กัลยาณมิตร
เริ่มโดย วุ้น, Jun 14 2006 08:40 PM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 08:40 PM
ความมีกัลยาณมิตรดีเป็นสิ่งที่มีค่าในชีวิตของเรา เรามาช่วยกันฝึกฝนตัวเราให้เป็นกัลยาณมิตรของกันและกันดีไหมคะ
กัลยาณมิตรคือเพื่อน เพื่อนที่ชี้ช่องทางให้ถูกต้อง เพื่อนที่ชี้ช่องทางอันประเสริฐให้กับชีวิตของเรา พระผู้มีพระภาคเจ้าบอกว่า จงมีเราเป็นกัลยาณมิตรแล้วท่านจะพ้นทุกข์ นั่นแสดงว่าท่านสามารถที่จะใช้กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดบนเส้นทางพรหมจรรย์ของเราได้ จงมีชีวิตอย่างคนที่ส่งเสริมให้ตัวเองชี้ช่องทางให้ถูกต้องกับตัวเอง แล้วถ้าเป็นช่องทางให้ถูกต้องให้กับเพื่อนร่วมโลกของเราด้วย จงช่วยกันฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น และก็เป็นความแข็งแรงในทิศทางที่ถูกต้อง มีชีวิตอย่างไม่เบียดเบียน มีชีวิตอย่างคนที่เจริญทางจิตวิญญาณด้วย เราจะพบว่าความเป็นผู้ที่ไม่หยาบคายแล้วกำลังเห็นประโยชน์แห่งการทำคุณงามความดีนั้น จะทำให้เราเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน
จงฝึกฝนที่จะใช้ชีวิตของเราอย่างคนที่เกื้อกูลต่อตนเอง แล้วก็เกื้อกูลต่อผู้อื่น ช่วยกันชี้ช่องทางที่ถูกต้องในสังคมของเรา และสังคมของเราจะร่มเย็น เหมือนกับเวลาที่เราได้มีโอกาสยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เราก็จะพบว่าเราร่มเย็นเพราะเรามีสิ่งแวดล้อมที่อยู่รายรอบตัวเรา เป็นสิ่งที่มีคุณงามความดีเป็นกัลยาณมิตรของเราด้วย
กัลยาณมิตรคือเพื่อน เพื่อนที่ชี้ช่องทางให้ถูกต้อง เพื่อนที่ชี้ช่องทางอันประเสริฐให้กับชีวิตของเรา พระผู้มีพระภาคเจ้าบอกว่า จงมีเราเป็นกัลยาณมิตรแล้วท่านจะพ้นทุกข์ นั่นแสดงว่าท่านสามารถที่จะใช้กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดบนเส้นทางพรหมจรรย์ของเราได้ จงมีชีวิตอย่างคนที่ส่งเสริมให้ตัวเองชี้ช่องทางให้ถูกต้องกับตัวเอง แล้วถ้าเป็นช่องทางให้ถูกต้องให้กับเพื่อนร่วมโลกของเราด้วย จงช่วยกันฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแรงขึ้น และก็เป็นความแข็งแรงในทิศทางที่ถูกต้อง มีชีวิตอย่างไม่เบียดเบียน มีชีวิตอย่างคนที่เจริญทางจิตวิญญาณด้วย เราจะพบว่าความเป็นผู้ที่ไม่หยาบคายแล้วกำลังเห็นประโยชน์แห่งการทำคุณงามความดีนั้น จะทำให้เราเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน
จงฝึกฝนที่จะใช้ชีวิตของเราอย่างคนที่เกื้อกูลต่อตนเอง แล้วก็เกื้อกูลต่อผู้อื่น ช่วยกันชี้ช่องทางที่ถูกต้องในสังคมของเรา และสังคมของเราจะร่มเย็น เหมือนกับเวลาที่เราได้มีโอกาสยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เราก็จะพบว่าเราร่มเย็นเพราะเรามีสิ่งแวดล้อมที่อยู่รายรอบตัวเรา เป็นสิ่งที่มีคุณงามความดีเป็นกัลยาณมิตรของเราด้วย
#2
โพสต์เมื่อ 14 June 2006 - 10:00 PM
คุณสมบัติของกัลยาณมิตรนะครับ (นำมาจากกัลยาณมิตตธรรม 7 ประการ)
1. น่ารัก (ปิโย)
2. น่าเคารพ (ครุ)
3. น่าเทิดทูน (ภาวนีโย)
