กลุ้มใจมากเลยค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 10:48 PM
#2
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 11:21 PM
ลองฟังพระธรรมเทศนาของ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย เรื่อง สมถวิปัสสนาดูนะครับ จะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทีเดียว
กดฟังที่นี่ครับ
Someday I'm gonna be free.
#3
โพสต์เมื่อ 16 November 2006 - 11:50 PM
เพื่อความสบายใจของน้องและน้องจะได้ทำอย่างถูกวิธี น้องลองนั่งสมาธิตามเสียงของหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่นะคะ ท่านสอนไว้อย่างละเอียดว่าต้องทำอย่างไรบ้างในการนั่งสมาธิ และน้องจะพบคำตอบที่น้องสงสัยทั้งหมด ชัวร์และถูกที่สุด พี่เอาหัวเป็นประกัน
ลองโหลด mp3 ไว้นำนั่งสมาธินะคะ มีเยอะมาก ลองฟังดูนะคะ มีทั้งแบบที่หลวงพ่อนำนั่งวันอาทิตย์(นั่งนานประมาณ หนึ่งชั่วโมง) และที่ท่านนำนั่งในรายการธรรมมะเพื่อประชาชนออกอากาศทางคลื่นวิทยุ am (นั่งนาน ครึ่งชั่วโมง)
คลิกที่นี่http://www.kalyanami...ing.asp?catid=2
แล้วเราค่อยเป็นกัลยาณมิตร อธิบายให้เพื่อนคนนั้นเข้าใจภายหลังค่ะ
สาธุกับน้องด้วยนะคะ
เพิ่ม อีกนิด
มรดกธรรม พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
ประวัติและโอวาท พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
เปิดฟังได้ที่นี่คะhttp://www.kalyanami...ing.asp?catid=1
#4
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 08:45 AM
สำคัญว่า "เริ่มให้ได้" ก่อน หลวงปู่สอนไว้ว่า "หยุดให้มันได้ซะก่อน อื่นๆ ไม่ต้องไปพูดถึง"
บอกเขาไปว่าเรายินดีที่จะปฏิบัติธรรมอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (อย่างน้อยเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องดี)
และจะรออนุโมทนาบุญเพื่อนๆ ที่ทำวิปัสสนาจนได้บรรลุธรรมนะ
อย่าเพิ่งไปถกเถียงอะไรกับเขาเลย มันจะเสียภาพพจน์ของชาวพุทธที่ดี
#5
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 08:50 AM
#6
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 09:23 AM
สมมุติ มีเด็กคนหนึ่งเรียนวิชาเดินทางไกล เขาได้แผนที่จากคุณครู ว่าเดินไปตามทางนี้ สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เมื่อเขารับแผนที่มา เขาเดินไป แต่อยู่ๆก็มีเพื่อนเขามาบอกว่า แผนที่นี้ไม่ใช่ทางออกหรอก เพื่อนรู้ดี ทางออกนั้น มันต้องเดินไปทางโน้นต่างหาก
ถามว่า ถ้าน้องเป็นเด็กคนนั้น น้องจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับ ระหว่าง
1. ถามเพื่อนว่า คุณเจอทางออกด้วยตัวคุณเองแล้วหรือ ถ้ายัง แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าทางของคุณถูกต้อง หรือคุณก็ไปเชื่อคนอื่นมาเหมือนกัน
