สำนักข่าวไทย 10 พ.ค.-จิตแพทย์ระบุการแชตหรือคุยกันเล่นทางอินเทอร์เน็ตให้ความตื่นเต้นเร้าใจ เพราะได้ลุ้นตามจินตนาการ คู่สนทนาสร้างภาพให้ตัวเองตามใฝ่ฝัน ห่วงคนไม่คุ้นเคยติดกับภาพลวงของโลกไซเบอร์ เตือนข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเท็จ โดยเฉพาะการใช้ภาษาหวานแหว๋วเป้าหมายต้องการมีเพศสัมพันธ์ อนุทิน แนะให้แชตเพื่อความสนุก อย่าไว้ใจคนที่ไม่เห็นหน้า
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแชตทางอินเทอร์เน็ตจนเกิดการฆาตกรรมภายหลังนัดมาพบกันและคู่สนทนาไม่ได้เป็นดังที่วาดภาพไว้ว่า การแชตทางอินเทอร์เน็ตถือเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่าเพิ่งปฏิเสธสื่อชนิดนี้ เพราะโลกก้าวไปไม่หยุดยั้ง แต่ขอให้รู้เท่าทันสื่อนี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การแชตเป็นการสื่อสารแบบไม่เห็นหน้า ให้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีโอกาสน้อยในการสร้างสัมพันธภาพกับเพศตรงข้าม ในโลกไซเบอร์มีการใช้ภาษาหวาน ๆ เกี้ยวพาราสีกัน คนที่อ่อนไหวจะปักใจเชื่อว่า เขารัก คนที่ไม่คุ้นเคยกับโลกไซเบอร์จะเชื่อว่าข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่แชตกันเป็นจริง ซึ่งความจริงไม่ใช่ ข้อมูลที่คุยกันส่วนใหญ่มักเป็นเท็จ มีการใช้ชื่อปลอม สร้างภาพให้ตัวเอง ใช้ภาษาสุภาพทั้งที่ตัวเองหยาบคาย สกปรก
การแชตเป็นการสร้างจินตนาการตามที่เราอยากเป็น ตามที่เราชอบ การใช้ภาษาเขียนจะเป็นคำสวยงาม วลีงาม ๆ แต่ในชีวิตจริง เขาจะไม่ค่อยได้พูดคำเหล่านี้ ทำให้โน้มน้าวใจ ตรงใจ หรือตกหลุมรัก เพราะมาตรงกับสิ่งที่เราต้องการ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวและว่า การคุยกันทางอินเทอร์เน็ตเปรียบเหมือนการจีบสาว หนุ่ม ๆ ต้องสร้างภาพว่าตนเองดีแบบนั้นแบบนี้ แต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า สิ่งที่แสดงออกเป็นนิสัยจริงหรือแค่สร้างภาพ เพื่อจีบผู้หญิงให้ได้ ส่วนการนัดพบกันควรกระทำในสถานที่สาธารณะ อย่านัดพบกันที่โรงแรมหรือโรงภาพยนตร์ เพราะเป็นที่รโหฐาน เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย ไม่ควรไปคนเดียว สิ่งที่ต้องย้ำคือ ธรรมชาติของเพศชายจะมีแรงผลักดันทางเพศมาเป็นอันดับ 1 คือ ต้องการมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว จึงมักสร้างภาพลวงให้หลงเชื่อแล้ววางใจจนนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ แต่เพศหญิงต้องการความรัก การทนุถนอม
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่รู้จักกันทางการแชตในชีวิตจริงไม่มีพระเอกเหมือนในภาพยนตร์ โอกาสที่การ นัดบอด จนนำไปสู่การแต่งงานกันนั้นมีน้อยมาก ให้แชตเพื่อความสนุก.
