CASE STUDY
พระภิกษุลาว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC

น้อมนมัสการพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูงครับ
กระผม เข้าวัดพระธรรมกายได้ 13 ปีแล้วครับ กระผมเป็นพระที่ญาติโยมรู้จักกันในในประเทศลาว เพราะได้รับตำแหน่งทางการคณะสงฆ์ เป็นพระนักเขียนนักเทศน์ ออกรายการวิทยุ และโทรทัศน์ของประเทศลาว และขณะเดียวกัน ก็เป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่เข้าโรงเรียนทางจานดาวธรรม
กระผมเกิดที่ภาคใต้ของประเทศลาว เมื่ออายุได้ 5 ขวบ ก็มีเหตุต้องอพยพมาอยู่สุดชายแดนลาว ชีวิตช่วงนั้นได้รับความลำบากทุกรูปแบบ จนกระทั่งอายุได้ 7 ขวบก็ประสบเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องที่มีผลต่อสุขภาพ คือโดนวัวขวิดจนสลบไปหลายชั่วโมง โดนสุนัขกัดอย่างเอาเป็นเอาตาย และเริ่มเป็นไข้มาเลเรียตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และป่วยเป็นมาเลเรียแบบมาราธอนสุดๆ ป่วยแบบไม่บันยะบันยัง มาจนกระทั่งอายุ 28ปี (นับเป็นเวลาเกือบ 20ปีครับ) ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ต่อไปโรคนี้จะมาเยือนกระผมอีกเมื่อไร กระผมได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคนี้เป็นอย่างมาก คือจะเป็นไข้จับสั่น ซึ่งอาการจะกำเริบขึ้นเรื่อยๆ เตรียมตัวตั้งรับได้ทันบ้าง ไม่ทันได้ตั้งตัวบ้าง และตั้งแต่โยมพ่อเสียตอนกระผมอายุได้ 12 ปี เป็นเหตุให้กระผมตัดสินใจเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ตั้งแต่นั้นมาจวบจนถึงปัจจุบัน
กระผมเป็นคนใฝ่ในการเรียนทางด้านพุทธศาสนามาก คิดว่าหากเราจะอยู่ในเพศสมณะ เราจะต้องเรียนบาลี เรียนนักธรรม เรียนพระอภิธรรม เพราะนอกจากจะช่วยให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องแล้ว ยังทำให้เรานำไปสอนญาติโยมได้ด้วย เหตุนี้จึงทำให้กระผมตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย โดยมาพำนักอยู่วัดในจังหวัดอุบลราชธานี มาเรียนภาษาไทย เรียนนักธรรมตรี เรียนพระบาลี ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร สอบได้นักธรรมตรี ต่อมาโรคมาเลเรียกำเริบหนัก จนต้องย้ายไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ จากนั้นกระผมต้องย้ายสำนักเรียนไปที่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเรียนนักธรรมโท
แต่เหตุการณ์ที่คิดไม่ถึงก็มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ คือ ไข้มาเลเรียเกิดคิดถึงกระผมขึ้นมาอย่างมาก อาการของกระผม จึงกำเริบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนสอบเพียง 1วันเท่านั้น กระผมจึงต้องเข้าไปเยี่ยมเยียนโรงพยาบาลแบบไม่เต็มใจในที่สุด โดยมี “แม่ออก” (โยมผู้หญิง) 2 คน นำส่งโรงพยาบาล คือ แม่ออกอุด และ แม่ออกประภาศรี แก่นทอง แต่คุณครูไม่ใหญ่ทราบไหมครับ ว่าตอนนั้นกระผมคิดยังไง กระผมคิดว่าจะไม่ยอมให้การป่วยครั้งนี้ มาขัดขวางการสอบของกระผมได้อย่างแน่นอน ดังนั้น กระผมจึงยอมแพ้ แค่อยู่ให้น้ำเกลือ และให้ยาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง จากนั้น กระผมก็รีบลาคุณหมอ ออกมาสอบ ทั้งๆที่ตอนแรกถึงยังไงๆคุณหมอก็ไม่ยอม แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ความตั้งใจของกระผม กระผมเลยได้สอบนักธรรมโท และพระอภิธรรมชั้นจูฬอภิธรรมิกตรี ที่สำนักสอบคณะจังหวัดเชียงใหม่ สมความตั้งใจครับ และเมื่อประกาศผลออกมากระผมดีใจมากเลยครับ เพราะว่ากระผมสอบผ่าน แถมยังสอบพระอภิธรรมได้ที่ 10 ของประเทศไทยอีกด้วยคับ
การป่วยอย่างต่อเนื่องกินระยะเวลานานๆอย่างนี้ บางทีก็ทำท่าจะไม่ยอมหายใจ เกือบตายหลายครั้งแล้วครับ ทำให้กระผมเริ่มมาคิดว่า หากเราอยู่ห่างไกลบ้านเกิดคงไม่เหมาะ จึงตัดสินใจย้ายจากเชียงใหม่กลับไปอุบลราชธานี พร้อมกับเรียนอยู่ที่นั่น 6 ปี จึงย้ายไปประเทศลาว ไม่นานต่อมา ก็ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส และรองเจ้าคณะเมือง (รองเจ้าคณะอำเภอ) ซึ่งก่อนจะได้รับตำแหน่งนี้ มีอุปสรรคเข้ามามาก โดนโจมตีต่างๆนาๆ แต่ที่สุดก็ได้รับความเจริญก้าวหน้า ได้รับตำแหน่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับขั้น และเป็นพระที่รู้จักกันดีในประเทศลาว
ถึงแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่สิ่งหนึ่งที่กระผมมีความภูมิใจมากที่สุดก็คือ ได้เข้าวัดพระธรรมกาย รู้จักวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่สมัยเป็นเณร อายุ 17-18 ปี ได้มาร่วมงานบุญใหญ่ที่วัดเป็นประจำ 1 ปี มา 10 กว่าครั้ง มาอย่างตลอดต่อเนื่อง และรู้สึกคุ้นเคยกับหมู่คณะวัดพระธรรมกายเป็นอย่างมาก ล่าสุดในคืนวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2547 กระผมได้เดินทางมาร่วมหล่อพระสามแสนองค์สามแสนปลื้ม และรถได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่จังหวัดขอนแก่น ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 15 กิโลเมตร แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก แค่เย็บ 2 เข็มที่มือ นับว่าชีวิตของกระผมมีอุปสรรคอย่างมาก ถ้าหากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ต้องได้รับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ในที่สุดก็ได้รับจริงๆนะครับ
ขอเรียนถามคำถามพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ดังนี้
1.บุพกรรมใด ที่ทำให้กระผมเป็นโรคมาเลเรีย แบบมาราธอน และมีอาการเส้นกระตุก จะฉันได้ก็แต่ภัตตาหารที่อ่อนๆย่อยง่ายเท่านั้น แต่ละโรคที่กระผมเป็นมีมีสิทธิหายไหมครับ ชาติหน้าต้องมาเป็นอีกไหม และต้องแก้ไขอย่างไร
2.บุพกรรมใด กว่าจะทำอะไรสำเร็จแต่ละครั้งต้องเจอกับอุปสรรคอย่างหนักหน่วงเสมอ จะต้องแก้ไขอย่างไรครับ
3.กระผมจะมีบุญ และสามารถช่วยขยายงานพระพุทธศาสนาร่วมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไปยังประเทศลาวได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน และช่วยขยายงานในรูปแบบใด ถึงจะเหมาะสมกับตัวกระผมครับ
4.ทำไมชาตินี้ กระผมถึงได้บวชตั้งแต่ยังเด็ก และจะมีบุญสามารถบวชไปได้ตลอดไหมครับ
5.กระผมเป็นพระนักเขียน นักเทศน์ ที่มีผลงานออกมาอย่างมากมายในประเทศลาว กระผมเคยทำอย่างนี้มาในอดีตชาติหรือเปล่าครับ
6.ทำไม กระผมจึงมีอัธยาศัยชอบมาวัดพระธรรมกายองค์เดียว และไม่ได้คิดชักชวนใครมาด้วย แต่จะนำคำสอนของพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ไปใช้ในการเทศน์ สอนคนที่ประเทศลาว การกระทำแบบนี้ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าผิดผิดอย่างไร และควรที่จะทำหน้าที่อย่างไรเพิ่มเติมบ้างครับ
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
1.ลูกเป็นไข้มาเลเรีย ไข้จับสั่น เกือบ 20 ปีและมีอาการเส้นกระตุกบ่อยๆ บางครั้งเกือบตาย ฉันได้เฉพาะอาหารอ่อนๆย่อยง่ายเท่านั้น เพราะกรรมในอดีตลูกเคยเป็นทหารระดับหัวหน้า เป็นนายทหารผู้ใหญ่ของพระราชาองค์ที่ออกบวช

-
สมัยหนุ่มๆตอนเป็นทหารระดับผู้กอง ชอบลงโทษทหารในบังคับบัญชาที่ผิดวินัย ให้ลงแช่น้ำในฤดูหนาวจนกว่าตัวเองจะพอใจ เพื่อให้หลาบจำและอดทน ทำให้ทหารเหล่านั้นทุกข์ทรมานมากด้วยความหนาวเย็น เส้นกระตุก

-
ได้มีกรรมปาณาติบาตที่ออกรบติดตัวมา แต่มีบุญที่ออกบวชตามพระราชาตลอดชีวิตได้มาอุ้มไว้ ทำให้รอดชีวิตมาได้ตลอดทุกครั้ง

-
วิธีแก้ไขให้อุทิศบุญบวช และบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาไปให้คู่กรรมคู่เวรบ่อยๆ และให้บวชตลอดชีวิตเหมือนชาติที่ผ่านมาก็จะหายได้ เพราะกรรมตามไม่ทัน

2.ลูกเจออุปสรรคอย่างหนักหน่วงทุกครั้งก่อนงานสำเร็จ เพราะลูกมีจริตอัธยาศัยคิดงานใหญ่มาหลายชาติ ทำงานเอาจริงเอาจัง รวดเร็ว ทำให้คนเขาคิดตามไม่ทัน หมั่นไส้ เลยขัดขวาง แต่ในที่สุดก็สำเร็จด้วยบุญ คล้ายชีวิตของครูไม่ใหญ่

-
ลูกอย่าได้คิดว่าเป็นกรรมเลย คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเจอ เมื่อจะทำงานใหญ่ให้สู้ต่อไปด้วยสติปัญญาและกำลังใจอันสูงส่ง งานทวนกระแสกิเลสมนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้แหละ ต้องสู้จึงจะชนะ

3.ลูกได้ทำงานพระศาสนาร่วมกับครูไม่ใหญ่มาหลายชาติแล้ว ชาตินี้ก็ลุยต่อไปให้ตลอดชีวิตเหมือนชาติที่ผ่านมา อย่าไปท้อแท้หรือพ่ายแพ้อะไรต่ออะไรจนลาสิกขาบท

-
ให้ทำอย่างที่ทำดีอยู่แล้วแต่ต้องสร้างทีมงานให้มากๆ เพราะงานพระศาสนาเป็นงานใหญ่จะทำตามลำพังไม่ได้ และอย่าห่างพระเถรานุเถระ เพราะท่านมีประสบการณ์มากมาย แม้บางครั้งอาจจะมองคนละมุมก็ตาม

4.ที่ลูกได้บวชตั้งแต่เยาว์วัย เพราะชาติในอดีตตอนที่ลูกตามพระราชาออกบวช ลูกได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าขอให้ได้บวชตั้งแต่เยาว์วัย อย่าได้ทันสร้างกรรมใดๆ

-
เพราะชาติที่ผ่านมาออกบวชช้าได้ไปทำกรรมปาณาติบาต เพราะเป็นทหารต้องออกรบ ได้สลดสังเวชใจที่เห็นผู้คนตายทั้ง 2 ฝ่าย

-
ลูกมีบุญวาสนาที่จะบวชได้ตลอดชีวิต เพราะชาติที่ผ่านมาก็ออกบวชตลอดชีวิต ขอเพียงอย่างเดียวชาตินี้อย่าไปคิดมีเมียก็แล้วกัน

5.ที่ชาตินี้ลูกเมื่อบวชแล้วชอบเป็นนักเขียน นักเทศน์ มีผลงานมากมายในพระพุทธศาสนา เพราะอัธยาศัยนี้ติดข้ามชาติมา ตอนที่ลูกบวชเมื่อชาติก่อน ลูกเป็นนักเผยแผ่ นักเทศน์ นักสอน มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

-
แต่สร้างทีมงานน้อยไปหน่อย ดังนั้นชาตินี้ให้สร้างทีมงานเยอะๆ งานพระศาสนาจะได้ขยายกว้างไกล

6.คนคิดตามลูกไม่ทัน ลูกเลยถนัดมาวัดพระธรรมกายตามลำพัง เพราะถ้าจะชวนใครมาจะต้องเสียเวลาอธิบาย และตอบคำถามมากมาย จึงขี้เกียจชวนมา แต่ก็ได้นำสิ่งดีๆกลับไปแนะนำทุกคน ด้วยหัวใจของกัลยาณมิตรที่ติดข้ามชาติมา

-
ที่ลูกทำอย่างนี้ไม่ได้ผิดแต่ยังถูกไม่สมบูรณ์ เพราะสิบปากว่าไม่เท่ากับพาเขามาเห็น ลูกต้องใจเย็นๆ ต้องอดทนในการอธิบายด้วยเหตุและผลกับทุกๆคน

-
และถ้าจะให้ดีให้ลูกชักชวนเพื่อนสหธรรมิกหลายๆวัด มาอบรมพระกัลยาณมิตร ซึ่งครูไม่ใหญ่จะจัดให้เป็นกรณีพิเศษ อบรมเฉพาะหมู่คณะที่ลูกพามา

-
โดยจัดมาคณะละ 100 รูปขึ้นไป จะทำให้ลูกมีทีมงานที่ใหญ่ขึ้น งานพระศาสนาจะได้ขยายได้รวดเร็วทันใจ