2. เชื่อเพื่อน มากกว่า เชื่อครู แล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินไปตามเพื่อนไปเลย แต่ถ้าเลือกวิธีที่สอง พี่มีคำถามมาถามต่อว่า แล้วถ้าเกิดเดินไปเจอเพื่อนอีกคน บอกว่า เส้นทางใหม่นี้ก็ไม่ใช่ทางออก มันต้องไปอีกทางต่างหาก ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ จะเชื่อเพื่อนคนใหม่อีกหรือเปล่า แล้วถ้ามีเพื่อนคนใหม่มาบอกว่า ไม่ใช่อีกล่ะ ต้องอีกทางต่างหาก แล้วเราจะทำยังไง
การปฏิบัติธรรม ก็เช่นเดียวกันน่ะครับน้อง น้องลองถามเพื่อนเขาสิครับว่า เขาทำสมถะวิปัสสนาที่เขาว่าแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็อย่าแนะนำเลย แต่ถ้าเขาบอกว่า เขาทำอยู่ น้องก็ถามเขาต่อไปอีกว่า แล้วเขาดับทุกข์ทั้งปวงได้แล้วหรือยัง ถ้ายังเขามั่นใจได้อย่างไรว่าเขาถูก หรือเขาก็แค่ฟังคนอื่นพูดมา แล้วเชื่อ แล้วมาบอกเราให้เชื่อที่เขาพูดเหมือนกัน
#7
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 10:03 AM
แต่ผมก็ไม่ท้อ และก็นั่งมาเรื่อยๆครับ เราสบายใจ ก็พอแล้ว
ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม และกรุณาชี้แนวทางให้ข้าพเจ้าด้วยครับ
#8
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 10:24 AM
#9
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 11:02 AM
#10
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 11:16 AM
การนั่งสมาธิแบบธรรมกาย หรือแบบไหนๆ ในขั้นแรกๆก็เป็นสมถะทั้งนั้นที่วิธีอื่นสอนให้พิจารณาวิปัสนาไปด้วย ก็เป็นการพิจารณาแบบทฤษฏีเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ว่าวิชชาธรรมกายจะไม่สอนนะครับ ครูท่านสอนวิปัสนาแทบทุกวัน แต่ตัววิปัสนาที่แท้จริงมันอยู่ที่ปลายทางครับ
#11
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 12:19 PM
เอาเป็นว่าเราทำในแบบของเราให้เห็นแจ้ง รู้จริงดีกว่านะคะ

#12
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 01:08 PM
แล้วเพื่อนน้องน่าเชื่อถือแค่ไหนละครับ
เพื่อนน้อง เขาหมดกิเลส แล้วเหรอครับ
เพื่อนน้องเขารู้จริงแค่ไหน หรือว่า ก็จำๆเอามาพูดเหมือนกัน
ถ้าน้องนั่งสมาธิแล้ว มีความสุข แล้วไม่ถามเพื่อนล่ะ ว่า เขาวิปัสสนาแล้วมีความสุขหรือยัง
ทุกคนก็ต้องการความสุข ไม่ใช่เหรอ ถ้านั่งสมาธิแล้วมีความสุข จะให้เลิกนั่ง แล้วไปมีความทุกข์หรือยังไง
"อันนี้ ให้เอาไปตอบเพื่อน"
สมาธิ ทุกวิธี ที่เราปฏิบัติกัน ไม่ว่าวิธีไหน ล้วนเป็น สมถะทั้งนั้น เพราะยังอยู่ในขั้นทำให้ใจสงบนิ่ง แม้อาณาปาณาสติ คือการจับลมหายใจ ตราบใดที่ใจยังไม่หยุดจนเห็นดวงใส สมาธิก็จะยังไม่เกิด หลวงปู่มั่น ท่านนั่งสมาธิแบบอสุภะกรรมฐาน คือนั่งจนนิมิตรศพ กลายเป็นดวงใส ท่านเรียกว่า "ดวงพุทโธ" (ทางสายเราเรียกว่า ดวงปฐมมรรค) จะเห็นว่า ถ้าใจหยุด นั่งแบบใน ก็เห็นดวงใสเหมือนกัน
ส่วน วิปัสสนา ตามภาษาบาลี แปลว่า การเห็นแบบวิเศษ หรือเห็นแจ้ง ซึ่ง การเห็นแบบพิเศษได้ ก็ต้องแสดงว่า ไม่ได้เห็นแบบปกติธรรมดาแบบคน ทั่วไป เพราะนั่นคือ การเห็น ด้วยธรรมจักขุหรือด้วยตาของพระธรรมกาย