[ 2006-05-10 : 17:51:05 ]
ที่มา : สำนักข่าวไทย
จิตแพทย์ระบุข้อมูลการแชตส่วนใหญ่เป็นเท็จ
เริ่มโดย ลูกพระธัมฯ Merry Ma, May 11 2006 03:58 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 03:58 PM
#2
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 05:05 PM
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวกันให้ดีนะครับ แม้แต่บนบอร์ดก็เช่นกัน เพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร (ผมเหมาหมายถึงบอร์ดของทุกเวปนะครับ)
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 05:16 PM
เทคโนโลยี่มันทั้ง ข้อดีและข้อเสีย ถ้านำมาใช้ในทางลบก็มีโทษมหันต์ ถ้าใช้ทำความดี
ก็มีคุณ แล้วแต่จะใช้ทำอะไร
ก็มีคุณ แล้วแต่จะใช้ทำอะไร
หยุดคือตัวสำเร็จ
#4
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 05:44 PM
เยาวชนไทยในขณะนี้ เป็นวัยที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเดี๋ยวนี้พ่อแม่ก็จะซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับลูก และติดอินเตอร์เน็ตให้กับลูก เพราะอยากให้ลูกแสวงหาความรู้ทางอินเตอร์เน็ต แต่เด็กบางคน เอามาใช้ chat หาเพื่อนรู้ใจทางอินเตอร์เน็ต และนัดบอด อันเป็นสาเหตุของอาชญากรรมต่างๆ ผู้เสียหายส่วนใหญ่ ก็คือผู้หญิง พ่อแม่มารู้อีกทีก็สายเสียแล้ว เพราะฉะนั้น อินเตอร์เน็ต ก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่นำไปสู่ความเสื่อมของสังคม ซึ่งจริงๆแล้ว ก็มีเทคโนโลยีอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพได้ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน นอกบ้าน ล้วนแล้วแต่อันตรายทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังความดีในใจเด็ก นั่นคือการสั่งสอนเลี้ยงดูของพ่อแม่นั่นเอง ติด DMC ที่บ้านด้วย สอนลูกให้รู้บาปบุญคุณโทษ ชาตินี้ชาติหน้า นรกสวรรค์มีจริง พาเข้าวัด ฝึกอบรมบ่มนิสัย แล้วชีวิตลูกและคนที่คุณรักจะปลอดภัยในสังสารวัฎแห่งนี้ค่ะ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังความดีในใจเด็ก นั่นคือการสั่งสอนเลี้ยงดูของพ่อแม่นั่นเอง ติด DMC ที่บ้านด้วย สอนลูกให้รู้บาปบุญคุณโทษ ชาตินี้ชาติหน้า นรกสวรรค์มีจริง พาเข้าวัด ฝึกอบรมบ่มนิสัย แล้วชีวิตลูกและคนที่คุณรักจะปลอดภัยในสังสารวัฎแห่งนี้ค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#5
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 10:07 PM
โลกไซเบอร์จะว่าเป็นมายาก็ใช่ จะว่าเป็นความจริงก็ไม่เชิงนะครับ
ถามว่าเป็นการหลอกลวงกันทั้งหมด 100% เลยหรือไม่คิดว่าคงไม่ทั้งหมดหรอกครับ
การจะมองว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเพียงโทษเพียงอย่างเดียวดูจะคับแคบจนเกินไปครับ
อุปมาก็เหมือนกับคนใช้มีดแหละครับ มีดก็เหมือนเทคโนโลยี ถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์ของมีด
เราก็สามารถทำประโยชน์ได้หลายอย่างทำกับข้าว หั่นผัก หั่นเนื้อ ผ่าตัดรักษาโรค แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดเช่น
ทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายตัวเอง ปล้น ฆ่า จี้ชิงทรัพย์ ซะแล้วเราจะไปโทษมีดว่าไม่ดีมีดมันไม่มีประโยชน์มีดมันมีโทษ
ควรรณรงค์ให้คนเลิกใช้มีดมันก็ไม่ใช่นะครับ
เรื่องการหลอกลวงในโลกไซเบอร์ก็เช่นกันครับ ไม่มีใครหลอกเราได้หรอกครับถ้าเราไม่หลอกตัวเองซะก่อนหนะครับ
หลอกตัวเองเป็นอย่างไรหรือ?? หลอกตัวเองก็คือ
1.หลอกเข้าข้างตัวเอง? 2.คิดไปเอง? 3.ฟุ้งซ่านไปเอง? 4.จิตนาการไปเองอย่างเลิศหรู? 5.ขาดสติสัมปชัญญะ?
6.ขาดปัญญาพิจารณาความจริงของสังขารว่าชายหนุ่มที่หล่อที่สุดหรือหญิงสาวที่สวยที่สุดก็คือส้วมเคลื่อนที่ ถุงห่ออุจจาระ ผีดิบเดินได้ดีๆ นี่เอง?
7.ประมาทมัวเมาหลงยึดติดในกามคุณ 5 เพลิดเพลินยินดีในการเสพกามคุณเช่น ฟังเสียงชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่ไพเราะจนหลอกตัวเองให้หลงติดยินดียอมให้เขาหลอก?
8.หลงไหลได้ปลื้มในความรู้ความสามารถและคุณธรรมของเขาโดยไม่ยั้งคิดว่าเขาและเราเองก็ยังมีกิเลสและตัณหาจะมัวมาควานหาคนดีที่ไหนกันคนดีหนะเขาไม่สนสังขารเลวๆ ของเราหรอกครับ?