4. ฉลาดพูดแนะนำพร่ำสอน (วัตตา)
5. อดทนต่อถ้อยคำ (วจนักขโม)
6. สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา)
7. ไม่ชักนำไปในทางเสื่อม (โน จัฏฐาเน นิโยชะเน)
1. น่ารัก (ปิโย)
2. น่าเคารพ (ครุ)
3. น่าเทิดทูน (ภาวนีโย)
4. ฉลาดพูดแนะนำพร่ำสอน (วัตตา)
5. อดทนต่อถ้อยคำ (วจนักขโม)
6. สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา)
7. ไม่ชักนำไปในทางเสื่อม (โน จัฏฐาเน นิโยชะเน)
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 02:51 AM
QUOTE
สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา)
ขอความกรุณา ขยายความนิดได้ไหมค่ะ แล้วถ้ามีคนถามเรื่องที่ลึกจริงๆ แล้วเราเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาอธิบาย ควรจะทำอย่างไรค่ะ ควรจะบอกเขาว่าอย่างไร จึงไม่เป็นการปฏิเสธคำถามเขา
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้
น้าจี้
#4
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 08:25 AM
ขอบคุณคุณ มิราเคิลดรีมมากที่นำคุณธรรมของกัลยาณมิตมาแสดง
แล้วเราควรจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนพาลหรือเปล่า
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย
แล้วเราควรจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนพาลหรือเปล่า
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย
หยุดคือตัวสำเร็จ
#5
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 09:45 AM
QUOTE
QUOTE
สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา)
ขอความกรุณา ขยายความนิดได้ไหมค่ะ แล้วถ้ามีคนถามเรื่องที่ลึกจริงๆ แล้วเราเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาอธิบาย ควรจะทำอย่างไรค่ะ ควรจะบอกเขาว่าอย่างไร จึงไม่เป็นการปฏิเสธคำถามเขา
สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา)
ขอความกรุณา ขยายความนิดได้ไหมค่ะ แล้วถ้ามีคนถามเรื่องที่ลึกจริงๆ แล้วเราเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาอธิบาย ควรจะทำอย่างไรค่ะ ควรจะบอกเขาว่าอย่างไร จึงไม่เป็นการปฏิเสธคำถามเขา
ที่ผมยกมาเป็นหลักธรรมพื้นฐานที่กัลยาณมิตรพึงมี แต่อย่างไรก็ดีก็ต้องมีธรรมะเรื่องอื่นประกอบด้วย อย่างเรื่องที่ สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึกนั้น ก็อย่างเช่น มีศิลปะในการอธิบายธรรมะตั้งแต่ธรรมะง่ายๆ ให้ผู้ฟังทำความเข้าใจตามไปตามลำดับๆ จนผู้ฟังสามารถรับฟังและเข้าใจธรรมะที่ละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำให้ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานธรรมะเลย เข้าใจธรรมะที่ลึกซึ้งในระยะเวลาอันสั้นหรือภายในประโยค สองประโยค แต่ต้องค่อยๆ แสดงธรรมอธิบายจากง่ายไปยาก ยกตัวอย่างเช่นเวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง อนุปุพพิกถา เป็นต้น
QUOTE
อนุปุพพิกถา คือ พระธรรมเทศนาเทศนาที่แสดงไปโดยลำดับ เพื่อฟอกอัธยาศัยของสัตว์ให้หมดจดเป็นชั้นๆ จากง่ายไปหายาก เพื่อเตรียมจิตของผู้ฟังให้พร้อมที่จะรับฟังอริยสัจ มี ๕ คือ
๑. ทานกถา พรรณนาทาน
๒. สีลกถา พรรณนาศีล
๓. สัคคกถา พรรณนาสวรรค์ คือความสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกาม
๔. กามาทีนวกถา พรรณนาโทษของกาม
๕. เนกขัมมานิสังสกถา พรรณนาอานิสงส์แห่งการออกจากกาม
๑. ทานกถา พรรณนาทาน
๒. สีลกถา พรรณนาศีล
๓. สัคคกถา พรรณนาสวรรค์ คือความสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกาม
๔. กามาทีนวกถา พรรณนาโทษของกาม
๕. เนกขัมมานิสังสกถา พรรณนาอานิสงส์แห่งการออกจากกาม
ดังนั้นการแสดงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในการโปรดสรรพสัตว์ บางกลุ่มต้องเริ่มด้วยการแสดงอนุปุพพิกถาก่อน แล้วจึงปิดท้ายด้วยการแสดงอริยสัจ ๔ เช่น ยสกุลบุตร เพราะท่านทรงเล็งเห็นว่า ถ้าแสดงอริยสัจ ๔ เลย จะเป็นธรรมะที่ลุ่มลึกเกินกว่าสรรพสัตว์ที่ท่านโปรดจะรับฟังและทำความเข้าใจได้นั่นเอง ท่านจึงต้องเริ่มจากธรรมะที่ง่ายๆ คือ ทาน ศีล ความสุขของกามในสวรรค์ โทษของกามคือสวรรค์ อานิสงส์ของการออกบวช เมื่อถึงตรงนี้แล้วจิตใจของสรรพสัตว์ก็พร้อมที่จะรับฟังอริยสัจ ๔ และเมื่อสิ้นพระธรรมเทศนาเรื่องอริยสัจ ๔ สรรพสัตว์ก็บรรลุธรรมนั่นเอง
อันนี้ คือ ศิลปะในการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ หรือ ก็คือ พระองค์สามารถแถลงเรื่องที่ล้ำลึก (คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา) ให้ชัดแจ้งได้นั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยธรรมะที่เหลืออีก ๖ ข้อของกัลยาณมิตตธรรมเป็นองค์ประกอบส่งเสริมกันและกันด้วยครับ
อย่างไรก็ดีก็มีสรรพสัตว์บางพวกมีปัญญาแก่กล้าพร้อมที่จะบรรลุธรรม โดยไม่ต้องฟังอนุปุพพิกถาก่อน เช่น ครั้งที่พระองค์ทรงแสดงธรรมแก่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่ป่า อิสปตนมฤคทายวัน โดยที่สุดแห่งพระธรรมเทศนา พระอัญญาโกณฑัญญะก็บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบัน นั่นเอง
http://www.84000.org..._item.php?i=246
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#6
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 10:21 AM
QUOTE
แล้วเราควรจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนพาลหรือเปล่า
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย
ถ้าจะเอาหลักเรื่องคนพาลมาจับจริงๆ แม้ตัวเราเอง บางครั้งก็เป็นพาลนะครับ และถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกว่า ไม่ให้แสดงธรรมแก่คนพาล ท่านก็คงไม่โปรดสัตว์หรอกครับ เพราะ ในยุคสมัยที่ท่านลงมาอุบัตินั้น คนพาล ทั้งนั้น เพราะไม่รู้ถึงความเป็นจริงของชีวิต
แต่ท่านอาศัยพระมหากรุณาธิคุณของท่าน เริ่มบำเพ็ญโปรดสัตว์โลก แต่ท่านไม่ได้โปรดซี้ซั๊ว ในระยะเริ่มแรก ถ้าสังเกตท่านจะเริ่มโปรดหมู่สัตว์ที่มีบารมีมากก่อน เมื่อหมู่สัตว์เหล่านี้บรรลุธรรม พระศาสนามีกำลังมากพอแล้ว จึงเริ่มโปรดหมู่สัตว์ที่โปรดยากขึ้นมาตามลำดับๆ