ยกตัวอย่างนะ เวลาน้องดูผู้ชายหล่อๆ ด้วยตามนุษย์นะ น้องจะรู้สึกปลื้มๆ ว่าเออนะ หล่อดี น่ารักดี นี่คือการเห็นด้วยตามนุษย์ที่มีธุลี คือกิเลส ในดวงจิต ทำให้เห็นไม่ตรงไปตามความเป็นจริง แต่ในทางกลับกัน ถ้าน้องเข้าถึงพระธรรมกาย แล้วใช้ตาของพระธรรมกายดู ความรู้สึกที่ได้ คือ จะมองว่า เป็นสังขารที่ไม่เที่ยง เป็นของไม่งาม เป็นที่รวมของสกปรกทั้งหลายเป็นต้น ไม่ควรไปยึดมั่น ถือมั่น คือ ใช้ธรรมกาย พิจารณาขันธุ์ 5 ว่า เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณา อริยสัจจ์ 4 เป็นต้น เมื่อเห็นแจ้ง ก็ทำให้รู้แจ้ง เมื่อรู้แจ้ง ก็สามารถคลายความยึดมั่นถือมั่นในขันธุ์ 5 เมื่อไม่ยึดมั่นในภพ 3 ก็หมดกิเลส เป็นพระอรหันต์
เข้าใจแล้วนะครับ ว่าวิปัสสนา ทำไม ถึง เรียกว่า เห็นวิเศษ ก็เพราะเห็นแล้ว ทำให้หมดกิเลส นะซิครับ
แต่เนื่องจากคำว่า วิปัสสนา มัน เท่ ดีอย่างนี้นี่เอง ใครที่นั่งสมาธิ ไม่ว่าวิธีไหน พอเรียกของตัวเองว่า เป็นวิปัสสนา ก็ดูดีเหนือชั้นกว่าขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ถ้ายังไม่เข้าถึงพระธรรมกาย จะวิปัสสนา ไม่ได้ เลย เพราะตามนุษย์ ปัญญา ของมนุษย์ มันไปไม่ถึง ขนาดเห็นอะไร ตะคุ่มๆ ในที่มืดยังรู้สึกกลัวเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถ้ายังไม่ถึงธรรมกาย อย่างมาก ทำได้ แต่ วิปัสสนึก คือ นึกๆ เอาแค่นั้นเอง ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สภาพเหมือนคนอกหัก แล้วมานั่งปลอบใจตัวเองว่า ดีแล้ว ที่เขาทิ้งเราไป ต่อให้ เขาไม่ดี จริง แต่ถ้ายังตัดใจไม่ได้ ก็ยังแอบรักเขาอยู่ร่ำไป นั่นแหละ
#13
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 03:10 PM
บางคนนั่งเพราะอยากรู้ อยากเห็น เช่นเรื่องราวของ นรก สวรรค์ แล้วเขาก็ได้เห็น กเท่ากับว่าเขาก็บรรลุจุดประสงค์ ของเขา.
ที่นี้ก็ต้องมาย้อนดูตัวเองว่าเรานั่งเพื่ออะไร อะไรเป็นเป้าหมาย ของการนั่งทำสมาธิของเรา.
ถ้าเราจะทำสมาธิ เพื่อ การดับทุกข์ ทั้งมวล ก็ต้อง ศึกษา โพธิปักขิยธรรม คือ ธรรมอันเป็นไปในฝ่ายตรัสรู้ 37 ประการ.
ถามตัวคุณเองก่อน นั่งสมาธิ นะคะ ว่า เราทำเพื่ออะไร เหมือนกับว่า เรารู้ว่าเราจะเดิน แต่เราก็ต้องรู้ด้วยว่า เราจะเดินไปทิศ เหนือ หรือ ทิศอะไร.
ถ้าเราอยากไปทิศเหนือ เราก็ต้องรู้ว่า ทางไหนคือไปทิศเหนือ เป็นต้น.
บางท่าน นั่งสมาธิ เพื่อทำจิตสงบ เมื่อจิตสงบก็พิจารณา อริยสัจจ์สี่บ้าง ไตนลักษณ์บ้าง และพอออกจากสมาธิ ก็เห็นสิ่งต่างๆตรงตามธรรมะ ก็เกิดความเบื่อหน่าย คลายความยึดมั่น คลายความยินดีและไม่ยินดีในโลก ไปเรื่อยๆ จิตก็ เบา สบาย ไปเรื่อยๆ เป็นต้น.
ถ้าคุณ นั่งสมาธิ แล้ว ราคะ โทสะ โมหะ ยังไม่เบาบางก็ควรย้อนกลับมองดูตนเอง.
ขอความเจริญในการศึกษาธรรมะ และ ปฎิบัติธรรมะ พึงบังเกิดแก่ท่าน.
โลกอยู่ภายใต้การครอบงำของชรา ก้าวเข้าไปสู่ชรา ไม่ยั่งยืน
โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่มีผู้เป็นใหญ่
โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวง
โลกพร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.
