
ธุรกิจเครือข่าย
#1
*กิ๊ก*
โพสต์เมื่อ 03 November 2004 - 03:31 PM
คือดิฉันมีความสงสัย จะไปถามใครก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือไปซะหมด
วันนี้ก็เลยนึกขึ้นมาว่าอาจจะมาปรึกษาพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้
ออกตัวก่อนว่าดิฉันไม่ได้ติดจานที่บ้าน เพราะบ้านที่อยู่ปัจจุบันเป็นของพี่ชาย และครอบครัวเขา
บอกให้เขาติดนานแล้วค่ะ แต่พูดยังไงก็ไม่ฟัง จนดิฉันไม่ทราบจะพูดอย่างไรแล้ว
ก็เลยไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ดูเท่าไร เพิ่งจะทราบว่าดูทางอินเตอร์เน็ตได้
ก็ดูไม่ค่อยได้อีก เพราะใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงาน หวังว่าหากมาโพสท์คำถามที่นี่
คงได้คำตอบที่ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อกรุณามาตอบก็คงจะดี หากไม่ได้
ท่านอื่น ๆ ที่มีความเห็นอย่างไร กรุณาไขข้อข้องใจดิฉัน จะขอบพระคุณมากค่ะ
ดิฉันทำธุรกิจเครือข่ายมาหลายปีแล้ว แต่ว่าก็ทำมาหลายบริษัทแล้วค่ะ
ที่ทำหลายบริษัท เพราะตอนแรกทำอยู่บริษัทหนึ่ง ก็ทำไปได้ซักพัก (ประมาณ 2 ปี)
ก็ยังไม่ค่อยมีรายได้เท่าไร หรือเรียกได้ว่าไม่มีรายได้เลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะซื้อสินค้ามาใช้เอง
และให้คนรอบข้าง ก็ไม่ได้เอากำไรอะไรกับเขา และดิฉันก็หา downline ไม่ได้เลย
แต่ที่ยังทำอยู่ เพราะดิฉันค่อนข้างชอบประสิทธิภาพของสินค้า ที่รู้สึกว่าดีกว่าสินค้าทั่วไป
แต่เมื่อผ่านไปซักพัก ดิฉันได้ทำความรู้จักกับอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งมีสินค้าคล้ายคลึงกับบริษัทแรก
มีความรู้สึกว่า คุณภาพสินค้าใกล้เคียงกัน แต่แผนการตลาดของที่ใหม่ ดูจะทำตามได้ง่ายกว่า
ดิฉันจึงมาสมัครสมาชิกของบริษัทที่สอง และเป็นอย่างนี้ไปอีก 2-3 บริษัท
ปัจจุบันดิฉันทำอยู่บริษัทเดียว ที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวสินค้า และแผนการตลาดว่า น่าจะทำตามได้ไม่ยาก
แต่ก็ยังเหมือนเดิมนะคะ คือยังหา downline ไม่ได้ เพียงแต่ดิฉันยังไม่ละทิ้งความพยายาม
และตั้งใจว่าจะทำธุรกิจตรงนี้ให้ประสบความสำเร็จให้ได้
ปัญหาก็คือว่าไม่ทราบว่าช่วงนี้เกิด hot หรืออย่างไรไม่ทราบ กระแสเรื่องนี้ค่อนข้างแรงมากในบรรดาคนรอบข้างดิฉัน
พอทราบว่าดิฉันทำ ซึ่งดิฉันอาจจะมีการพูดชักชวนบ้าง เช่นว่าเพื่อนเบื่องาน หรือหางานทำไม่ได้
ดิฉันก็จะชวนว่ามาทำธุรกิจด้วยกันมั้ย อะไรอย่างนี้ เขาก็จะบอกว่าทำไมไปทำอะไรอย่างนี้
ดิฉันจบสูง น่าจะหางานที่ดี ๆ ทำได้ (ซึ่งดิฉันก็ทำงานอยู่ค่ะ แต่อาจจะจริงจังเรื่องนี้มากเกินไป)
จนเพื่อนดิฉันบอกว่า ถ้าจะทำธุรกิจ ไปหาทุนมาทำจริง ๆ ดีกว่า
อาจจะรวยช้า หรือเสี่ยงมากไปซักหน่อย แต่ก็ไม่ต้องเอาเปรียบใคร ไม่ต้องทำนาบนหลังคน
ดิฉันฟังแบบนี้ ดิฉันอึ้งมาก ดิฉันไม่เคยคิดว่าดิฉันเอาเปรียบใคร
เพียงแต่ดิฉันชอบในสินค้า ดิฉันเอามาบอก มาแนะนำให้กับคนที่ดิฉันรักและห่วงใย
ซึ่งบอกตรง ๆ หากดิฉันมีเงินมากกว่านี้ ดิฉันจะซื้อของมาแจกให้คนรู้จักทุกคนได้ลองใช้เลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อดิฉันทำไม่ได้ ก็ได้แต่ชวนให้เขามาทำด้วยกัน
สิ่งที่ข้องใจก็คือ การทำธุรกิจแบบนี้ เป็นบาปรึเปล่าคะ
สิ่งที่อยู่ในใจดิฉัน เพียงอยากแบ่งปันของดีให้ใช้กันเท่านั้น
ซึ่งดิฉันก็ยอมรับค่ะว่าดิฉันอาจจะคำนึงเรื่องเงิน เรื่องผลประโยชน์บ้าง
แต่มันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปตามครรลองของมันอยู่แล้ว ดิฉันไม่ได้คิดอยากจะโกงเงิน
หรือเอาเปรียบใครเลย
กรุณาไขข้อข้องใจให้ดิฉันด้วย หากดิฉันทราบว่าการทำธุรกิจแบบนี้เป็นบาป และเป็นการเอาเปรียบคนอื่นจริง
ดิฉันจะเลิกทำธุรกิจนี้ และมุ่งมั่นกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้ต่อไป
ขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านข้อความของดิฉันค่ะ
#2
โพสต์เมื่อ 04 November 2004 - 08:37 AM
การประกอบกิจใดๆ ก็แล้วแต่คุณประกอบธุรกิจด้วยความจริงใจ ไม่คิดโกงใคร สินค้าดีจริง ๆ ไม่ใช่แค่คิดว่าดี ต้องดีจริงๆ ต้องพิสูจน์ได้ ดีจริงดีแท้ อันนี้ไม่ผิด ไม่บาปหรอกค่ะ ไม่ใช่ว่า ก็คล้ายๆ กับสินค้าตลาด หรือเหนือกว่านิดหน่อย แล้วมาอธิบายคุณสมบัติสินค้าตัวซะเลิศ แถมด้วยราคาแพง อันนี้ผิดแน่ข้อมุสา แล้วใช่ไหมค่ะ ก็เหมือนเราถามแม่ค้าขายของบางคน "นี่แม่ค้า ส้มหวานอมเปรี้ยวมั๊ย" แม่ค้า บางคนก็ส่งให้ชิม บางคนก็ตอบว่า หวานอมเปรี้ยว อร่อยค่ะ แถมไม่ส่งให้ชิม ซึ่งบางคนอาจพูดจริง บางคนอาจเท็จก็ได้ใช่ไหมค่ะ หากสินค้าดีจริง เหนือกว่าสินค้าในท้องตลาดทั่วไปจริงๆ ควรหาลู่ทางนำสินค้านั้นไปขายเองก่อนด้วยวิธีต่างๆ ที่อยู่ในศีล 5 และคิดว่านต้องขายควบคู่กับสินค้าอื่นไปด้วย เพราะตัวสินค้าประเภทนี้ ต้องอาศัยเวลา ส่วนเรื่องDownline นั้น คิดว่า ยากนะ แต่หากใครทำได้ถือว่าเก่งค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะผ่านมาและรู้จักมาทั้งนั้น และไม่ค่อยอยากทำ มันเหมือนตอนยุคแรกที่สินค้าเหล่านี้เข้ามาเมืองไทย อย่าไปซีเรียสเรื่องลูกข่ายเลยค่ะ เพราะมานจะทำให้จิตเราที่เคยนิ่งเคยสงบ มันกำเริบมาได้นะค่ะ เพราะ อยากได้ประโยชน์จากค่าคอม เพราะคุณไปก็คือ จะได้ประโยชน์จากเค้า ถึงแม้จะมีสินค้าดี ไปด้วยความหวังดี แต่ในใจลึกๆ คือ อยากมีลูกข่าย อยากมีเงินมากขึ้น เพราะเงินที่ได้จากลูกข่าย นั้นมันมหาศาลใช่เปล่าค่ะ หากทำได้ และเงินที่ได้ คือ เงินที่ลูกข่ายซื้อสินค้า และไปหาลูกข่ายเพิ่ม
หากสินค้าดี ลองหาวิธีขายสินค้าก่อน ทำแบบขายตรงชั้นเดียวไปก่อนก็ได้ เลือกตัวที่เจ๋งจริงๆ อ
และขอแนะนำอย่าคิดไปแจกของเค้าเลยค่ะ ของฟรีเค้าก็ใช้ซิค่ะ ส่วนเรื่องซื้อใช้เอง นั่นสงสัยต้องขอคิดอีกที ก็เหมือนเราไปชวนเค้าทำบุญนั่นแหละค่ะ บางคนก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ บางคนก็คิดว่า มาเอาเงินตูอีกแล้ว การเอาเงินออกจากกระเป๋าใครมันยากนะค่ะ ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม
แต่คิดว่ามีอาชีพต้องเยอะแยะนะค่ะ ที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับการผิดศีลมากนัก อาชีพMLM ทำให้
เราติดในความอยากนะค่ะ ลองมาดูอาชีพค้าขายสินค้าต่างๆ ที่มีอยู่ พื้นๆ หากชอบทำอาหารทำขนม ไปเรียนไปฝึกทำให้อร่อย หากชอบพวกสวยๆ งาม ๆ ก็หาสินค้าสวยมาขาย หากมีฝีมือทำเอง
ฯลฯ เพราะมันทำให้จิตเราสงบกว่า ทำงานแบบ MLM เยอะค่ะ แต่ก็อาจมีการฟุ้งได้ เพราะบางทีของยังขายไม่ออก ต้องอดทนมากๆ และเหนื่อยมากกว่า และต้องขยันมากกว่า ทำ MLM อีกนะค่ะ เพราะเงินเราต้องลงทุนเอง ไม่เหมือน MLM ที่ลงแต่แรงนะค่ะ อันนี้ซิค่ะ รับรองว่า ไม่ต้องไปง้อใครเลย สินค้าเราดี เราผลิตอย่างดี แถมอร่อยด้วยยิ่งดี ขายเอง เงินรับเองไม่ต้องแบ่งใคร ซึ่งแน่นอน ต่อไปอนาคตสดใสแน่นอน รับรองว่า คุณจะมีลูกข่ายมากกว่า ทำให้บริษัท พวกนั่นเสียอีก
ทำใจใสๆนะค่ะ
#3
*กิ๊ก*
โพสต์เมื่อ 04 November 2004 - 05:59 PM
อ่านแล้วก็เข้าใจมากขึ้น ว่าใจเราคงจะไม่บริสุทธิ์จริง ๆ
ความจริงสนใจงานด้านอะไรแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะคะ
เพียงแต่ถ้าจะไปเรียน ก็ยังไม่มีเงินไปเรียนนี่อ้ะสิ
ก็เลยคิดว่าจะทำธุรกิจ MLM เป็นฐานทางการเงิน
แล้วก็งานฝีมือที่ชอบ เป็นความสุขในชีวิต
แต่ก็มาคิดได้ว่า อะไร ๆ มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นนะคะ
แต่ก็คงจะอยู่ในธุรกิจนี้ต่อไป เพื่อจะได้ซื้อของใช้ได้ถูก
