จะพูดโกหกว่าไม่มีก็ไม่ได้ พี่ๆ มีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนละมุนละม่อม อย่างไรกันบ้างครับ
เราปฏิเสธคนยืมเงินอย่างไรกันดี
เริ่มโดย สิริปโภ, Dec 23 2006 05:11 PM
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 05:11 PM
เรามีเงินในกระเป๋าอยู่แล้วนะครับ พอดีมีมีคนมายืมเงินเรา แล้วรู้อยู่แก่ใจว่า นายคนนี้ให้ยืมแล้วต้องไม่ได้คืนแน่นอน
จะพูดโกหกว่าไม่มีก็ไม่ได้ พี่ๆ มีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนละมุนละม่อม อย่างไรกันบ้างครับ
จะพูดโกหกว่าไม่มีก็ไม่ได้ พี่ๆ มีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนละมุนละม่อม อย่างไรกันบ้างครับ
#2
โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 05:26 PM
ขออนุญาตบอกวิธีที่เคยใช้โดยการนำคำสอนของหลวงพ่อทัตตะมาใช้ค่ะ ถ้าในเคสแบบนี้ก็คงต้องให้ค่ะ แต่ให้ในปริมาณที่เราคิดว่า เราอนุเคราะห์เขาได้ ไม่ว่าเขาจะคืนเราหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เหลือก็บอกว่าเราจำเป็นต้องใช้เหมือนกัน ถ้าจะยืมก็คงให้ได้เท่านี้ล่ะ เคยใช้แล้วได้ผลค่ะ หลังจากครั้งแรกทะเร่อทะร่าให้เขายืมไปเกือบครึ่งหนึ่งของเงินเดือน จนบัดนี้ผ่านมาสิบกว่าปี ได้คืนมาแค่ 500 แถมเขายังไม่พูดกับเราอีกด้วยค่ะ ต่อมาได้ฟังหลวงพ่อทัตตะสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยจำแบบเข้าไปอยู่ในใจ แล้วนำมาใช้ ปรากฏว่าได้ผลดีค่ะ
#3
โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 05:27 PM
คนโบราณ เค้าว่า ห้ามโกหก โดยพูดไปว่า ไม่มีเงิน เพราะ เดี๋ยวจะเป็นตามปาก
คงต้องบอกไปว่า เงินมี แต่ จำเป็นต้องใช้
ถ้าคนฟังเค้ามีเหตุผลพอ เค้าคงเข้าใจคะ
คงต้องบอกไปว่า เงินมี แต่ จำเป็นต้องใช้
ถ้าคนฟังเค้ามีเหตุผลพอ เค้าคงเข้าใจคะ
Do good, reap good; do evil, reap evil.
#4
โพสต์เมื่อ 23 December 2006 - 11:08 PM
ถ้ามีเงินแล้วไม่ให้คงยากล่ะครับ
บางทีก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราไม่ค่อยมีเงินเช่น หยิบยืมคนอื่นบ้าง
หรือ ใช้สอยอย่างประหยัด ไม่ค่อยฟุ่มเฟือย ไม่แต่หรูหราแต่งธรรมดา ๆ
แบบนี้พอใช้ได้หรือเปล่า
บางทีก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราไม่ค่อยมีเงินเช่น หยิบยืมคนอื่นบ้าง
หรือ ใช้สอยอย่างประหยัด ไม่ค่อยฟุ่มเฟือย ไม่แต่หรูหราแต่งธรรมดา ๆ
แบบนี้พอใช้ได้หรือเปล่า
หยุดคือตัวสำเร็จ
#5
โพสต์เมื่อ 24 December 2006 - 02:57 PM
บอกว่า ...เราต้องใช้เงินนี้
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#6
โพสต์เมื่อ 24 December 2006 - 04:58 PM
ผมไม่ค่อยมีเงินให้คนอื่นยืมล่ะ เพราะมีเมื่อไหร่ก็ปิดกองไปหมดเลย หุๆ
เงินมีแล้วก็ทุกข์น้อ เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมีเท่านั้น
เงินมีแล้วก็ทุกข์น้อ เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมีเท่านั้น
แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง
#7
โพสต์เมื่อ 25 December 2006 - 08:10 AM
บุญโตก็ไม่รู้มีกรรมอะไร ปฏิเสธใครไม่ได้เลย
บางครั้งมีอยู่น้อยนิดก็อุตสาห์แบ่งให้เค้าอีก
ไม่ให้ก็เอากลับมาคิด สงสารเค้า กลัวเค้าอด
มาคิดรวม ๆ กันแล้วเยอะมาก ๆ เลยที่ไม่ได้คืน
ปฏิเสธไม่เป็น...แถมทวงเงินคนไม่เป็นอีก
บางครั้งมีอยู่น้อยนิดก็อุตสาห์แบ่งให้เค้าอีก
ไม่ให้ก็เอากลับมาคิด สงสารเค้า กลัวเค้าอด
มาคิดรวม ๆ กันแล้วเยอะมาก ๆ เลยที่ไม่ได้คืน
ปฏิเสธไม่เป็น...แถมทวงเงินคนไม่เป็นอีก
#8
โพสต์เมื่อ 25 December 2006 - 11:05 AM
ผมว่าการที่ใครบ้างคนเอยปากขอยืมเงินเราได้นั้น แสดงว่าเค้าต้องใช้กำลังใจอย่างมากๆ ในการที่จะพูดออกมาได้ (หากปกติแล้วเค้าไม่ได้เป็นคนประเภทที่ชอบขอยืมเค้าไปทั่ว) นั้นแสดงว่าเค้าเดือนร้อนจริงๆ ผมคิวว่าเราควรช่วยเค้าตามกำลังที่เราจะช่วยได้ โดยไม่ลำบากตัวเราและครอบครัว เพราะไม่แน่เหมือนกันว่าตัวเราเองก็อาจมีเหตุจำเป็นต้องขอยืมเงินใครก็เป็นไปได้ แต่ทางที่ดีที่สุดต้องรวยครับ จะได้ไม่ต้องคิดมากเวลาใครขอยืมเงิน
#9
โพสต์เมื่อ 25 December 2006 - 07:53 PM
QUOTE
พอดีมีมีคนมายืมเงินเรา แล้วรู้อยู่แก่ใจว่า นายคนนี้ให้ยืมแล้วต้องไม่ได้คืนแน่นอน
ในเรื่อง"วิสาขามหาอุบาสิกา"คืนที่ธนัญชัยเศรษฐี(บิดา)ได้สอนนางสาววิสาขาในเรื่องการวางตัว มีสองข้อที่สอดคล้องกับสถานการณ์นี้- ไม่ให้กับผู้ที่ไม่ควรให้ เมื่อคนทุศีลมาขอยืม การให้ยืมอาจนำไปสู่วิบากเป็นพันธะของเจ้าหนี้-ลูกหนี้
- ให้กับผู้ที่ไม่ควรให้ เมื่อหมู่ญาติเดือดร้อนมาขอยืม แม้เขาจะไม่คืนก็ต้องให้เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลโดยไม่หวังผล
สังคมปัจจุบันจะขอกันตรงๆก็ไม่กล้าทั้งๆที่ผู้ขอไม่มีจะใช้ อาจเป็นเพราะกลัวเขาไม่ให้ และ เกรงว่าตนจะเสียหน้า จึงใช้คำว่า"ยืม"แทน ซึ่งเมื่อได้ไปแล้วก็มักจะไม่คืน พอเจ้าหนี้ทวงมักอ้างโน่นอ้างนี้ เกิดวิบากกรรม ลูกหนี้บางคนถึงขั้นหนีหนี้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ก็มี
QUOTE
มีวิธีหลีกเลี่ยงอย่างแนบเนียนละมุนละม่อม อย่างไรกัน
1.ถ้าเราจะไม่ให้ ก็ต้อง ตัดไฟแต่ต้นลม โดยอ้างเหตุของเราหรือญาติสนิทเราต้องใช้ทรัพย์ด่วน(ไม่มุสา) เช่น ช่วงนี้เราจะปิดกองฯ(ค้อนเงิน ค้อนทอง) หรือร่วมบุญกับหมู่ญาติทางธรรมต่างๆ เราก็บอกเขาไปตรงๆว่า ช่วงนี้เราต้องใช้เงินเหมือนกัน(แต่ไม่ต้องบอกเขา ขยายความว่าเอาไปใช้อะไร เพราะเป็นสิทธิ์ของเรา)
2.ถ้าจะอนุเคราะห์เขา แนะนำบางส่วน แบบพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
- เคยมีสาธุชนมาขอยืมเงินท่าน 2หมื่น(สมัยนั้นถือว่ามีค่ามากๆ)
- ท่านก็ตอบว่า"ไม่มีหรอก แต่จะให้ 2พัน โดยไม่ต้องมีพันธะต่อกัน"(ถ้าคุณนำทรัพย์ไปลงทุนแล้วได้เป้าหมายที่ต้องการ แล้วปรารถนาจะถวายเงินคืนก็ยินดี ถ้าคุณนำไปใช้แล้วสูญ ก็ไม่ถือว่าเป็นหนี้ต่อกัน เพราะฉันยกให้)
- สาธุชนก็ถามต่อว่า อ้าว แล้วจะหาจากไหนอีก หมื่นแปดล่ะ
- ท่านก็ตอบทำนองว่า ก็หาคนอย่างท่านอีก9คน แล้วจะได้ครบจำนวนไง
ซึ่งวิธีนี้ก็ดี เพราะ
1. เป็นการให้ด้วยจิตอนุเคราะห์ แม้จะเป็นคนทุศีลก็ได้กุศลมากกว่าให้สัตว์อื่นๆ
2. หากเขาไม่ประสบผลแล้วไม่คืน เขาคงไม่กล้าบากหน้ามาขออีก
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#10
โพสต์เมื่อ 26 December 2006 - 08:19 AM
ผมเห็นด้วยกับคำสอนของหลวงพ่อทัตตะนะครับ เคยใช้ได้ผล แต่สังเกตุว่า ตั้งแต่เข้าวัดมามีแต่คนชวนทำบุญ ไม่เจอคนยืมอีกเงินเลย จึงคิดว่าถ้าเราเลือกคบแต่คนที่เข้าวัดด้วยกันประเภทเดียว คงจะไม่มีใครคิดจะยืมเงินแน่นอน
แต่ถ้ายังมีเพื่อนประเภทนั้น ก็ใช้วิธีของหลวงพ่อทัตตะที่ว่า แต่หากเพื่อจะได้บุญเพิ่มทั้งผู้ที่จะให้และผู้ที่จะขอ (ยืม) คือ สัญญาว่าจะช่วยเหลือแก่ผู้ขอยืม หากเขาจะปรับปรุงตนเองให้เป็นคนดี โดยการชักชวนผู้ขอยืมเข้าวัด หากเขายอม ก็ช่วยเหลือชลอความเดือดร้อนให้เขาบ้างด้วยความจริงใจ เมื่ออยู่ในวัดแล้ว หาโอกาสให้เขาได้ฟังธรรมะจากหลวงพี่ที่เรารู้จักเคารพนับถือบ่อยๆ เขาคงจะค่อยๆเปลี่ยนนิสัย อาจจะเลิกนิสัยชอบเงินคนอื่นๆไปโดยปริยาย
ด้วยวิธีนี้ เราได้บุญจากทั้งในรูปของการทำทาน ได้บุญจากการเป็นกัลยาณมิตร และแนะนำผู้นำบุญคนใหม่ให้แก่วัดด้วย
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ตั้งใจช่วยสร้างคนดีให้แก่โลกทุกท่านครับ โดยเฉพาะการชักชวนให้คนเข้าวัดปฏิบัติธรรม เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในภาวะการณ์ปัจจุบันที่ ศาสนาอื่นๆกำลังสร้างเหตุการณ์รุนแรงให้พุทธบุตรของเราได้รับอันตรายอยู่ อย่างที่กำลังเกิดแก่พระใน 266วัด ในสี่จังหวัดภาคใต้ เราจึงต้องเอาชนะด้วยการช่วยกันทำความดีอย่างยิ่งยวด ในขณะเดียวกันต้องช่วยกันรักษาพุทธศาสนาของเราด้วยชีวิต อย่าประมาทนะครับ คิดถึงประวัติศาสตร์บ้างว่า ทำไมศาสนาพุทธของเราจึง หายไปจากอินโดเนเซีย หายไปจากบรูไน
ด้วยความเคารพครับ
แต่ถ้ายังมีเพื่อนประเภทนั้น ก็ใช้วิธีของหลวงพ่อทัตตะที่ว่า แต่หากเพื่อจะได้บุญเพิ่มทั้งผู้ที่จะให้และผู้ที่จะขอ (ยืม) คือ สัญญาว่าจะช่วยเหลือแก่ผู้ขอยืม หากเขาจะปรับปรุงตนเองให้เป็นคนดี โดยการชักชวนผู้ขอยืมเข้าวัด หากเขายอม ก็ช่วยเหลือชลอความเดือดร้อนให้เขาบ้างด้วยความจริงใจ เมื่ออยู่ในวัดแล้ว หาโอกาสให้เขาได้ฟังธรรมะจากหลวงพี่ที่เรารู้จักเคารพนับถือบ่อยๆ เขาคงจะค่อยๆเปลี่ยนนิสัย อาจจะเลิกนิสัยชอบเงินคนอื่นๆไปโดยปริยาย
ด้วยวิธีนี้ เราได้บุญจากทั้งในรูปของการทำทาน ได้บุญจากการเป็นกัลยาณมิตร และแนะนำผู้นำบุญคนใหม่ให้แก่วัดด้วย
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ตั้งใจช่วยสร้างคนดีให้แก่โลกทุกท่านครับ โดยเฉพาะการชักชวนให้คนเข้าวัดปฏิบัติธรรม เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในภาวะการณ์ปัจจุบันที่ ศาสนาอื่นๆกำลังสร้างเหตุการณ์รุนแรงให้พุทธบุตรของเราได้รับอันตรายอยู่ อย่างที่กำลังเกิดแก่พระใน 266วัด ในสี่จังหวัดภาคใต้ เราจึงต้องเอาชนะด้วยการช่วยกันทำความดีอย่างยิ่งยวด ในขณะเดียวกันต้องช่วยกันรักษาพุทธศาสนาของเราด้วยชีวิต อย่าประมาทนะครับ คิดถึงประวัติศาสตร์บ้างว่า ทำไมศาสนาพุทธของเราจึง หายไปจากอินโดเนเซีย หายไปจากบรูไน
ด้วยความเคารพครับ