- สละโลกได้ ก็พ้นทุกข์ได้
#14
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 04:17 PM
#15
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 04:33 PM
#16
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 05:24 PM
แต่ดิฉันลองดูด้วยตาของดิฉันเองดังนี้ค่ะ
ลองดูคุณครูบาอาจารย์ของพวกเราเป็นตัวอย่างซิค่ะ
หลวงพ่อทั้งสองท่านหน้้าตาอิ่มเอบในบุญขนาดไหน ท่านดูมีความสุขกาย สบายใจขนาดไหน ( อายุรุ่นพ่อแล้วยังหล่อเหมือนรุ่นพี่ ) จริยาวัตรก็งดงาม สมเป็นสมณะ
ถ้าใครจำคุณยายได้ ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันว่าท่านถึงแม้อายุมากแล้ว ท่านดูมีความสุขเหลือเกิน เวลาท่านยิ้มก็เย็นใจ เวลาทีี่ท่านทำอะไร ก็ดูมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว น่านับถือยิ่งนัก การพูดจา จริยวัตรก็งดงามเช่นกัน
แค่ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเราคงมาไม่ผิดทางค่ะ
ยังไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับท่านอื่น ๆ ที่กล่าวคำแย้งมาหรอกค่ะ
#17
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 06:22 PM
เข้ามาอนุโมทนาบุญในธรรมทานและความห่วงใยและปรารถนาดี ของนักสร้างบารมีทุกท่านครับ
สาธุ ๆ ๆ ุ
ข้อนี้ก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนหนูบอกแหละครับ
การวิปัสสนา ที่ถูกต้อง นั้นต้องเข้าใจก่อนว่า
1 ) วิปัสสนา ไม่ใช่ การใช้สมอง หรือความคิด ไปพิจารณาธรรมะที่ละเอียดอ่อน เช่น
ไตรลักษณ์ ปฏิจจสุมปบาท ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๔ อินทรีย์ ๒๒
ถ้าใช้สมอง หรือ ความคิดแบบมนุษย์ที่ใจยังไม่สงบ ไม่หยุด นิ่งดีพอ
เขาเรียกว่า วิปัสสนึก
ทั้งนี้เพราะ ศักยภาพของสมอง หรือ ความคิดแบบมนุษย์ที่ใจยังมาสงบ ไม่หยุด นิ่งดีพอนั้น
ไม่มีกำลังมากพอ ที่จะเข้าใจธรรมะที่ประณีต แบบแจ่มแจ้งหรอกครับ
2 ) การจะทำวิปัสสนา ได้นั้น ใจต้องเป็นสมถะ คือ ใจต้องหยุด นิ่ง สงบให้ได้ซะก่อน
อย่างท่าน Tanay007 กล่าวถึง
หลวงปู่สอนไว้ว่า "หยุดให้มันได้ซะก่อน อื่นๆ ไม่ต้องไปพูดถึง"
อุปมาเหมือน จะเรียนคณิตศาสตร์ชั้นสูง เราก็ต้องนับเลขเป็นซะก่อน
ต้อง บวก ลบ คูณ หาร เป็นซะก่อน จึงไปเรียนการคำนวณชั้นสูงได้
ข้อนี้ก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนหนูบอกแหละครับ
เพราะวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอนันตริยกรรมฝ่ายบุญกุศล ใจต้องสะอาด บริสุทธิ์มากๆ จึงทำวิปัสสนาได้
ยิ่งใจบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้ มรรค ผล นิพพาน มากเท่านั้น
เราน่าจะลองหาคำตอบง่ายๆให้น้องเค้าน่าจะดีนะครับ
ฉันจะติดตามเธอ
ผมเสนอ คำว่า
ความสุข ทำให้คนทำซ้ำ
คือ ถ้าหนู โลกสีชมพู มีความสุข ความพอใจ รู้สึกดีๆ เมื่อทำสมาธิแบบที่วัดพระธรรมกายสอน
ก็แสดงว่า เส้นทางนี้พอเหมาะ พอดีกับเรา
เราก็บอกเพื่อนได้นะครับ ว่า
เราทำวิธีนี้แล้วเราชอบ เรามีความสงบทางใจ มีความสุขใจ
และเราพอใจ ที่จะเดินเส้นทางนี้ต่อไป
ซึ่งปลายทางก็คือ จุดหมายเดียวกันกับเพื่อน แหละครับ คือ
ดับทุกข์ พบสุขในนิพพาน
เพียงแต่ใช้เส้นทางต่างกันบ้างเท่านั้น
ถ้าเธอ/เขาเป็นเพื่อนรักกันจริง หวังดีกับหนูจริงๆ
ก็น่าจะเข้าใจ ยอมรับ และสนับสนุน ในเส้นทางที่หนูโลกสีชมพู ชอบ นะครับ
