CASE STUDYคฤหาสน์ผีสิง สก็อตแลนด์เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMCกราบแทบเท้าคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
ลูก เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในวิทยาอยู่ที่สก็อตแลนด์ค่ะ เข้าวัดเมื่อปี 2547 เพราะได้มีโอกาสไปร่วมงานตักบาตรและปฏิบัติธรรมที่บ้านกัลยาณมิตรท่านหนึ่งที่สก็อตแลนด์ ลูกจึงรู้จักกับหมู่คณะและได้ติดจานดาวธรรมแล้วค่ะ ขณะนี้ลูกได้เปิดบ้านของลูกเป็นบ้านกัลยาณมิตรเพื่อรวมคนมาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ(Meditation) ลูกเองมีความตั้งใจว่าจะช่วยหลวงพ่อขยายจานดาวธรรมเพื่อเผยแผ่วิชาธรรมกายไปทั่วสก็อตแลนด์และหมู่เกาะอังกฤษเลยค่ะพื้นเพลูกเป็นคนจังหวัดอุดรธานี ในวัยเด็กลูกมีชีวิตที่ลำบากมาก เพราะ คุณแม่ เสียชีวิตตั้งแต่ลูกอายุ 2 ขวบ และลูกก็ไม่แน่ใจว่าพี่น้องทั้งหมดนั้นมีกี่คน แต่เท่าที่จำความได้มีด้วยกันห้าคน คือ มี พี่สาว 3 คนและน้องสาวหนึ่งคน ลูกเป็นลูกสาวคนที่สี่ สำหรับพี่สาวทั้งสามคนลูกไม่มั่นใจเลยว่าพวกเธอเป็นพี่แท้ๆของลูกรึเปล่า เพราะจากสิ่งที่รับรู้ พี่ๆไม่รักลูกและน้องเลย เมื่อลูกอายุ 6 ขวบ น้องสาวอายุ 4 ขวบ พวกเธอให้ลูกเลี้ยงน้องเล็กๆ อยู่ตามลำพัง บางครั้งยังดุด่าและทุบตีทำร้ายร่างกายลูกอย่างรุนแรง ชอบพูดให้ลูกเจ็บช้ำน้ำใจเสมอว่า เกลียดน้องคนนี้จริงๆ ลูกเองก็เที่ยวถามใครต่อใครว่าพวกเธอเป็นพี่แท้ๆของลูกหรือเปล่า หลายๆคนก็บอกว่าใช่ แต่ทำไมใจร้ายจัง คุณพ่อ นั้นไม่มีเวลาให้ลูกและน้องเลยเพราะท่านต้องเอาวัวออกไปเลี้ยงนานๆครั้งถึงจะกลับบ้าน แล้ววันหนึ่งคุณพ่อก็พาแม่เลี้ยงใหม่มาอยู่ที่บ้านด้วยกัน แม่เลี้ยง นั้นไม่ยอมให้ลูกและน้องกินข้าวเลย เวลาออกไปไหนหรือไปทำอะไร เธอก็จะเอากระติ๊บใส่ข้าวเหนียวแขวนไว้บนขื่อใต้หลังคาบ้าน ซึ่งลูกเองไม่สามารถที่จะปีนเอาลงมาได้ แต่ในเมื่อน้องของลูกหิว ลูกจึงต้องหาวิธีการนำไม้ยาวๆมาผูกกับมีดเพื่อตัดเชือกให้ขาดแล้วกระติ๊บใส่ข้าวถึงจะหล่นลงมา บางวันกระติ๊บใส่ข้าวก็หล่นลงมาโดนหัวน้องสาวเกือบแย่ไปเลยคุณพ่อ เลี้ยงพวกเราแบบทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ เกือบทุกๆวัน ตัวลูกบ่อยครั้งต้องอุ้มน้องไปวัดใกล้บ้าน เพื่อขอข้าวก้นบาตรมารับประทาน แต่บางวันก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อสามเณรเดินมาบอกว่า “วันนี้ไม่มีข้าวเหลือเลย” หลายครั้งที่ลูกและน้องก็ต้องทำใจ เมื่อข้าวที่วัดเหลือเพียงแค่ก้อนเดียว แล้วสามเณรก็ให้หมาที่วัดมันกิน ลูกเองก็เล็กมากแต่ต้องเป็นหลักในการหาเลี้ยงน้องสาวเล็กๆอีกหนึ่งคน ถ้าเมื่อไรลูกอด น้องก็อดตามไปด้วย เราทั้งสองต้องอดมื้อไม่ได้กินหลายมื้อเป็นอยู่อย่างนี้ จนน้องสาวต้องมาเสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 4 ขวบ ซึ่งขณะนั้นลูกเด็กมากเกินกว่าจะเข้าใจว่าน้องสาวเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ที่รู้ๆลูกเสียใจมาก ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตามน้องไปด้วยอีกคนหลังจากนั้นพี่สาวทั้งสามยิ่งรุมดุด่าตบตีลูกอย่างทารุณทุกวัน ทำร้ายลูกจนหูอื้อตาลาย แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือพี่สาวแท้ๆของลูก ในที่สุดลูกก็ทนไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านไป ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้นเอง แต่บุญของลูกคงพอจะมีอยู่บ้าง จึงได้มาเจอกับหญิงสาวชาวเวียดนามคนหนึ่ง ซึ่งเธอรับลูกไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม แล้วเธอยังสอนให้เรียนรู้วิชาการทางด้านเสริมสวยจนลูกอายุได้ 13 ปีพี่ๆก็ตามมาพบ แล้วเอาตัวลูกไปอยู่กับพี่สาวคนที่สาม พี่สาวคนนี้นำลูกไปขายให้กับร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในราคาเพียง 5 พันบาท เจ้าของร้านใช้งานลูกอย่างหนัก ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เวลากินก็ไม่ได้กิน เวลานอนก็แทบจะไม่มีเลย ลูกถูกกังขังให้ทำงานเยี่ยงทาส อยู่ในห้องเล็กๆตามลำพัง จนญาติเจ้าของร้านรวมทั้งแม่ครัวทนไม่ไหว จึงแอบช่วยลูกโดยใช้ผ้าขาวม้าหลายๆ ผืน ผูกต่อกัน แล้วหย่อนตัวลูกออกมาทางหน้าต่าง เพื่อช่วยให้ลูกหนีไปจากนรกบนดินแห่งนั้นต่อมาลูกจึงมาสมัครทำงานเป็นลูกจ้าง อยู่ในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ผลจากการทำงานด้วยความขยันขันแข็งของลูก ภายในเวลาไม่นาน ลูกก็สามารถเปิดร้านเสริมสวยได้ด้วยตัวเอง ร้านที่ลูกเปิดจัดได้ว่าเป็นร้านขนาดใหญ่ มีเด็กในร้านเป็นจำนวนมาก และกิจการของลูกก็มีแนวโน้มจะเจริญก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนหลายคนไม่เชื่อว่า เจ้าของกิจการแห่งนี้ เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นต่อมาวันหนึ่งมีลูกค้าได้พาผู้ชายชาวต่างชาติมาแนะนำให้ลูกรู้จัก ผู้ชายคนนั้นบอกว่า รู้สึกชอบลูกมาก และได้ขอหมายเลขบัญชีธนาคารของลูก เพื่อโอนเงินให้ใช้ฟรีๆ ทุกเดือนๆ ละ 5 หมื่นบาท เป็นเวลา 2 ปี แต่ลูกไม่เคยใช้เงินของเขาเลย เพราะกลัวว่าเขาจะมาทวงคืน แล้วลูกคงไม่มีเงินใช้คืนแน่ เขาไม่ทวงเงินคืนแต่เขาขอแต่งงานด้วย เมื่อลูกตกลงแต่งงานกับเขาแล้ว เราได้ไปอยู่กินด้วยกันที่ประเทศเยอรมัน จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนระหว่างนั้นลูกก็เริ่มทำธุรกิจไม้นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ลูกเองไม่มีความรู้ทางด้านธุรกิจเลย เขียนหนังสือก็ไม่ได้ อ่านหนังสือก็ไม่ออก แต่ธุรกิจที่ทำกลับประสบความสำเร็จดี ทำให้ลูกมีภาระมากขึ้น ไม่ค่อยมีเวลาให้กับสามี ช่วงนั้น สามี ก็ต้องเดินทางมาติดต่อทำการค้าที่เมืองไทยเป็นประจำ เขาจึงแอบไปมีผู้หญิงใหม่อยู่ที่เมืองไทย อีกทั้งโอนเงินของครอบครัวส่งเสียเลี้ยงดูซื้อบ้านให้เธออีกด้วย ลูกขอให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ทำไม่ได้ ลูกจึงต้องเป็นฝ่ายพาลูกสาวหนีกลับเมืองไทย โดยไม่ได้นำทรัพย์สมบัติใดๆ ติดตัวมาเลย เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว สามีก็ตามมาขโมยลูกสาวไปอยู่กับเขา จากคนที่รักก็กลายเป็นศัตรูกัน ลูกได้ตามไปทวงขอลูกสาวคืน แต่เขาไม่ยอมคืน ลูกจึงตัดสินใจฟ้องศาล แต่สามีกล่าวหาว่าลูกเป็นฝ่ายไปมีชู้แล้วพาลูกสาวหนีไป เขาจึงต้องไปรับลูกสาวมาดูแล สถานการณ์กลับกัน ลูกโดนสามีฟ้องให้ศาลตัดสินว่าต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน และลูกก็แพ้คดี ด้วยเหตุนี้ลูกจึงต้องย้ายไปเปิดบริษัทเสื้อผ้านำเข้าจากประเทศไทย อยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ เพื่อนำเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน ตามคำสั่งของศาล
