Case study
เวียนเกิดอยู่บนสวรรค์ 6 ชั้น ถึง 7 รอบ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
  • ในสมัยพุทธกาล  มีภิกษุณีรูปหนึ่งชื่อว่า “สุเมธา”   ภายหลังท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านได้เล่าอดีตชาติของท่านให้ฟังว่า เมื่อครั้งสมัยพระพุทธเจ้า พระนามว่า “โกนาคมนะ” ท่านสุเมธาภิกษุณีเกิดเป็นลูกสาวของเศรษฐีตระกูลหนึ่งในกรุงพาราณสี
 
 
  • ในครั้งนั้นท่านกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเป็นลูกสาวของเศรษฐีเช่นกัน ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมาวัดหนึ่ง ทำด้วยความประณีต ประดับประดาด้วยเครื่องตบแต่งทุกอย่าง   มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
 
 
  • เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ได้มอบถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข
 
 
  • ด้วยกรรมนั้น   ส่งผลให้ละโลกแล้วไปบังเกิดในเทวโลกเป็นหมื่นครั้ง เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ได้เป็นถึงมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ
 
 
  • ต่อมาในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า “กัสปะ” พระเจ้ากิกี เป็นกษัตริย์ครองกรุงพาราณสี และเป็นอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า
 
 
  • พระเจ้ากิกีมีพระราชธิดา 7 พระองค์ แต่ละพระองค์ล้วนมีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ต่างตั้งใจบำรุงดูแลพระพุทธเจ้าพระภิกษุสงฆ์ และตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์
 
 
  • ท่านสุเมธาภิกษุณี ได้เกิดมาเป็นพระสหายของพระราชธิดาเหล่านั้น ก็ได้ตั้งใจรักษาศีล  ได้ถวายทานโดยเคารพ ประพฤติพรหมจรรย์เช่นกัน
 
 
  • ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนี้ ในชาตินั้นละจากโลกแล้ว ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จุติจากดาวดึงส์แล้วไปสวรรค์ชั้นยามา จุติจากสวรรค์ชั้นยามานั้นแล้วไปชั้นดุสิต จุติจากชั้นดุสิต ไปชั้นนิมมานรดี จุติจากนิมมานรดีแล้วก็ไปชั้นปรนิมมิตวสวัตตี    
 
 
  • จุติจากสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีนั้นแล้วเกิดในมนุษย์ ได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ และพระเจ้าแผ่นดินประเทศเอกราช เสวยสมบัติทั้งในสวรรค์ และมนุษย์ มีความสุขทุกชาติ
 
 
  • ในชาติสุดท้าย ได้เกิดเป็นพระธิดาของพระอัครมเหสีของพระเจ้าโกญจะ กรุงมันตาวดี ชื่อว่า “สุเมธา” ได้เห็นโทษภัยในการครองเรือน จึงออกบวช และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
 
 
  • การบำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนา มีการถวายทานเป็นต้น เมื่อกระทำด้วยจิตเลื่อมใส กระทำด้วยความเคารพในทาน มีความตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ผลย่อมส่งไปให้มีแต่ความสุขทั้งในสวรรค์ และมนุษย์ เป็นปัจจัยให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด
 
 
  • การเกิดอยู่ในสวรรค์ เวียนเกิดไปตามชั้นต่างๆ  ตั้งแต่สวรรค์ชั้นล่างไปถึงชั้นสูงสุดนั้น ก็มีอดีตชาติของคนในยุคปัจจุบันนี้เช่นกัน ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้
 
 
  • มีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่ง เคยเกิดเป็นสามีภรรยากันมานานหลายกัปแล้ว ในชาตินั้นสามีภรรยาคู่นี้ได้สร้างบุญในพระพุทธศาสนา เช่นทำทาน สร้างวัด สร้างพระเจดีย์ บูชากราบไหว้เจดีย์ มักนำเครื่องสักการะไปกราบไหว้พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
 
 
  • หลังจากนั้นด้วยบุญนี้จึงทำให้ไปเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสวรรค์เป็นเวลานาน  โดยเริ่มจากสวรรค์ชั้น “ดาวดึงส์”  เมื่อจุติจาก “ดาวดึงส์” ก็ไปเกิดในสวรรค์ชั้น “ยามา”  เมื่อจุติจากชั้น “ยามา” ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้น “ดุสิต”  เมื่อจุติจาก “ดุสิต” ก็ไปเกิดบนชั้น “นิมมานรดี”  เมื่อจุติจาก “นิมมานรดี”  ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้น  “ปรนิมมิตวสวัตตี” 
 