แต่เท่าที่ฟังข้อมูลเบื้องต้นในหัวข้อกระทู้
ดูท่าทางหนู โลกสีชมพู จะเกรงใจเพื่อนคนนี้ มาก จนขาดความเป็นตัวของตัวเองไปนะครับ
คนเราต้อง มีจุดยืนของตนเอง ต้องเชื่อมั่นในสิ่งดีๆที่ตนเองทำ ( โดยได้ไตร่ตรองดีแล้ว )
เหมือนที่พี่ หัดฝัน ให้ข้อคิดไว้ว่า ถ้าหนู โลกสีชมพู เชื่อเพื่อนคนนี้ ออกจากเส้นทางที่ตัวเองก็พอใจ
แล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินตามเพื่อน
เส้นทางใหม่นี้ก็ไม่ใช่ทางออก มันต้องไปอีกทางต่างหาก
ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ จะเชื่อเพื่อนคนใหม่อีกหรือเปล่า
แล้วถ้ามีเพื่อนคนใหม่มาบอกว่า ไม่ใช่อีกล่ะ
ต้องอีกทางต่างหาก แล้วเราจะทำยังไง
อืม วันนี้มีหนูหลายตัว รู้สึกตัวเองแก่มากเลยนะเนี่ย



งั้นหนู โลกสีชมพู น่าลองคุยกับ น้อง Omena วัยรุ่นยุคซิ่งอิงธรรมะ ก็ดีนะครับ
วัยคงใกล้เคียงกัน น่าจะเข้าใจกันดี
แต่ถ้ามีข้อสงสัย ในการทำความดี
ก็แวะมาถาม ลุง ป้า น้า อา พี่ ๆ เพื่อน ๆ ใน www.dmc.tv ก็ดีครับ
เพราะผู้ใหญ่ เกิดก่อน ผ่านชีวิตวัยรุ่นมาก่อน
จึงมีคำแนะนำที่ดี ปลอดภัย ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ให้เยาวชนรุ่นหลัง นะครับ
#18
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 08:25 PM
อาโลกกสิน ในคัมภีร์วิสุทธมรรคเหมาะกับคน ทุกจริต
อสุภกรรมฐาน เหมาะกับคนราคะจริต
มีอีกหลายวิธี ในการเข้าถึงธรรมะเบื้องต้น เหมือนเป็นอุปกรณ์ให้ในเกาะเกี่ยว เพื่อเข้าถึงดวงปฐมมรรค พอจะเข้าใจนะว่าทุกวิธีก็เพื่อเข้าถึงธรรมะภายในเหมือนกัน ถ้าใจหยุดถูกส่วนก็ไปถึงดวงปฐมมรรคเหมือนกัน และก็จะไปสู่ชั้นวิปัสสนา (เห็นด้วยตาธรรม) แต่วิธีที่วัดใช้ ง่ายและตรง
แต่ถึงอย่างไรก็ขอกล่าวว่านั่งวิธีไหนก็นั่งไปเถอะตามแต่ใจคุณชอบ ให้กิเลสมันหมดไปก็ถูกต้องแล้ว
ผู้ที่ทำนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)
#19
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 10:11 PM
ไม่ได้ตำหนิเพื่อนหนูนะ เพียงแต่เพื่อนหนูอาจฟังเรื่องเล่าต่อๆกันมา แล้วนำมาประติดประต่อกันเอง จึงอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่เป็นไรจ้า
ถ้าเขาใจกว้างพอ ก็เสวนาธรรมด้วยมธุรสวาจา ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ถ้าใจเขาปิดกั้น ก็เปิดใจรับฟังเขา ทำใจใสใส หยุดนิ่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส
เด็กเก่งและดี ต้องทำการบ้านของครูไม่ใหญ่ฯทุกๆวัน เชื่อมสายบุญกับท่านให้แน่น
บุญที่ยิ่งใหญ่นั้น มาจากศูนย์กลางกายจ้า
การดับทุกข์ละกิเลสต้องใช้ธรรมกายเจริญวิปัสสนา เพ่งอริยสัจ4 ทั้งอนุโลม ปฏิโลมจริง
แต่หลายท่านมักหลงเข้าใจว่าวิธีการของตนเองเป็นวิปัสสนา ของคนอื่นเป็นสมถะ จึงนำความเข้าใจตนมาแบ่งแยกเป็นสายโน้นสายนี้ แท้ที่จริงการเจริญวิปัสสนาเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงนั้นต้องผ่านขั้นตอนสมถะคือใจตั้งมั่นก่อน
ผู้ฝึกมาดีย่อมสงบเสงี่ยมไม่กล่าวอวดอ้างแบ่งแยก
การแบ่งแยก ถกเถียงกัน มักเกิดในแวดวงของนักวิจารณ์ที่ยังไม่ได้เข้าถึง ปฏิบัติแบบครึ่งๆกลางๆ
หายกลุ้มรึยังเอ่ย
#20
โพสต์เมื่อ 17 November 2006 - 11:52 PM

1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ

#21
