
คุณชอบปฏิบัติธรรมสายไหน (ร่วมโหวตกันค
#1
โพสต์เมื่อ 16 January 2006 - 06:48 PM
#2
โพสต์เมื่อ 16 January 2006 - 08:46 PM
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
โพสต์เมื่อ 16 January 2006 - 11:44 PM
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#4
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 11:46 AM
#5
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 04:04 PM
ของเรา สายพระพุทธเจ้า(ตามวิสุทธิมรรค)
#6
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 06:06 PM
สติ กับ สบาย ครับ....คุณครูไม่ใหญ่ท่านพา เราทำทุกวันครับ...สติ กับ สบาย งายๆ สบายๆๆ ไม่ เพ่ง ไม่เร่ง ไม่จ้อง ไม่บีบ ไม่เค้น...คือสรุบ..แบบที่ผมทำคือแบบ คุณครูไม่ใหญ่ครับ..
ทำได้ตลอดเวลา..ทุก 1 ชั่วโมง ขอ 1 นาที หยุดใจ..ครับ..ผมเพิ่มขึ้นเรื่อๆ ตามโอกาศครับ บางที ก็10 นาทีก็มีครับ ...
...อนุโมทนาบุญครับ..ยิ้มแล้วรวย..รวยจริงๆครับ...รวยเร็ว..รวยแรง..รวยรวด...
แก้ไขครับ..ลูกพระธรรมครับ...
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 08:10 PM
#8
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 08:51 PM
ชิดใน ไปสุดสาย
#9
โพสต์เมื่อ 17 January 2006 - 10:17 PM
สถานที่ฝึกก็มีที่ซอยสายลม บริเวณ ททบ.5 นะครับปากซอยอาคารชินวัตรทาวเวอร์ นั่งรถมอเตอร์ไซด์บอกเขาว่าไปบ้านซอยสายลม ค่ารถประมาณ 5 หรือ 10 บาทนี่แหละครับ ถ้าสนใจก็ไปลองนั่งดูได้ครับเพราะคนที่เก่งๆ นับวันก็จะเริ่มเหลือน้อยลงเต็มทีแล้วครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#10
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 12:08 AM
ดีจัง อยู่แถวบ้านเลย ที่จริงนั่งสมาธิมาหลายแบบแล้ว สนุกดีค่ะ แต่ละแบบก็มีจุดเด่นกันไป
แต่ก็ไม่ได้ยึดมั่นในแบบใดแบบหนึ่งมากนักจนกระทั่งมาที่วัดพระธรรมกาย ก็นั่งตามแบบหลวงปู่มาตลอด
ไม่รู้ว่าท่านอื่น ๆ จะคิดว่าอย่างไรบ้างกับการนั่งสมาธิสายต่าง ๆ ว่าต่างกันอย่างไรค่ะ ขอความรู้เป็นวิทยาทานค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 01:28 AM
^
เริ่มจากหัดแบบวัดเราค่ะ แล้วเคยไปนั่งที่วัดป่า สายหลวงปู่ชา ท่านสอนให้ตามลมหายใจ คำสอนท่านก็เน้นที่การพิจารณาจิตค่ะ
ส่วนตัวก็ชอบแบบวัดเรา เพราะว่าสอนให้เอาใจไว้กลางกาย ยิ่งทุกวันนี้หลวงพ่อท่านพัฒนาคำสอนให้เข้าใจง่ายๆ อย่างบอกว่าให้เอาขนตาชนกัน ยิ่งเข้าใจง่ายใหญ่เลยค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก นั่งไปเฉยๆ ไม่เครียด ง่ายดี ^-^
ได้ฟังคำจากพระที่ท่านปฎิบัติตามแนวหลวงปู่ชา ท่านก็บอกว่าเมื่อใจหยุดในระดับหนึ่งแล้ว ก็เห็นนิมิตเป็นดวงแก้วเหมือนกันค่ะ แล้วก็มีน้องคนหนึ่งบอกว่า เพื่อนเค้าเคยไปนั่งกับคุณแม่อุบาสิกาท่านหนึ่งที่สอนสมาธิ เพื่อนเค้าก็เห็นนิมิตดวงแก้วเช่นกันค่ะ
เพราะ่ฉะนั้น ไม่ว่าจะนั่งแบบไหน ถ้าทำถูกวิธี ใจหยุดถูกส่วนแล้ว ก็ได้ผลเช่นกันค่ะ
สำคัญคือ อย่ามัวแต่เลือกวิธีเยอะมากนะคะ จะทำให้สับสน คิดว่าปฏิบัติให้มากจะดีกว่าค่ะ อย่างวิธีของวัดเรา ก็ยังต้องปรับให้เข้ากับอัธยาศัยส่วนตัวอีก อย่างที่หลวงพ่อท่านบอก ถ้านึกอะไรไม่ได้ ก็ไม่ต้องนึกอะไร หลับตาเฉยๆ ก็ได้
แล้วการปฏิบัติของเราจึงจะก้าวหน้าน่ะค่ะ ^-^
#12
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 03:10 PM
การฝึกสมาธิตามหลักมโนมยิทธิ หัวใจหรือหลักการณ์ก็จะเหมือนการฝึกสมาธิทุกๆ สายครับ คือ จิตยิ่งหยุดนิ่งสงบมาก การไปรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ก็จะแจ่มใสชัดเจนถูกต้องมาก แต่ต้องไม่ทิ้งลม 3 ฐาน คือฝึกสติตลอดเวลา ถ้าอารมณ์จิตมีกิเลสครอบงำมากการรู้ และการเห็นก็จะผิดเพี้ยน วัตถุอย่างเดียวกันคน 10 คนอาจจะบอกสี และขนาดไม่เหมือนกันเลยก็ได้ครับ ต่อเมื่อฝึกสมาธิจนใจใส หยุดนิ่ง ว่างจากกิเลสได้มากนั่นแหละครับรู้ และเห็นจะตรงกันหมดครับ แต่เมื่อถึงที่สุด มโนมยิทธิ ก็จะต้องเข้าถึงกายธรรม ณ ภายในเหมือนกับวิชชาธรรมกายครับ หลวงพ่อฤาษีท่านบอกเองครับว่าวิธีการต่างกันแต่จุดหมายคือพระนิพพานเหมือนกันครับ
อย่างสายพระอาจารย์มั่น ท่านก็ให้ท่อง พุทโธ กำหนดจิตที่เหนือสะดือ 2 นิ้วเหมือนวิชชาธรรมกายครับ ฝึกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกิดดวงพุทโธ หรือดวงธรรมในท้อง พิจารณาความเสื่อมของสังขาร ละวางกิเลสตัณหาเป็นหลัก การเห็นสักแต่ว่าเห็น เพราะถ้าใจสะอาดบริสุทธิ์ว่างจากความยึดถือ ดวงและกายที่สะอาดจะมาติดที่ใจท่านเอง ตรงข้ามถ้าใจไม่สะอาดดวงและกายก็จะติดอยู่ที่ใจได้ไม่นาน เคยเห็นดวง เห็นกาย ก็หายไปแล้วเพราะเหตุนี้เองครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#13
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 09:16 PM
แบบไม่เอาใจใคร
ต่างคนต่างใจครับให้ปฏิบัติแบบเดียวกันไม่ได้หรอกครับ
ผมเองก้ผิกมาหลายแบบ
ทั้งมหาสติปัฐานของหลวงปู่ดูลย์ที่ใช้การดูใจ
พิจารณากายที่ใช้พุทโธก่อนแล้วค่อยทำการ----ม้างกายให้ปฏิกูล
มโนมยิทธิ
วิชชาธรรมกาย
ยกมือเคลือนตามจังหวะใช้สติตัดดับขันธ์5
ยุบหนอพองหนอแบบวัดมหาธาตุ
จนวันนี้มาค้นพบวิชชาตั้งธาตุของสมเด็จลุน
ฝิกเอาสนุกนะครับ
วิชชาธรรมกายไม่สบายอย่างที่น้องคิดหรอกครับถ้า
ทำถิงขี้นทำวิชชาที่เรียกว่าปราบมารได้จริง----มีร้องไห้แน่นอนครับ
เมื่อที่คีนูตื่นจากเมทตริกซ์
อย่าคิดมากครับ
ไม่ว่าเราเป็นสายไหน---เราก้แค่คนหลงทางเหมือนกันครับ
อาจแตกต่างครับแต่ไม่ใช่ความแตกแยกครับ
จักรตะวัน
#14
โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 10:25 PM
ช่วยเข้าไปในกระทู้ โลกุตรฌานสมาบัติ หน่อยครับ ผมฝากคำถามไว้ว่า การฝึกแบบสมเด็จสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน) ด้วยจักระ เป็นยังงัยครับ รบกวนช่วยบอกด้วยครับผมสนใจครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#15
โพสต์เมื่อ 20 January 2006 - 07:47 PM
ฝึกแบบไหนก็ได้ ขอให้ได้ฝึก
#16
โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 09:34 AM