ก็เป็นเหมือนอย่างเคยกิจการของลูกก็รุ่งเรืองขายดิบขายดี มีลูกค้าตรึม และสามารถทำรายได้เป็นอย่างดี จนมีเงินเหลือเฟือส่งไปเลี้ยงครอบครัวพี่สาวทั้งสามที่อยู่เมืองไทยอีกด้วย เนื่องจากการทำธุรกิจนี้เอง ลูกจึงได้รู้จักกับนักธุรกิจหนุ่มฐานะดีหลายคนที่มาชอบและติดพันลูก แต่ไม่มีใครเอาชนะใจลูกเลย จนกระทั่งมีหนุ่มเมืองผู้ดีชาวอังกฤษคนหนึ่ง เขาเป็นทนายความ มีความสนใจในธุรกิจนำเข้า เขาจึงมาปรึกษาการทำธุรกิจนำเข้ากับลูก เพราะเห็นว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านนี้ เราทั้งสองจึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกันบ่อยๆจนคุ้นเคยสนิทสนมกัน และเมื่อเขาขอแต่งงาน ลูกจึงไม่อาจปฏิเสธเขาได้ เราหมั้นกันไว้ก่อนแล้วแต่งงานในภายหลัง
หลังแต่งงานกันแล้วเราทั้งสองมีความสนใจจะทำธุรกิจใหม่ร่วมกันคือ รับจ้างรัฐบาลสก๊อตแลนด์เลี้ยงเด็กออทิสติก เราได้ไปซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งที่สก๊อตแลนด์ เพื่อทำธุรกิจนี้ คืนแรกที่ลูกนอนในคฤหาสน์หลังนั้น ขณะกำลังเคลิ้มๆจะหลับก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในห้อง แต่.. เขาไม่มีแขนไม่มีขา เขาค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาลูกที่กำลังนอนอยู่ พอถึงก็นอนลงข้างๆลูก แล้วเขาก็มองมาที่หน้าลูก ทั้งเนื้อทั้งตัวของลูกขยับได้อยู่ที่เดียวคือ ปาก จึงรวบรวมกำลังใจถามเขาไปว่า “คุณคือใคร มานอนข้างๆฉันทำไมเดี๋ยวแฟนฉันเข้าใจผิดนะ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” แต่คำตอบที่ได้จากร่างนั้นคือ “ฉันนี้แหละคือเจ้าของบ้านตัวจริง ฉันเป็นทหาร ได้รับมรดกให้ครอบครองบ้านหลังนี้แต่ผู้เดียว” หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ลูกอยากรู้ว่าความจริงเป็นยังไง จึงให้ สามี ไปสืบหาข้อมูลได้ความว่า บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของนายทหารท่านหนึ่งซึ่งตายในระหว่างทำสงคราม หลังจากนั้นบ้านหลังนี้จึงตกเป็นของรัฐบาลทันทีลูกได้ใช้คฤหาสน์ทำธุรกิจเลี้ยงเด็ก ออทิสติก ซึ่งมีจำนวน 52 คน ที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ความคิด การติดต่อสื่อสารรวมถึงการเข้าสังคมอีกด้วย ขณะที่ทำธุรกิจเลี้ยงเด็กเหล่านี้อยู่ ลูกมีทั้งความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป ความสุขก็คือช่วยเหลือพวกเขา ความทุกข์เพราะต้องเผชิญกับปัญหาหรืออาการต่างๆ ที่เด็กแสดงออกมา เช่น บางคนซุกซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ร้องไห้ไม่หยุด บางคนก็ทำร้ายตัวเอง กัดมือตัวเอง โขกหัวกับผนังหรือพื้น บางคนถึงขนาดควักลูกตาตัวเองออกมาโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย แต่ก็มีบางคนที่มีพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ จะเงียบเฉย ไม่เรียกร้องความต้องการใดๆ เลี้ยงง่ายผิดปกติ มักจะแยกไปเล่นกับตัวเองตามลำพัง นั่งโยกอยู่กับที่ โบกมือไปมา หรือบางคนมีความผิดปกติในเรื่องของการรับรู้ร่วมด้วย เช่น มีอาการหูแว่ว คือ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาพูดคุยด้วย หรือมีอาการประสาทหลอน เช่น เห็นผี เห็นหนอนยั๊วเยี๊ย ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่จริงถึงกระนั้นลูกก็ยังรักและต้องการจะทำธุรกิจรับเลี้ยงพวกเขาเหล่านี้ต่อไป แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สามีของลูกได้ถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลัง เขายักยอกเงินจากธุรกิจของบริษัท พร้อมกับปลุกปั่นคนในบริษัทให้ก่อความวุ่นวาย สามีของลูกยื่นข้อเสนอจะให้เงินแก่เขาหนึ่งแสนปอนด์ เพื่อให้เขาออกไปจากธุรกิจนี้ แต่เขาไม่ยอมรับ สามีจึงต้องฟ้องศาลเพื่อขอความยุติธรรมกราบถามคำถามดังนี้ค่ะ
1. บุพกรรมใดชีวิตในวัยเด็กของลูกถึงลำบากมากและบุพกรรมใดที่ทำให้ลูกและน้องสาวต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พี่สาวทั้งสามเป็นพี่สาวแท้ๆของลูกหรือไม่ค่ะ ทำไมพวกเธอถึงเกลียดลูกนัก เราทำกรรมอะไรร่วมกันมาจึงได้เป็นพี่น้องกันคะ
2. กรรมใดลูกจึงถูกพี่สาวคนที่สามนำไปขาย คนบางคนถูกนำไปขายให้ไปเป็นโสเภณี บางคนถูกนำไปขายเพื่อเอาไปใช้แรงงานอย่างที่ลูกเป็น มีบุพกรรมต่างกันอย่างไรคะ
3. บุญใดที่ทำให้มีผู้มาช่วยเหลือลูกเสมอ ได้อยู่กับชาวเวียดนาม จนตั้งตัวได้จากอาชีพเสริมสวย ได้มีคนช่วยออกจากร้านขายก๋วยเตี่ยว ทำไมลูกประสบความสำเร็จในธุรกิจทุกด้าน แม้ไม่รู้หนังสือ เป็นเพราะบุญใดคะ
4. พ่อ, แม่ และน้องสาวของลูก ตายแล้วไปไหน มีความสุขดีหรือไม่ ต้องการบุญอะไรเป็นพิเศษหรือไม่อย่างไรคะ
5. กรรมใดที่ทำให้ลูกต้องพลัดพรากจากลูกสาว และโดนสามีฟ้อง จนศาลตัดสินให้ต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน
6. มีทหารในสงครามเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนั้นจริงหรือไม่คะ ถ้าเป็นจริงเขามาแสดงตัวให้ลูกเห็นทำไมคะ และตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคะ
7. บุพกรรมใดสามีคนปัจจุบันจึงถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลัง และเกิดมีคดีความขึ้น ลูกและสามีควรทำอย่างไรคะ จึงชนะคดี และไม่มีเวรกรรมต่อกันอีก
8. บุพกรรมใดที่ทำให้ลูกต้องมาดูแลเด็กออทิสติกถึง 52 คนค่ะ เด็กเหล่านั้นมีบุพกรรมใดถึงเป็นโรคออทิสติก มีทางป้องกันแก้ไขหรือไม่อย่างไรคะ
9. การยกบ้านของลูกให้เป็นบ้านกัลยาณมิตร เพื่อรวมคนมาปฏิบัติธรรมจะได้บุญอย่างไรบ้างคะ ลูกและสามีคนปัจจุบันเคยสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะมาหรือไม่อย่างไรคะ
ฝันในฝันหลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ1. วัยเด็กลูกต้องลำบาก เพราะ ...กรรมในอดีตลูกได้เป็นลูกสาวเศรษฐี พ่อ – แม่เลี้ยงดูแบบ “ตามใจ” จึงมักชอบเที่ยวเล่นเพลิดเพลินโดยไม่ค่อยคิดที่จะดูแลพ่อ - แม่ รวมกับในชาติอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีบุญเลี้ยงดูบิดามารดา
- และในชาติที่เป็นลูกสาวเศรษฐีมักจะเอาแต่ใจตัวเอง เพราะถูกพ่อแม่ตามใจ จึงชอบดุด่า ทุบตี ทำร้ายข้าทาสบริวาร และถ้าไม่พอใจ ก็จะเอาข้าทาสไปขายแก่ผู้อื่น
- อีกทั้งมีความ “ตระหนี่” ไม่ค่อยได้ทำทาน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ลำบากในวัยเด็กและมาเป็นลูกกำพร้า , แม่ตายแต่เด็กและพ่อก็ไม่ได้ดูแล
- ส่วนพี่สาวแท้ ๆ ทั้ง 3 ก็คือ อดีตทาสที่ถูกเฆี่ยนตีในชาตินั้น และถูกนำไปขายให้เขาใช้แรงงาน ได้ “ผูกเวร” เอาไว้ ได้ตามมาเกิดร่วมในชาตินี้ จึงเกลียดลูกมากจ่ะ!
2. พี่สาวคนที่สาม ก็คือ ทาสในชาติอดีต ที่ตัวเองทุบตี ทำร้ายและขายให้ผู้อื่นใช้แรงงาน ได้ “ผูกเวร” กันมาในชาตินี้ มาเจอกันจึงนำลูกไปขายบ้าง
- คนบางคนถ้ามีกรรมกาเมก็จะถูกนำไปขายเป็น “โสเภณี” , ส่วนบางคนถูกไปขายแรงงาน ก็เพราะตระหนี่ และ กดขี่แรงงาน เป็นต้น
3. ถัดจากชาติที่เป็นลูกเศรษฐีมา ก็ไปลำบากอยู่หลายชาติ โดยไปเป็นทาสและถูกข่มขี่ทรมาน จึงมักเอาอาหารไปเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ และได้อธิษฐานว่า ชาติต่อไปอย่าได้ลำบากอีก
- ต่อมาพุทธันดรที่แล้วได้มาเจอหมู่คณะ , โดยไปเกิดเป็น “คนรับใช้” ในบ้านของเศรษฐีผู้ใจบุญ และได้มาเจอหมู่คณะ ได้ตั้งใจสร้างบารมี โดยมีเศรษฐีผู้ใจบุญได้สนับสนุน ให้ทำทาน , รักษาศีล , เจริญภาวนา เท่าที่ตัวเองจะทำได้
- แต่เวลาทำมักจะปีติยินดีตอนกำลังทำและภายหลังทำแล้ว แต่ก่อนทำก็ไม่ปีติยินดี , บางครั้งก็มักจะคิดน้อยใจ เปรียบเทียบกับคนที่เขาทำบุญเยอะว่า เราไม่มีโอกาสทำบุญได้เยอะเหมือนเขา ใจเลยไม่ใส
- เลยทำให้อกุศลกรรมแห่งความตระหนี่ และกรรมทำร้ายข้าทาสได้ช่อง ทำให้ในวัยต้นในชาตินี้ มีความลำบาก
- แต่บุญที่ทำกับหมู่คณะและบุญที่มีความเมตตาต่อสัตว์ดังกล่าว จึงทำให้มีผู้มาช่วยเหลือเสมอ เช่น ชาวเวียดนามช่วยให้มีความรู้เรื่องเสริมสวย มีคนช่วยจากร้านขายก๋วยเตี๋ยว ทำให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้หนังสือ และได้มีโอกาสมาเจอหมู่คณะอีกจ่ะ!
4. พ่อตายแล้วก็ไปอยู่ “ยมโลก” ด้วยกรรมดื่มสุราและฆ่าสัตว์ทำเป็นอาหารและฆ่าขาย กำลังโดนเจ้าหน้าที่ฆ่าชำแหละก่อนถูกกรอกน้ำทองแดงร้อน มีความทุกข์ทรมานมาก
- ให้ลูกทำบุญทุกบุญแล้วอุทิศไปให้พ่อบ่อย ๆ ก็จะทำให้พ่อมีอายุสั้นลงในยมโลกและพ้นวิบากกรรมในที่สุดจ่ะ!
- ส่วนแม่และน้องสาวตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์นานแล้วจ่ะ!
5. ลูกต้องพลัดพรากจากลูกสาว และถูกอดีตสามีคนแรกฟ้องให้ส่งค่าเลี้ยงดูลูกสาวทุกเดือน เพราะ ...กรรมในอดีตชาติที่เป็นลูกสาวเศรษฐี เวลาทาสในเรือนคลอดลูกสาวเล็ก ๆ ออกมา ได้ยกให้เพื่อนตัวเองที่มาขอเอาไปเลี้ยง , จึงทำให้ทาสหญิงที่เป็น แม่ของเด็กทุกข์ทรมานใจมาก
- ส่วนที่อดีตสามีคนแรกฟ้องให้ส่งค่าเลี้ยงดูลูกสาวนั้น ก็เป็นเหตุในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดจากวิบากกรรมในอดีต
- ให้ลูกคิดว่าลูกได้ทำหน้าที่แม่ ที่ได้เลี้ยงดูลูกสาวก็แล้วกัน ใจจะได้ใส ๆ จ่ะ!
6. ทหารเจ้าของคฤหาสน์เก่าได้ตายในที่รบ แต่ยังมีจิตผูกพันกับคฤหาสน์ จึงได้กลับมาอยู่วนเวียนเฝ้าจ่ะ!
- เขามาแสดงตนให้ลูกเห็น เพื่อจะบอกให้รู้ว่า เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ในตอนเป็นมนุษย์ และเขาก็ยังอยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่ได้มากวนอะไรลูก คือ ต่างคนก็ต่างอยู่แบบภพซ้อนภพจ่ะ!
7. สามีคนปัจจุบัน ถูกผู้ร่วมหุ้นหักหลังและเป็นคดีความกันเพราะ...ในอดีตก็เคยเป็นหุ้นส่วนทำการค้าร่วมกัน ซึ่งในชาตินั้นเขาก็ทำเหมือนชาตินี้
- เนื่องจากในชาตินั้น เขา “เข้าใจผิด” ว่า สามีของลูกได้เอาเปรียบ จึงได้แกล้งทำให้เกิดความปั่นป่วนกันขึ้นมาในกิจการ กระทั่งต้องทะเลาะกันเป็นคดีความ แล้วขายกิจการทิ้งไป แล้วแบ่งเงินกัน
- ซึ่งเขาก็คิดว่าเขาน่าจะได้เงินมากกว่านี้ จึง “ผูกเวรกัน” ว่า ชาติต่อไปจะต้องมาเอาคืนบ้าง จึงทำให้เกิดปัญหาในชาตินี้ดังกล่าว
- ลูกและสามีก็ต้องทำใจไม่ผูกเวรกับเขา แต่เรื่องกฎหมายก็เป็นเรื่องกฎหมายจ่ะ!
8. ในชาติที่เป็นลูกสาวเศรษฐี มักชอบเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนฝูง ด้วย “เหล้า” อยู่เป็นเนืองนิตย์ , เมากันทั้งชายหญิง ตั้งแต่ค่ำยันรุ่ง ด้วยวิบากกรรมนี้ จึงทำให้มีจิตยินดีในการเลี้ยงเด็ก “ออทิสติก” 52 คนจ่ะ!
- ให้ลูกนึกว่าสงเคราะห์โลกก็แล้วกัน จิตจะได้เป็นบุญ ที่เกิดจากการช่วยเหลือคนที่มีวิบากกรรมสุรามาก็แล้วกันจ่ะ!
- เด็กเหล่านี้ มีวิบากกรรมสุรา , ยาเสพติด ตามมาส่งผลจ่ะ!
- ก็ให้ลูกเลี้ยงดูเขาด้วยจิตเมตตา , ส่วนกรรมส่วนตัวของเขา เราก็คงจะไปแก้ไขไม่ได้จ่ะ!
9. การยกบ้านให้เป็นบ้านกัลยาณมิตร ให้ผู้มีบุญมาปฏิบัติธรรมนั้น ก็จะทำให้มีบุญพวกพ้อง ที่จะทำให้เรามีพี่น้อง, หมู่ญาติ, เพื่อนฝูง , สิ่งแวดล้อมสังคมที่ดี ที่เกื้อกูลต่อการสร้างบารมีของเรา แม้ละโลกไปแล้ว ก็จะมีบริวารมากมายในเทวโลกจ่ะ!
- ลูกก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง” ส่วนสามีก็เคยสร้างมาด้วย แต่บางชาติก็เจอกัน , บางชาติก็ไม่เจอกัน
- ดังนั้นชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ใน ทุกบุญอย่างเต็มกำลัง แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
http://goo.gl/585YU