โพสต์เมื่อ 18 November 2006 - 07:19 AM
ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะค่ะ แต่เอ้..เพื่อนใช้วิธีนี้นั่งสมาธิอยู่หรือว่าไม่เคยนั่งเลยแต่เคยแค่อ่านหรือว่าเคยได้ยินมาแค่นั่น
ถ้าเพื่อนไม่เคยนั่งสมาธิเลยก็...เอางี้ ถามเพื่อนว่าให้ลองมาใช้วิธีน้องดูซิ เพราะว่าถ้าเพื่อนยังไม่เคยลองจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ดี
ชวนเพื่อนมานั่งด้วยกันเลยดีกว่า พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จะได้เป็นกัลฯให้เพื่อนด้วย
#22
โพสต์เมื่อ 18 November 2006 - 01:29 PM
ความเห็นของทุกท่านที่ดีมากครับ สามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
#23
โพสต์เมื่อ 18 November 2006 - 04:54 PM
ลูกพระธรรม
#24
โพสต์เมื่อ 19 November 2006 - 09:33 AM
เมื่อเรายังนั่งไม่ถึงจุดที่ได้ผล ก็ยังไม่เห็นผล แล้วจะกล่าวว่า การทำดังนี้จะไม่เกิดผลนั้น ก็ไม่ได้
เหมือนคนสีไม้ให้เป็นไฟ ถ้าจำนวนครั้งที่สีไม้ยังไม่เพียงพอ ก็ยังไม่เกิดไฟ เวลาในระหว่างนี้ มีคนแนะนำอะไรก็อาจไขว้เขว แต่ความจริงก็คือเมื่อทำมากพอ เช่น สีครบร้อยครั้งก็จะเกิดไฟ ก็จะเกิดผลเห็นกับตาตัวเอง ความมั่นใจก็จะมาให้ประจักษ์เอง ก็ไม่ต้องกังวลอะไร
เมื่อครั้งคุณยายทองสุกท่านป่วยมากแล้วกำลังจะละโลก คุณยายอาจารย์(มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) ท่านก็กระซิบบอกคุณยายทองสุกว่า ให้เข้าพระนิพพานไปเลย นี้ก็เป็นประโยคนึงที่ยืนยันเห็นได้ชัดว่า การทำสมาธิวิธีนี้ก็นำไปสู่พระนิพพาน
#25
โพสต์เมื่อ 19 November 2006 - 05:51 PM












ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!
#26
โพสต์เมื่อ 19 November 2006 - 09:34 PM
Someday I'm gonna be free.
#27
โพสต์เมื่อ 20 November 2006 - 11:39 AM
#28
โพสต์เมื่อ 22 November 2006 - 12:04 AM



ข้าพเจ้า ขอประทานอภัย จาก ท่านทั้งหลายๆ ด้วยนะครับ ข้าพเจ้า ขอน้อมรับคำตำติ แต่เพียงผู้เดียวด้วยความเต็มใจ ครับ ...

ข้าพเจ้าขอเพิ่มเติม ภาพเหล่านี้ ฝากไว้ให้ได้ พิจารณาด้วยครับ


ข้าพเจ้าขอ อนุโมทนาบุญ กับ ทุกๆท่าน ด้วยอีกครั้งนะครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ...ครับ



ขอเชิญร่วม อนุโมทนาบุญ งานบุญกฐินพระราชทาน ที่ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก คลิ๊กที่นี้
Who am I?__>>> CLick Here <<< to see my answer Post # 7
.
รวมภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า: คลิ๊กที่นี้คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 58 files, 120.99 MB, for easy listening dharmas.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ D/L 121 really-good-to-read e-books, 295.67 MB.
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Free Download Manager ช่วย Download ไฟล์ใหญ่ๆ ต่างๆ ฟรีครับฟรี
คลิ๊กที่นี้ เพื่อ Download โปรแกรม Acrobat Reader V.5
.
The basic knowledge of Buddhism to become a better buddhist Edition 2 คลิ๊กที่นี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
-= Hillary Clinton =-.... >>>>>>> CLicK HeRe <<<<<< To Be wisher, To Be smarter, and To Know Better !!!