์เมื่อ 11 June 2008 - 10:47 AM
"กลับไปไหน"
"ทำหน้าที่ตราบจนลมหมดสิ้น
ทั้งชีวินกลั่นแล้วดุจแก้วใส
ทำหน้าที่อย่างสง่าก่อนจากไป
พักกายใจกลางทางดุสิตบุรี
"Whither"
Doing duty, until our good life are fall,
Meditation, until our soul are crystal;
Doing duty, extremely proud of total,
Dusit Buri, intermission resting for all.
อนุโมทนาสาธุการให้ก้องหล้า
ให้รู้ว่าน่าเทิดทูนขนาดไหน
คนรุ่นหลังต้องทุ่มเทสุดหัวใจ
เพราะสุดท้ายที่ไปคือสุดแห่งธรรม"
#17
โพสต์เมื่อ 12 June 2008 - 08:25 AM

รูปแบบบทกวีภาษา ปะกิต ก็มีความแปลกใหม่ น่าสนใจมากๆ ครับผม
กระผมขอฝากบท ‘ผู้รู้ใจ’ มาตอบเป็นบรรณาการท่านขอรับ

-----ผู้รู้ใจ-----

จิตใจยิ่งสงบ
จันทร์เพ็ญยังลอยเด่นฟ้า
หมู่ดารากระพริบวิบวับ

ถามไถ่เรื่องราวกันและกัน
ระหว่างเราไร้ถูกผิดและดีชั่ว
สหาย ท่านช่างเจรจานัก

การสนทนาโดยมิพักเอ่ยปาก
จากใจก็ถึงใจ
สหายรัก ในยามนี้ใครเล่าจะเข้าใจเรา

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเฝ้าแต่ร่ำไห้
ฟูมฟายและวุ่นวาย
สหาย ท่านกลับนิ่งเงียบเสีย

สงบอยู่ล้ำลึก
ท่านจึงยอมสนทนาเยี่ยงมิตรรู้ใจ
เช่นนี้แล้ว..ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว
ศรีวยาฆร ประพันธ์
#18
โพสต์เมื่อ 15 June 2008 - 01:09 AM
ทำให้ค่ำคืนนี้มีแต่ อึ้ง ตะลึง ตึงๆ!!!
....So Good ...So Great ...So Impress !!
ขอได้โปรดรับข้าน้อยฯ เป็นศิษย์ด้วยเถิด ท่านนักปราชญ์ ทั้งสอง..