9.หลงประมาทคิดว่าตนเองดีแล้วประเสริฐแล้วเพ่งโทษว่าคนอื่นเลวหมดเราดีเพียงคนเดียวก็จัดเป็นการหลอกตัวเองเหมือนกันครับ?
สรุปคือ หลักในการท่องไปในโลกไซเบอร์ก็คือ ความจริงใจครับ อย่าหลอกตัวเองแล้วเราจะไม่ไปหลอกใครเขาครับ
ถามว่าเป็นการหลอกลวงกันทั้งหมด 100% เลยหรือไม่คิดว่าคงไม่ทั้งหมดหรอกครับ
การจะมองว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเพียงโทษเพียงอย่างเดียวดูจะคับแคบจนเกินไปครับ
อุปมาก็เหมือนกับคนใช้มีดแหละครับ มีดก็เหมือนเทคโนโลยี ถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์ของมีด
เราก็สามารถทำประโยชน์ได้หลายอย่างทำกับข้าว หั่นผัก หั่นเนื้อ ผ่าตัดรักษาโรค แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดเช่น
ทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายตัวเอง ปล้น ฆ่า จี้ชิงทรัพย์ ซะแล้วเราจะไปโทษมีดว่าไม่ดีมีดมันไม่มีประโยชน์มีดมันมีโทษ
ควรรณรงค์ให้คนเลิกใช้มีดมันก็ไม่ใช่นะครับ
เรื่องการหลอกลวงในโลกไซเบอร์ก็เช่นกันครับ ไม่มีใครหลอกเราได้หรอกครับถ้าเราไม่หลอกตัวเองซะก่อนหนะครับ
หลอกตัวเองเป็นอย่างไรหรือ?? หลอกตัวเองก็คือ
1.หลอกเข้าข้างตัวเอง? 2.คิดไปเอง? 3.ฟุ้งซ่านไปเอง? 4.จิตนาการไปเองอย่างเลิศหรู? 5.ขาดสติสัมปชัญญะ?
6.ขาดปัญญาพิจารณาความจริงของสังขารว่าชายหนุ่มที่หล่อที่สุดหรือหญิงสาวที่สวยที่สุดก็คือส้วมเคลื่อนที่ ถุงห่ออุจจาระ ผีดิบเดินได้ดีๆ นี่เอง?
7.ประมาทมัวเมาหลงยึดติดในกามคุณ 5 เพลิดเพลินยินดีในการเสพกามคุณเช่น ฟังเสียงชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่ไพเราะจนหลอกตัวเองให้หลงติดยินดียอมให้เขาหลอก?
8.หลงไหลได้ปลื้มในความรู้ความสามารถและคุณธรรมของเขาโดยไม่ยั้งคิดว่าเขาและเราเองก็ยังมีกิเลสและตัณหาจะมัวมาควานหาคนดีที่ไหนกันคนดีหนะเขาไม่สนสังขารเลวๆ ของเราหรอกครับ?
9.หลงประมาทคิดว่าตนเองดีแล้วประเสริฐแล้วเพ่งโทษว่าคนอื่นเลวหมดเราดีเพียงคนเดียวก็จัดเป็นการหลอกตัวเองเหมือนกันครับ?
สรุปคือ หลักในการท่องไปในโลกไซเบอร์ก็คือ ความจริงใจครับ อย่าหลอกตัวเองแล้วเราจะไม่ไปหลอกใครเขาครับ
#6
โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 10:14 PM
วันก่อนก็มีข่าว ครูสอนภาษาถูกชาวปากีฯ ลวงไปฆ่า เพราะChat ทางInternet แล้วโกหกหลอกลวงกัน ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ผิดศีลข้อ4 และทำให้ผิดข้อ 1 ตามมา น่าเศร้าแท้
#7
โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 09:11 AM
เห็นด้วยคับที่การ Chat ทาง Internet มีทั้งประโยชน์และโทษ..แต่กรณีของผม..ผมรู้จักวัดธรรมกายเพราะเจอกัลยามิตรน้อยทาง Internet ทำให้ผมได้มาวัดพระกาย..รู้จักวิชชาธรรมกาย รู้จักคุณครูไม่ใหญ่ และได้เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝัน...อย่างนี้คงต้องเรียกว่ามีสายบุญผ่าน Internet คงไม่ผิดนะคับ
#8
โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 10:04 AM
เฮ้อ ... เป็นงี้นะ ต้องระวังทั้งตัวเองและ ร่วมเตือนผู้ที่เรารู้จักด้วยแล้วนะค่ะ
"เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"

#9
โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 10:03 AM
ใช้ปัญญาไตร่ตรองก่อนที่จะทำอะไร จะได้ไม่พลาดภายหลัง
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้