สงสัยแบบเด็กๆ อีกแล้วค่ะ
เคยได้ยินมามากเลย ที่ว่าคนเจ็บคนป่วยไปหาหมอ หมอหาโรคไม่เจอหรือหาเจอแต่รักษาไม่หาย ๓วันดี ๔วันไข้ แล้วก็ยังเจ็บป่วยอยู่อย่างนั้น สุดท้ายไปหาพระที่วัด พระให้น้ำมนต์มาทาน เมื่อทานแล้วปรากฏว่า อาการเจ็บป่วยหายสนิท ยังมีอีกค่ะ
เห็นเป็นคนธรรมดา เคยเห็นบางครั้งค่ะ พอโดนพระท่านสลัดน้ำมนต์ใส่ ดันร้องกรีดเสียงดัง บางคนสลบไปเลยก็มี บางคนก็สั่นแบบสุดๆ บางคนก็ลุกขึ้นมาเต้น มารำ หรือก็มาทำท่าทำทางแปลกๆ ยังมีอีกเยอะค่ะขอถามแค่นี้ก่อนว่า
๑ น้ำมนต์ต่างจากน้ำปกติอย่างไร
๒ น้ำมนต์รักษาโรคได้ ทำไมโรงพยาบาล ไม่เอาน้ำมนต์ไว้รักษาผู้ป่วยบ้างล่ะค่ะ
๓ วิทยาศาสตร์ เขามีการอธิบายเรื่องน้ำมนต์ไว้ว่าอย่างไรบ้าง
๔ คนธรรมดาโดนน้ำมนต์แล้าก็รู้สึกเย็นสบาย แล้วคนที่รู้สึกร้อนจนร้อง และมีอาการแปลกๆ ดังที่หนูว่ามาเป็นเพราะอะไรค่ะ
๕ แล้วคนที่ทานน้ำมนต์เข้าไปแล้วอาเจียนออกมาเป็นตะปู และเป็นเส้นผมคน และอื่นๆ โดยที่เจ้าตัวบออกว่าไม่ได้กินเข้าไป อันนี้มันเป็นอย่างไรค่ะ
ยังมีอีกเยอะเลยค่ะแต่ขอถามแค่นี้ก่อน กลัวพี่ๆใน dmc จะปวดหัว
ช่วยตอบให้หนู่หน่อยน่ะค่ะ เด็กๆ อย่างหนูขี้สงสัยมากค่ะ
พี่ๆคนไหนมีประสบการณ์แปลกๆแต่จริงเรื่องน้ำมนต์ ก็ช่วยมาเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานหน่อยน่ะค่ะ
ขอขอบคุณ และ อนุโมทนากับพี่ๆทุกท่านด้วยค่ะ
สาธุ
ปล. ใครทราบว่าน้ำมนต์ที่ไหนมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมช่วยบอกด้วยค่ะ

สงสัยเรื่องน้ำมนต์ค่ะ
เริ่มโดย บุญสิริ, Nov 12 2006 11:04 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 11:04 PM
#2
โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 11:10 PM
เหอๆๆ ผีกลัวน้ำมนต์
รู้เท่านี้เอง น่ะจ้า หนูเอย
รู้เท่านี้เอง น่ะจ้า หนูเอย
การไม่กระทำบาปทั้วปวง
การยังบุญกุศลให้ถึงพร้อม
การยังจิตใจให้ผ่องแผ้ว
กรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ฯ
การยังบุญกุศลให้ถึงพร้อม
การยังจิตใจให้ผ่องแผ้ว
กรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ฯ
#3
โพสต์เมื่อ 12 November 2006 - 11:27 PM
QUOTE
น้ำมนต์รักษาโรคได้ ทำไมโรงพยาบาล ไม่เอาน้ำมนต์ไว้รักษาผู้ป่วยบ้างล่ะค่ะ
เป็นประโยคที่น่าคิด อาจจะเป็นความเชื่อ/ไม่เชื่อของแพทย์ และเจ้าของโรงพยาบาล
....
