เด็กเอ๋ยเจ้าจงศึกษา ตำหรับนับรา จะรู้กระทู้ที่นับ
ห้าสองหนเป็นสิบสับ สิบสองหนนับ ว่ายี่สิบอย่าสงสัย (๕, ๑๐, ๒๐)
สิบสามหนเป็นต้นไป ท่านเรียกชื่อใช้ สามสิบสี่ตามกัน (๓๐, ๔๐)
สิบสิบหนเป็นร้อยพลัน สิบร้อยเป็นพัน สิบพันเป็นหมื่นหนึ่งนา (๑๐๐, ๑,๐๐๐, ๑๐,๐๐๐)
สิบหมื่นเป็นแสนหนึ่งหนา สิบแสนท่านว่า เป็นล้านหนึ่งพึงจำไว้ (๑๐๐,๐๐๐, ๑,๐๐๐,๐๐๐)
สิบล้านนั้นเป็นโกฏิไซร้ ร้อยแสนโกฏิไป เป็นปะโกฏิ หนึ่งตามมี (๑๐๗,๑๐๑๔)
ร้อยแสนปะฏิโกฏินี้ เป็นโกฏิปะโกฏิ พึงกำหนดอย่าคลาดคลา (๑๐๒๑)
ร้อยแสนโกฏิปะฏิปะโกหนา ท่านเรียกชื่อมา ว่าเป็นนะหุตหนึ่งไป (๑๐๒๘)
ร้อยแสนนะหุตนั้นไซร้ ท่านเรียกชื่อไว้ ว่าเป็นนินนะหุตนา (๑๐๓๕)
ร้อยแสนนินนะหุตหนา ได้นามตามมา ว่าอะโขภินีหนึ่งมี (๑๐๔๒)
ร้อยแสนอะโขภินี ได้นามตามมี ว่าพินธุอันหนึ่งหนา (๑๐๔๙)
ร้อยแสนพินธุหนึ่งนา ท่านเรียกกันมา ว่าอัพพุทพึงจำไว้ (๑๐๕๖)
ร้อยแสนอัพพุทไซร้ ได้นามตามใช้ ว่านิรัพพุทหนึ่งนา (๑๐๖๓)
ร้อยแสนนิรัพพุทหนา ท่านเรียกชื่อมา ว่าอหะหะตามมี (๑๐๗๐)
ร้อยแสนอหะหะนี้ มีนามตามที่ ว่าอพะพะหนึ่งนา (๑๐๗๗)
ร้อยแสนอพะพะนั้นหนา ท่านเรียกกันมา ว่าอฏะฏะตามมี (๑๐๘๔)
ร้อยแสนอฏะฏะนี้ มีนามตามที่ ว่าโสคันทิกะหนึ่งนา (๑๐๙๑)
ร้อยแสนโสคันทิกะ ท่านเรียกชื่อว่า เป็นกมุทอันหนึ่งไป (๑๐๙๘)
ร้อยแสนกมุทไซร้ มีนามตามใช้ ว่าบุญฑริกหนึ่งนา (๑๐๑๐๕)
ร้อยแสนบุณฑริกแท้ ท่านเรียกกันแล ว่าเป็นปทุมหนึ่งไป (๑๐๑๑๒)
ร้อยแสนปทุมไซร้ ท่านตั้งชื่อไว้ ว่ากะถานะอันหนึ่งนา (๑๐๑๑๙)
ร้อยแสนกถานะนั้นหนา ท่านเรียกกันมา ว่ามหากถานะหนึ่งไป (๑๐๑๒๖)
ร้อยแสนกถานะไซร้ เป็นอสงไขย คือเหลือจะนับพรรณา
อนึ่งลำดับที่นับกันมาผิดจากเทศนา ของพระชิโนวาที
ลำดับที่นับนี้ นิรัพพุทมี แล้วอพะพะ อฏะฏะมา
อหะหะกมุทา โสคันทิกา แล้วอุปปละบุณฑริกนี้
คปทุมะ กถานะตามที่ จงรู้วิธี แล้วสังเกตกำหนดแล
แต่ร้อยถึงโกฏินี้แท้ เอาสิบคูณแน่ เร่งรู้หนาอย่าหลงไหล
แต่โกฏิถึงอสงไขย เอาร้อยแสนไซร้ เร่งคูณเข้าอย่าลืมแล
มาตราวัดความยาว
อนึ่งโสดนับมีสามแท้ นับด้วยวัดแล ด้วยตวงด้วยชั่งเป็นสาม
โยชน์หนึ่งสี่ร้อยเส้นตาม เส้นหนึ่งโดยความ ยี่สิบวาอย่าสงไสย
วาหนึ่งสี่สอกบอกไว้ สอกหนึ่งท่านใช้ สองคีบไซร้ตามมีมา
คืบหนึ่งสิบสองนิ้วหนา นิ้วหนึ่งท่านว่า สี่กระเบียดจงจำเอา
กระเบียดหนึ่งสองเมล็ดเข้า เมล็ดเข้าหนึ่งเล่า แปดตัวเหาจงรู้รา
ตัวเหาหนึ่งนั้นท่านว่า แปดไข่เหาหนา ไข่เขาหนึ่งแปดเส้นผม
เส้นผมหนึ่งนั้นนิยม แปดธุลีลม ธุลีหนึ่งแปดอณูนา
อณูหนึ่งนั้นพึงรู้หนา ท่านใช้กันมา ว่าแปดปรมาณูแล.
มาตราวัดพื้นที่
หนึ่งนานับโดยกว้างแท้ ยี่สิบวาแล ยาวยี่สิบวาเป็นไร่
ถ้าโดยกว้างห้าวาไป ยาวเส้นหนึ่งไซร้ เป็นงานหนึ่งพึงจดจำ
สี่งานท่านประสมทำ เป็นไร่หนึ่งกำ หมดไว้ให้ดีดังว่ามา.
มาตราวัดปริมาตร
ไม้หน้ากว้างสอกหนึ่งหนา ยาวสิบหกวา เป็นยกหนึ่งพึงจำไว้
นับด้วยวัดอย่างนี้ไซร้ นับด้วยตวงไป จงนับใช้ดังนี้นา
เข้าเกวียนหนึ่งนั้นท่านว่า ห้าตะล่อมหนา ตะล่อมหนึ่งยี่สิบสัด
สัดหนึ่งยี่สิบทะนานชัด ทะนานหนึ่งสังกัด สองจังออนจงจำไว้
จังออนหนึ่งสี่กำมือได้ กำมือหนึ่งไซร้ สี่ใจมือตามมีมา
ใจมือหนึ่งนั้นท่านว่า ร้อยเมล็ดเข้าหนา นับด้วยตวงเพียงนี้แล.
มาตราวัดน้ำหนัก
ทองภาราหนึ่งแท้ ยี่สิบดุนแน่ ดุนหนึ่งยี่สิบชั่งนา
ชั่งหนึ่งยี่สิบตำลึงหนา ตำลึงหนึ่งรา สี่บาทถ้วนจงจำไว้
บาทหนึ่งสี่สลึงไทย สลึงหนึ่งท่านใช้ สองเฟื้องจงจำไว้นา
เฟื้องหนึ่งนั้นสี่ไพหนา ไพหนึ่งท่านว่า สองกล่ำจงกำหนดไว้
กล่ำหนึ่งสองกล่อมตามใช้ กล่อมหนึ่งลงไป สองเมล็ดเข้าตามมีมา
อันนี้นับด้วยชั่งหนา จงเร่งศึกษา เป็นสามประการวิธี
***** จำที่มาบ่ได้