แต่จะไม่พยายามไปขายหรืออะไรมากแล้วล่ะค่ะ
ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมันก็แล้วกัน
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
#4
โพสต์เมื่อ 05 December 2004 - 09:53 AM
ไม่ทราบว่า กิ๊ก สนใจงานด้านไหนค่ะ
เพราะ ที่มติชน หาอ่านได้ที่ เส้นทางเศรษฐีนะค่ะ
หรือที่เว็บhttp://www.matichon.co.th/
ก๊อปมาให้น้องดูนะค่ะ แต่ในหนังสือ รู้สึกมีถึงเดือนมกราคม48 แล้วล่ะค่ะ
วันที่ วิชา ค่าอบรม (บาท)
05 ธ.ค. 2547
_ ดอกไม้สดอบแห้งในแก้ว(ปีใหม่) 1,284
_ การเพ้นต์เล็บ 1,284
_ เย็นตาโฟทรงเครื่อง(ลาดปลาเค้า46) 1,070
_ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น-เป็ดพะโล้ 1,070
_ ช่างแต่งหน้าเพื่ออาชีพ วันที่2 -
_ การพิมพ์ซิลก์สกรีน วันที่2 -
11 ธ.ค. 2547
_ ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือเบื้องต้น(2วัน) 2,675
_ การแต่งหน้าถ่ายภาพสตูดิโอ(2วัน) 2,675
_ การต่อเล็บอะครีลิก(2วัน) 2,140
_ สร้อยสวยด้วยมือคุณ(5สาย) 1,605
_ หอยทอดกระทะร้อนกรุงเก่า(สูตรการค้า) 1,070
_ หมูเส้นสมุนไพรและข้าวเหนียวหยก 1,070
_ ปาท่องโก๋5สูตรยอดนิยม (มหาชัย ฯลฯ) 1,070
12 ธ.ค. 2547
_ สร้อยสวยด้วยมือคุณ(คริสตัล) 1,605
_ น้ำผลไม้ปั่นเกล็ดหิมะ(สูตรการค้า) 1,284
_ โจ๊กฮ่องกงและโจ๊กหมู 1,070
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,070
_ ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือเบื้องต้น วันที่2 -
_ การแต่งหน้าถ่ายภาพสตูดิโอ วันที่2 -
_ การต่อเล็บอะครีลิก วันที่2
* ราคาดังกล่าว รวมอุปกรณ์ เอกสารพร้อมบริการอาหารกลางวันและอาหารว่าง
ผู้สนใจ สมัครโดย โทร.จองที่นั่งก่อน และโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุท้ายวิชา)
เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0
หรือ ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนประชาชื่น เลขที่บัญชี 193-0-79484-5
(ส่งหลักฐานการโอน พร้อมระบุให้ชัดเจนว่า เรียนวิชาอะไร วันไหน แฟกซ์ 0-2954-3161)
หรือสอบถามรายละเอียดที่ คุณโสภีพรรณ, คุณเขมิกา โทร.02-580-0021 ต่อ 1340, 1306 (จันทร์-ศุกร์) หรือ อีเมล์มาที่ [email protected]
แต่ละวิชา อบรมวันเดียวจบ (09.00-16.00น.) ณ อาคารมติชน ชั้น 3 ย่านประชานิเวศน์ 1
วิธีสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพของศูนย์เทคโนโลยีอาชีพ มติชน