ถ้าได้ติดจานดาวธรรมที่โรงพยาบาล ให้คนไข้ได้ดูกัน ก็จะเป็นการช่วยรักษาโรค(ทางใจ) ให้แก่ผู้บ่วย
และสำหรับโรคทางกาย ผู้ป่วยก็จะได้มีกำลังใจ ที่จะต่อสู้กับความเจ็บไข้มากขึ้น
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#4
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 04:45 AM
QUOTE
๑ น้ำมนต์ต่างจากน้ำปกติอย่างไร
น้ำมนต์=น้ำปรกติ+พระพุทธมนต์+ศรัทธา
QUOTE
๒ น้ำมนต์รักษาโรคได้ ทำไมโรงพยาบาล ไม่เอาน้ำมนต์ไว้รักษาผู้ป่วยบ้าง
ขาดความเชื่อ ผิดหลักวิทยาศาตร์
QUOTE
๓ วิทยาศาสตร์ เขามีการอธิบายเรื่องน้ำมนต์ไว้ว่าอย่างไรบ้าง
น้ำมนต์=น้ำปรกติ+น้ำตาเทียน(น้ำไม่บริสุทธิ,มีสารแขวงลอย) ,มีผลทางจิตวิทยากับผู้ป่วยเท่านั้น
QUOTE
๔ คนธรรมดาโดนน้ำมนต์แล้าก็รู้สึกเย็นสบาย แล้วคนที่รู้สึกร้อนจนร้อง และมีอาการแปลกๆ ดังที่หนูว่ามาเป็นเพราะอะไรค่ะ
เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร ต้องถามตัวเองว่า"เชื่อไหม"
QUOTE
๕ แล้วคนที่ทานน้ำมนต์เข้าไปแล้วอาเจียนออกมาเป็นตะปู และเป็นเส้นผมคน และอื่นๆ โดยที่เจ้าตัวบออกว่าไม่ได้กินเข้าไป อันนี้มันเป็นอย่างไรค่ะ
เขาว่ากันว่า "โดนของ ถูกคุณไสย" ท่านละเชื่อไหม บางที่ก็หลอกลวงกัน ต้มตุ้นกันก็มาก
QUOTE
ปล. ใครทราบว่าน้ำมนต์ที่ไหนมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมช่วยบอกด้วยค่ะ
ตามความเชื่อ ที่ไหนดีขึ้นอยู่กับว่าเอาไปทำอะไร ผู้ทำใช้มนต์บทไหน ท่านศรัทราที่ไหนก็ไปที่นั้น แต่ในพุทธศาสนาท่านสอนไม่ให้สนใจสิ่งเหล่านี้ มันเป็นอวิชา
...โปรดพิจารณา...นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว... ถ้าผิดพลาดประการใด...วอนผู้รู้ หรือ คิดแตกต่างช่วยแก้ไขให้ด้วย _/I\_ ขอบคุณครับ
#5
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 12:31 PM
น้ำบุญดีกว่าไหมค่ะ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"
น้ำฝนลูกพระธัมฯ
#6
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 03:12 PM
น้ำมนต์ต่างจากน้ำปรกติอย่างไร
ตอบ น้ำมนต์มี 3 แบบน่ะครับ แบบที่ 1 เรียกว่า น้ำมนต์ต้มตุ๋น อย่างนี้ก็เหมือนน้ำปรกติครับ
แบบที่ 2 เรียกว่า น้ำมนต์วิทยาธร คือ เป็นหลักสมาธิเบื้องต้น แต่เอาคำในพระพุทธศาสนาไปใช้ท่องมนต์ขึ้นมา แล้วติดต่ออาจารย์วิทยาธร มาช่วยเหลือ เรื่องนั้นเรื่องนี้ (ซึ่งเบื้องหลังที่ช่วยที่แท้จริงคือ บุญ ถ้าไม่มีบุญก็ช่วยไม่สำเร็จครับ) มนต์ที่เขาใช้ท่องจะเพี้ยนๆ ไปหน่อย เช่น อิติปิโส ภควือ เพี้ยนมาจาก อิติปิโส ภควา หรือ นโมพุทธาแยะ เพี้ยนมาจาก นโมพุทธายะ เป็นต้น
แบบที่ 3 เรียกว่า พุทธมนต์ดังที่คุณ JJ อธิบาย แบบนี้ก็สามารถช่วยได้ โดยบุญจากการระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผนวกกับ บุญในอดีตของผู้ตกทุกข์ มีกำลังเพียงพอ เอาชนะกำลังบาปที่ให้ผลอยู่ ซึ่งก็จะทำให้ ผ่อนหนักเป็นเบา เบาเป็นหาย ถ้าหมดอายุขัย ก็ไปดีได้เช่นกัน ถ้าจิตผ่องใส