 
  • และเมื่อจุติจาก “ปรนิมมิตวสวัตตี”  ก็ลงมาเกิดใน “นิมมานรดี”  และลดหลั่นลงมาถึง “ดาวดึงส์”  และลงมา “จาตุมหาราชิกา”  แล้วก็วนกลับไปกลับมา 7 รอบ
 
 
  • แล้วจึงลงมาเกิดเป็น “พระราชา” และ “พระราชินี” ในแคว้นใหญ่ โดยเป็น “เอกราช” อีกเป็น “พันครั้ง” แล้วก็มาเป็นพระเจ้าประเทศราชอีกจำนวนมากๆครั้ง 
 
 
  • จนเวลาผ่านไปแสนกัป ด้วยความประมาทในชาติที่เป็นพระราชาเรื่อยมา ได้ใช้แต่บุญเก่า จึงทำให้บุญลดถอยลง อ่อนลงจนกระทั่งปัจจุบันมาอยู่ในระดับเป็น “เชื้อพระวงศ์” ของประเทศหนึ่ง
 
 
  • ในระหว่างที่เป็นพระราชา   ชาติท้ายๆ ยังมี “กรรม” เกี่ยวกับการ “ช่วงชิง” ทางการเมือง คล้ายๆกับที่กำลังประสบอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะกำลังบุญอ่อนลง ไม่เหมือนตอนมีบุญมากที่เขา “เชิญ” ให้เป็น (บุญมาก “เชิญ” บุญอ่อน “ชิง”)    
 
 
  • ในอดีตชาติช่วงที่บุญอ่อนและต้องช่วงชิงนั้น ก็เคยได้ไปกดขี่ญาติพี่น้องและคุกคามถึงขั้นเนรเทศด้วย แต่กรรมยังไม่ส่งผลในชาตินี้ เพราะยังมีบุญที่พอทำอยู่บ้างในระหว่างเวียนว่ายตายเกิด มาค้ำจุนไว้จึงอยู่ในระดับ “ถูกกด” เอาไว้
 
 
  • จริงๆแล้วจะต้องถูก “ปลงพระชนม์” หรืออย่างน้อยก็ถูกเนรเทศ แต่บุญยังคุ้มครองเอาไว้ ได้แค่ถูก “กด” และถูก “กัน” ไม่ถึงกับถูกทำร้ายถึงชีวิต  
 
 
  • ดังนั้นก็ไม่ควรจะน้อยใจ เพราะในชาติหลังๆตอนเป็นพระราชาประเทศราชก็ ฆ่า คุกคาม และกด กันเขาเอาไว้เยอะ จึงต้องมาเกิดในยุคที่ประเทศมีสงคราม “ช่วงชิง” อำนาจกัน
 
 
  • ให้ทำบุญในพระพุทธศาสนาให้มากๆ ดังที่เคยทำมาในอดีตกาลนานโพ้น ให้ยกย่อง เชิดชู ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สร้างวัดวาอาราม บวชพระ เป็นต้น     
 
 
  • อีกทั้ง “มูลนิธิ” ที่ตั้งเพื่อสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ก็ให้ทำต่อไป แต่ให้หนักไปในทางทำนุบำรุงคุณธรรม และจิตใจพุทธบริษัท4
 
 
  • แล้วอธิษฐานจิตกำกับว่า เมื่อได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้วอย่าได้ประมาทในการดำเนินชีวิตให้สั่งสมบุญทุกบุญให้มากๆ บาปไม่ทำเลย ไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งเข้านิพพาน
 
 
  • ส่วนเรื่องที่โดนแรงกดดันอะไรต่างๆ จากไหนก็ตาม   อย่าไปยึดมั่นถือมั่น  ให้ทำใจใสๆ  และอโหสิกรรมแล้วหมั่นทำความดีเรื่อยๆ
 
 
  • ไปเอาดีในภพเบื้องหน้าเถอะ จะได้ไม่มีเวรมีภัย ไม่ผูกเวรกันไป ตัดวงจรล้างผลาญกันข้ามชาติให้มันจบกันในชาตินี้ 
 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง