
เวลาแผ่ส่วนบุญทำไมไม่ให้เราแผ่ให้เจ้ากรรมนายเวร ?
#1
*ดอกกะปิ (เด็กใหม่ค่ะ)*
โพสต์เมื่อ 26 August 2005 - 02:14 PM
เพราะอะไร ?
#2
*han*
โพสต์เมื่อ 26 August 2005 - 02:28 PM
#3
*uk*
โพสต์เมื่อ 26 August 2005 - 07:13 PM
เราควรจะแผ่เมตตาให้เค้าทุกครั้งที่ทำบุญ ทำใจให้อโหสิกรรมแก่เค้า และขอให้เค้าอโหสิกรรมให้เรา อย่าได้จองเวรต่อไป เจอกันก็ให้เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ให้แผ่อย่างนี้ไปทุกครั้งที่เราได้ทำบุญ
#4
โพสต์เมื่อ 26 August 2005 - 11:40 PM
#5
โพสต์เมื่อ 27 August 2005 - 07:03 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#6
โพสต์เมื่อ 27 August 2005 - 08:27 AM
(ตกลงเรียกเจ้ากรรมนายเวร หรือคู่กรรมคู่เวรค่ะ)
#7
โพสต์เมื่อ 27 August 2005 - 10:35 AM
ต่อให้อายุ 1 อสงไขย ก็ใช้กรรมไม่หมดหรอกนะครับ
เพราะเวรกรรมมันงอกงามตลอด เหมือนลำไย 1 เมล็ด ปลูกลงดินเมื่อไร
ก็ให้ผลเป็นลำไยล้านๆ เมล็ดเลย
#8
โพสต์เมื่อ 27 August 2005 - 11:34 PM
#9
*Guest*
โพสต์เมื่อ 29 August 2005 - 04:27 PM
#10
โพสต์เมื่อ 29 August 2005 - 06:34 PM
#11
โพสต์เมื่อ 29 August 2005 - 11:09 PM
หมายเหตุ : การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนั้น เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑o ประการ เรียกว่า "ปัตติทานมัยกุศล" ซึ่งนอกจากผู้รับ (เช่น ญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้วทุกท่าน) จะได้รับบุญแล้ว (หากอุทิศอย่างถูกหลักวิชชา) ผู้อุทิศก็ยังได้รับอานิสงส์ด้วย (เพราะบุญเป็นธาตุกายสิทธิ์ยิ่งอุทิศยิ่งทับทวี) เหมือนกับการเอาเทียนเล่มน้อยมาต่อกัน ความสว่างไสวย่อมแผ่ขยายกว้างขวางออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#12
โพสต์เมื่อ 31 August 2005 - 04:03 PM
ขอแก้ไขนิดหน่อยตรงท้าย ๆ ค่ะ
ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้พบดวงแก้ว (หมายถึง "พระรัตนตรัย") แคล้วบ่วงมาร ได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน ในกาลปัจจุบันฉับพลันนี้จงทุกประการ และจงมารับกุศลผลบุญ ให้ถ้วนทั่วทุกตัวเทิอญ
ตรงที่บอกว่า จงมารับกุศลผลบุญ แก้เป็น ขอให้ได้รับกุศลผลบุญ ถ้วนทั่วทุกตัวเทอญ
อย่าไปเรียกเขามาหาเราเลยค่ะ อันตราย
#13
โพสต์เมื่อ 31 August 2005 - 09:09 PM
แต่ว่า เคยฟังวิทยุนะ นานแล้วค่ะ ไม่เกี่ยวกับวัดนะค่ะ ผู้จัดเป็นผู้หญิง มีคนถามคล้ายแบบนี้ ผู้จัดท่านถามกลับว่า ใครล่ะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณ คุณรู้จักเค้าเปล่า เค้าจะมาเป็นเจ้าชีวิตคุณได้ไง ชีวิตของคุณ คุณเป็นคนกระทำทั้งดีและชั่ว ไม่มีใครเป็นเจ้ากรรมของคุณทั้งนั้น เพราะ กรรมเกิดมาจากการกระทำของตัวคุณเอง คุณนั่นแหละเป็นเจ้ากรรมของตัวเอง คุณไปทำผิดกับใคร ไม่ใช่ว่าเค้าคนนั้น คนนี้ คนโน้น จะมาเป็นเจ้ากรรมของคุณนะ แต่กรรม คือ การกระทำของคุณนั่นแหละ เป็นเจ้ากรรมของคุณ ผู้จัดท่านก็ย้ำว่า ไม่ควรใช้คำว่า เจ้ากรรมนายเวร ให้ใช้คู่เวรคู่กรรม แทนจะดีกว่า ก็ได้
คำติดปากมาแต่โบราณ อย่าง เจ้ากรรมนายเวร เราก็ไม่เข้าใจ ว่าโบราณท่านบรรพบุรุษท่าน คิดเห็นกันอย่างไร แต่คิดไปคิดมา ทำไม่ ต้องเจ้ากรรมนายเวรด้วย แต่พอมารู้ว่า ควรใช้ คู่เวรคู่กรรมดีกว่า ดูเหมือนเราเจาะจงลงไปเลย ใครผู้ใดที่เราไปกระทำเค้าไว้ เราผูกผูกอาฆาตใครมา หรือใครผูกอาฆาตเราไว้บ้างเปล่า ดูเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมกันไปดีกว่า รู้สึกง่ายต่อการแผ่เฆตตามากกว่าค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 03 September 2005 - 01:50 AM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#15
โพสต์เมื่อ 04 September 2005 - 06:50 PM

มีเพื่อนส่งบทอธิษฐานมาให้ค่ะ อาจพิจารณาใช้ได้นะคะ
(นะโม 3 จบ) สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเตอุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเตอุกาสะ ขะมามิ ภันเต
หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน บิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ
พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และคู่กรรมคู่เวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย
หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอถอนคำอธิษฐานคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูกที่ชอบที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้องจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาตและคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของคู่กรรมคู่เวร ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ
#16
*นักศึกษา*
โพสต์เมื่อ 05 September 2005 - 12:23 PM
#17
*Guest*
โพสต์เมื่อ 29 October 2005 - 09:00 PM
1.จุดประสงค์ของการกรวดน้ำพร้อมแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลคืออะไรคะ
2.เพราะเหตุใดจึงต้องเป็นน้ำ
3.การแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลโดยการตั้งจิตอธิษฐานอย่างเดียวกับการกรวดน้ำด้วย มีผลแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
ขอความกรุณาผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยนะคะ อนุโมทนาบุญค่ะ
#18
*Guest*
โพสต์เมื่อ 29 October 2005 - 11:24 PM
2.) ที่ต้องเป็นน้ำเพราะ น้ำมีคุณสมบัติทำให้เย็นการเย็นใจ ซึ่งเหมือนกับบุญที่มีคุณสมบัติที่ทำให้เจ้าของบุญเย็นกายเย็นใจ
3.) ไม่แตกต่างกันครับ อย่างที่บอกไว้แล้ว การกรวดน้ำคือกุศโลบายที่ทำให้ใจสงบ เป็นสมาธิ ถ้าขณะตั้งจิตอธิษฐานใจเป็นสมาธิอยู่แล้ว ผลบุญไม่น่าจะแตกต่างครับ
#19
โพสต์เมื่อ 30 October 2005 - 01:16 AM
ขอบคุณหลายๆๆเด้อค่ะ ^o^
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"

#20
โพสต์เมื่อ 30 October 2005 - 04:27 PM
#21
โพสต์เมื่อ 27 November 2005 - 05:22 PM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#22
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 01:40 PM
#23
โพสต์เมื่อ 04 February 2007 - 07:57 AM