ตอบ น้ำมนต์มี 3 แบบน่ะครับ แบบที่ 1 เรียกว่า น้ำมนต์ต้มตุ๋น อย่างนี้ก็เหมือนน้ำปรกติครับ
แบบที่ 2 เรียกว่า น้ำมนต์วิทยาธร คือ เป็นหลักสมาธิเบื้องต้น แต่เอาคำในพระพุทธศาสนาไปใช้ท่องมนต์ขึ้นมา แล้วติดต่ออาจารย์วิทยาธร มาช่วยเหลือ เรื่องนั้นเรื่องนี้ (ซึ่งเบื้องหลังที่ช่วยที่แท้จริงคือ บุญ ถ้าไม่มีบุญก็ช่วยไม่สำเร็จครับ) มนต์ที่เขาใช้ท่องจะเพี้ยนๆ ไปหน่อย เช่น อิติปิโส ภควือ เพี้ยนมาจาก อิติปิโส ภควา หรือ นโมพุทธาแยะ เพี้ยนมาจาก นโมพุทธายะ เป็นต้น
แบบที่ 3 เรียกว่า พุทธมนต์ดังที่คุณ JJ อธิบาย แบบนี้ก็สามารถช่วยได้ โดยบุญจากการระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผนวกกับ บุญในอดีตของผู้ตกทุกข์ มีกำลังเพียงพอ เอาชนะกำลังบาปที่ให้ผลอยู่ ซึ่งก็จะทำให้ ผ่อนหนักเป็นเบา เบาเป็นหาย ถ้าหมดอายุขัย ก็ไปดีได้เช่นกัน ถ้าจิตผ่องใส
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 03:25 PM
อืม เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่ารบหลู่นะครับ แต่ก่อนที่จะอ่านคำแนะนำของผม อยากให้คุณเจ้าของกระทู้เข้าไปศึกษาในกระทู้นี้ดูก่อนนะครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=6834
และหลายท่านคงทราบ สภาวะแวดล้อมรอบตัวเรานั้นขึ้นอยู่กับจิตใจของตัวเราเป็นหลัก เคยได้สังเกตุไหมครับว่าวันไหนหากเราตื่นเช้ามาสดชื่น ยรรยากาศรอบข้างเราจะให้ความรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย ฉันใดฉันนั้นครับ
นําที่เราใช้ดื่มใช้กินก็เช่นกันหากเรารู้วิธีเราก็สามารถทำนํามนต์ไว้ใช้เองได้ครับ วิธีการทำก็ไม่อยาก หาขวดหรือภาชนะ บรรจุนําให้เต็มแล้วเอาไปตั้งไว้ในห้องพระ หรือที่ใดก็ได้ที่เราสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันเป็นประจำ จากนั้นหมั่นสวดมนต์ทุกเช้าเย็นทุกวันอย่าให้ขาด ยิ่งนั่งสมาธิแผ่เมตตาไปด้วยยิ่งวิเศษ จากนําธรรมดาที่เราเตรียมไว้จะเปลี่ยนสภาพเป็นนํามนต์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และหากลองเอาไปดื่มเทียบดูกับนําธรรมดาที่เราไม่ได้เอามาตั้งไว้ในห้องพระ นําที่เราตั้งไว้ในห้องพระนั้นจะให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย และซึมซับเขาร่างกายได้ดีกว่ามากครับ และแน่นอนเมื่อนําซึมซับร่างกายเราได้ดีกว่าแล้วย่อมต้องไปชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างกายเราออกมาได้ดีกว่านําธรรมดาด้วยจริงไหมครับ เพราะฉนั้นผมขอตอบรวบยอดเลยแล้วกันนะครับ
คุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องไปแสวงหานํามนต์จากที่อื่นหรือสำนักไหนหรอกครับ ทำเองที่บ้านก็ได้ไม่สิ้นเปลือง แล้วลองเอาไปทดสอบดูเองเลยครับว่าแตกต่างจากนําธรรมดายังไง ทดสอบอย่างผมก็ได้ ซื้อนํามาสัก3ขวดยังไม่ต้องเปิดนะครับ ขวดนึงเอาไปตั้งไว้ที่ห้องพระ อีกขวดเอาไปวางไว้ใกล้ๆโทรทัศน์ อีกขวดเอาไปแช่ตู้เย็น ทิ้งไว้สัก3วัน ในสามวันนี้ต้องเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระอย่าให้ขาดนะครับ พอครบ3วันแล้วลองเอาทั้ง3ขวดมาดื่มดูแล้วคุณจะรู้เองครับว่าแตกต่างกันยังไง หุหุ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=6834