ดังนั้น ถ้าบุคคลผู้ใดอยากจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรกับผู้อื่น ก็ต้องประเมินกำลังและความสามารถของตนเอง และ อุปนิสัยของผู้ที่เราจะไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรด้วย ไม่ใช่ทำหน้าที่กัลยาณมิตรซี้ซั๊วครับ เพราะ ถ้าเราไม่แกร่งพอ ไม่แข็งพอ ธรรมะไม่แน่นพอ ก็อาจจะติดเชื้อพาลเอาได้ง่ายๆ ครับ
ดังนั้นอันดับแรก เราจะต้องเป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองเป็นคนแรก เมื่อเราพร้อมแล้ว จึงเริ่มทำหน้าที่กัลยาณมิตรแก่บุคคลที่เราพอจะโปรดได้ง่ายๆไปก่อนครับ เมื่อเราทำหน้าที่กัลยาณมิตรมากขึ้นๆ มีความสามารถมากขึ้น ก็เริ่มไปโปรดบุคคลที่โปรดยากขึ้นๆ เป็นลำดับๆ สืบต่อไปนั่นเอง
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#7
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 12:36 PM
QUOTE
แล้วเราควรจะเป็นกัลยาณมิตรให้คนพาลหรือเปล่า
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย
เพราะ มงคลชีวิตข้อแรก คือ ห้ามคบคนพาล
ปัจจุบันนี้ มองไปรอบข้าง คนพาลมีให้เห็นมากมาย

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี
#8
โพสต์เมื่อ 15 June 2006 - 10:46 PM
กัลยาณมิตร ได้เจอครั้งใดก็ชื่นใจทุกครั้ง
อยากเข้าไปกราบที่เขาแนะนำสิ่งที่แสนดีมาให้
จนได้มาเจอวัด เจอหลวงพ่อ คุณยาย
และได้สั่งสมบารมีไปพร้อมกับเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน
อยากเข้าไปกราบที่เขาแนะนำสิ่งที่แสนดีมาให้
จนได้มาเจอวัด เจอหลวงพ่อ คุณยาย
และได้สั่งสมบารมีไปพร้อมกับเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน
thamma_072.p
#9
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 10:26 AM
QUOTE
แล้วถ้ามีคนถามเรื่องที่ลึกจริงๆ แล้วเราเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาอธิบาย ควรจะทำอย่างไรค่ะ ควรจะบอกเขาว่าอย่างไร จึงไม่เป็นการปฏิเสธคำถามเขา
และแนะนำให้เขาติดจานดาวธรรม เพื่อเขาจะได้ศึกษาจากรายการต่างๆ ของจานดาวธรรม
ชวนให้เขามาที่วัด เพื่อเรียนถามจากพระอาจารย์ โดยตรง
เมื่อคนที่เรารู้จักมีอะไรไม่สบายใจ หรือดูผิดปกติไป เราควรดูแลด้วยธรรมะที่เหมาะแก่กรณี ไม่ควรทำตามอารมณ์
ถ้าคนที่เรารู้จักมีแรงมากและโน้มเอียงมากๆ ไปในทางไม่ดี จนเรียกได้ว่า เป็นพาล เราเองก็ควรระมัดระวังไม่ให้ไหลไปตามความไม่ดีนั้น ควรรักษาระยะห่างกับคนนั้น เพราะเรายังไม่หมดกิเลส ยังมีเรี่ยวแรงไม่มากพอที่จะไปดึงใครได้ทุกคน คนเราไม่ได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง บางกรณีที่สุดกำลังของเราแล้ว เราก็ควรวางอุเบกขา
และเราต้องเป็นกัลยาณมิตรให้แก่ตนเองด้วย ต้องเป็นตลอดเวลา เราต้องสอนตัวเราเองทุกนาที
กัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 18 June 2006 - 08:19 PM
จะเป็นกัลยาณมิตรที่ดีแก่ทุกคนค่ะ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"
น้ำฝนลูกพระธัมฯ
#11
โพสต์เมื่อ 07 March 2007 - 12:29 PM
สาธุ