ศูนย์เทคโนโลยีอาชีพ มติชน โดย นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนิตยสารเส้นทางเศรษฐี
***ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง***
--------------------
ก็มีอบรมทำอาชีพต่างๆนะค่ะ มีทั้งอาหาร งานฝีมือ
หากสนใจงานด้านใด และอยากเรียน ก็สามารถนำเสนอไปที่มติชนได้นะค่ะ
ค่าเรียนก็ใช้ได้ ไม่แพงไม่ถูกเกินไปค่ะ เรียนวันเดียว อย่างมาก 2 วัน
เรียนวันเสาร์-อาทิตย์ และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริงๆค่ะ
พี่เพิ่งเคยไปเรียนมา 3 วิชาได้แล้วล่ะค่ะ
สูตรอาหารต่างๆ ใช้ได้นะค่ะ แต่อาจจะต้องมาดัดแปลงนิดหน่อยตามพื้นที่ค่ะ
แต่สูตรที่นี้ ถือว่าเป็นสูตรที่ใช้ได้ดีเลยค่ะ ถือว่าเป็นสูตรพื้นฐานได้เลยค่ะ
#5
โพสต์เมื่อ 12 January 2005 - 11:09 AM
ต้องขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะ ที่อุตส่าห์นึกถึง
พอดีไม่ได้เข้ามาซักพักหนึ่งแล้วเหมือนกันค่ะ
พอเข้ามาอ่านที่พี่โพสท์แล้ว รู้สึกขอบคุณมาก
เดี๋ยวจะลองอ่านดูนะคะ เท่าที่เห็นมีน่าสนใจหลายอย่างเลย
จริง ๆ อยากเรียนทำอาหารค่ะ แต่ก็มีน่าสนใจอีกหลายอย่าง
ขอบคุณนะคะ
กิ๊ก
#6
*ลูกแกะหลงทาง*
โพสต์เมื่อ 23 February 2005 - 08:30 PM
ไม่จำเป็นจะต้องค้าขาย เสมอ ไปก็ได้ครับ แต่อาจจะเป็น การเสนอขายโอกาส ต่างๆครับ
อย่างเช่น ถ้า พี่มีโอกาส ไป เที่ยวต่างประเทศ ก็ อาจมองดูลู่ทางว่า ธุรกิจ ได้สามารถนำมาประยุกต์
ในบ้าน เรา ได้นะ ครับ อาจจะเป็น ตัวแทน เอเย่นซี่ ต่างๆ นำ สินค้า จากบ้านเราไปขายในที่ๆ
สินค้า ในบ้านเราไปถึงน้อยก็ได้ครับ อย่างเช่น ในหมู่ ประเทศ ลาติน อเมริกา สินค้าไทยยังเข้า
ไปน้อยมาก ๆครับ แล้วก็ กำลังผู้บริโภคเค้าก็ ค่อนข้างแข็งแรงทีเดียวครับ
อาจจะมองวัฒนธรรมของบ้านเค้าประกอบไปด้วยก็ได้ครับ
ถ้ามีปัญหาเรื่องทุน ก็สามารถ ติดต่อ ได้ที่ ธนาคาร ออมสิน ( พวกกองทุนส่งเสริม sme ) ครับ
ธ กรุงไทย( อันนี้ค่อนข้างดีครับ ถ้าเราเห็นลู่ทางไปปรึกษาเค้า เค้าอาจช่วย สบายๆ เลยครับ )
หรือ ไม่ก็ กองทุน แปลง สินทรัพย์ เป็นทุน ครับ อาจจะออกแบบ นวัตรกรมม อะไรใหม่ก็ได้ครับ
แล้วไปจด สิทธฺบัตร นะครับ www.ipthailand.org
โชคดีครับพี่ สู้ๆ ครับ
สิ้นแรงกายได้ แต่อย่า สิ้นแรงใจ นะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 01:22 PM
ขายเป็น1000 คุณภาพไม่ได้ต่างกันมากนักเป็นคุณคุณรับได้ไหม
#8
โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 01:48 PM
จริงๆ ผมก็ไม่เคยซื้อ และไม่ชอบด้วย แต่ก็ยังอยากรู้ว่ามันมีวิบากกรรมหรือเปล่าครับเนี่ย
#9
โพสต์เมื่อ 28 January 2007 - 02:07 PM
#10
โพสต์เมื่อ 04 November 2007 - 02:36 AM
ไม่บาปหรอกครับเพราะกรรม คือเจตนา เจตนาคือกรรม ทำกรรมอันใด จิตย่อมปรุงแต่ง จิตย่อมยึดมั่น จิตย่อมมีกรรมนั้นติดตามไปประดุจเงาตามตัว ครับ ที่คุณไม่ประสบความสำเร็จใน mlm เพราะคุณไม่ทราบข้อเท็จจิงเกี่ยวกับธุรกิจนี้
เพราะ upline ไม่ได้บอกคุณ ที่ไม่บอกเพราะเขาอาจไม่รู้เหมือนกัน อยากทราบรายละเอียดไว้ เมล์มาเเอด msn มาก้อได้คับ เพราะ เเล้วคุณจะเข้าใจเกี่ยวกับ ความจริงที่คุณไม่ทราบไม่เคยได้ยินมาก่อนเกี่ยวกับ ธุรกิจนี้
#11
โพสต์เมื่อ 12 January 2008 - 04:52 PM
ที่จริงแล้วธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ขายของที่ราคาแพงแล้วเอาเงินให้เป็นค่าคอมฯกับผู้ทำธุรกิจหลาย ๆ ชั้นอย่างที่คุณเข้าใจหรอกค่ะ หากได้ศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ MLM อย่างจริงจัง คุณจะทราบว่าเงินที่ได้มาเป็นค่าคอมให้กับนักธุรกิจหลายชั้น นั้น ได้มาจากการที่บริษัทไม่ต้องเสียไปในช่องทางการค้าปลีก และไม่ต้องไปเสียให้กับการโฆษณาทางทีวี วิทยุ ต่าง ๆ ซึ่งค่าโฆษณาแสนแพง ก็เอาเงินเหล่านี้แหละค่ะมาแบ่งเป็นค่าคอมให้กับนักธุรกิจ เพราะในทางการตลาดแล้ว สินค้าชิ้นหนึ่งมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 40% เท่านั้น อีก 60 เปอร์เซ็นจะจ่ายไปในช่องทางการจัดจำหน่ายกว่าจนถึงตัวผู้บริโภค แถมสินค้าบางอย่างที่ขายอยู่ตามท้องตลาดต้นทุนการผลิตไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำเพราะมีส่วนประกอบอย่างอื่นที่เยอะกว่า เช่นสารเติมเต็มต่าง ๆ ถ้าเป็นยาสีฟัน หรือผงซักฟอก ก็สารเติมเต็มเช่น แป้ง เพื่อให้ได้ปริมาณเยอะแต่เนื้อยาสีฟันหรือผงซักฟอกจริง ๆ น่ะนิดเดียว เมื่อเทียบกับสินค้าของธุรกิจขายตรง(บางบริษัทที่เชื่อถือได้) แล้วคุณภาพต่างๆ กันจริง ๆ และคุณภาพเหล่านี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้จริง แถมเราซื้อเราก็ได้เงินกลับคืนในรูปค่าคอม เราไปซื้อตามห้างสรรพสินค้า ตามตลาด ถามว่าเราได้อะไรกลับคืนมาบ้าง คนผลิตที่อาจจะอยู่ต่าง ประเทศเขารวย คนซื้อกลับจน จริงใหม่ค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 22 February 2008 - 01:17 AM
[email protected] ขอบพระคุณมากนะครับ
#13
โพสต์เมื่อ 01 September 2008 - 04:10 PM
#14
โพสต์เมื่อ 30 September 2008 - 04:24 PM