และหลายท่านคงทราบ สภาวะแวดล้อมรอบตัวเรานั้นขึ้นอยู่กับจิตใจของตัวเราเป็นหลัก เคยได้สังเกตุไหมครับว่าวันไหนหากเราตื่นเช้ามาสดชื่น ยรรยากาศรอบข้างเราจะให้ความรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย ฉันใดฉันนั้นครับ
นําที่เราใช้ดื่มใช้กินก็เช่นกันหากเรารู้วิธีเราก็สามารถทำนํามนต์ไว้ใช้เองได้ครับ วิธีการทำก็ไม่อยาก หาขวดหรือภาชนะ บรรจุนําให้เต็มแล้วเอาไปตั้งไว้ในห้องพระ หรือที่ใดก็ได้ที่เราสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันเป็นประจำ จากนั้นหมั่นสวดมนต์ทุกเช้าเย็นทุกวันอย่าให้ขาด ยิ่งนั่งสมาธิแผ่เมตตาไปด้วยยิ่งวิเศษ จากนําธรรมดาที่เราเตรียมไว้จะเปลี่ยนสภาพเป็นนํามนต์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และหากลองเอาไปดื่มเทียบดูกับนําธรรมดาที่เราไม่ได้เอามาตั้งไว้ในห้องพระ นําที่เราตั้งไว้ในห้องพระนั้นจะให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย และซึมซับเขาร่างกายได้ดีกว่ามากครับ และแน่นอนเมื่อนําซึมซับร่างกายเราได้ดีกว่าแล้วย่อมต้องไปชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างกายเราออกมาได้ดีกว่านําธรรมดาด้วยจริงไหมครับ เพราะฉนั้นผมขอตอบรวบยอดเลยแล้วกันนะครับ
คุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องไปแสวงหานํามนต์จากที่อื่นหรือสำนักไหนหรอกครับ ทำเองที่บ้านก็ได้ไม่สิ้นเปลือง แล้วลองเอาไปทดสอบดูเองเลยครับว่าแตกต่างจากนําธรรมดายังไง ทดสอบอย่างผมก็ได้ ซื้อนํามาสัก3ขวดยังไม่ต้องเปิดนะครับ ขวดนึงเอาไปตั้งไว้ที่ห้องพระ อีกขวดเอาไปวางไว้ใกล้ๆโทรทัศน์ อีกขวดเอาไปแช่ตู้เย็น ทิ้งไว้สัก3วัน ในสามวันนี้ต้องเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระอย่าให้ขาดนะครับ พอครบ3วันแล้วลองเอาทั้ง3ขวดมาดื่มดูแล้วคุณจะรู้เองครับว่าแตกต่างกันยังไง หุหุ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#8
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 06:10 PM
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านน่ะค่ะ ชัดเจนขึ้นมากเลยค่ะ เรื่องความหมาย
แล้วเรื่องอื่นอีกค่ะ ข้อ ๔ ๕ ยากรู้มากเลย
ท่านอื่น มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับน้ำมนต์
ก็ช่วยมาเล่าให้ฟังหน่อยน่ะค่ะ
แล้วเรื่องอื่นอีกค่ะ ข้อ ๔ ๕ ยากรู้มากเลย
ท่านอื่น มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับน้ำมนต์
ก็ช่วยมาเล่าให้ฟังหน่อยน่ะค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 13 November 2006 - 06:45 PM
น้ำฝน น้ำคลอง น้ำแม่กลอง ก็รองน้ำใจ น้ำไหน ๆ ก็สู้น้ำใจมิได้
หนูแก้วจ๋า สงสัยอะไรก็ถามพี่ได้น่ะจ้ะ จะไม่ดุแล้ว
หนูแก้วจ๋า สงสัยอะไรก็ถามพี่ได้น่ะจ้ะ จะไม่ดุแล้ว
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก