เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMCราชองครักษ์ชาตินักรบ
ตอนที่ 15คำถาม2.พุทธันดรที่ผ่านมา กระผมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร บุพกรรมใดที่ทำให้ได้มาเทศน์สอนให้คนเข้าใจวัดและการสร้างบารมีของหมู่คณะครับกราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงฝันในฝันหลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะพวกของลูกก็พากันเดินให้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันสะพานก็ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดมากยิ่งขึ้น แล้วทุกคนก็หันมามองหน้ากันเหมือนจะส่งสัญญาณให้รู้กันว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องวิ่ง ทุกคนก็รีบโกยแน่บวิ่งแบบสุดชีวิตไปพร้อมๆกันในทันที สะพานก็โยกเยกไปมาอย่างรุนแรง ดูท่าสะพานจะไม่ไหวแล้ว
และในที่สุดพวกลูกทุกคนก็ก้าวพ้นสะพานมาจนได้ สะพานก็โคลงเคลงโยกเยกไปมา ดูน่ากลัวแต่ก็ยังไม่หักโค่นลง นี่ก็เป็นเพราะความรอบคอบของลูกที่ได้จัดการซ่อมแซมสะพานก่อนในตอนแรก จนทำให้สะพานแข็งแรงมากพอที่จะข้ามไปได้
จากนั้น ลูกก็ได้สั่งให้ทุกคนหยุดพักผ่อนก่อนเพื่อจัดตั้งขบวนใหม่ แล้วเมื่อฝนซาเม็ดลง ลูกก็สั่งให้ทั้งหมดเตรียมเดินทางต่อ ในตอนนั้นแม้ทุกคนจะดูเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจะหมดแรงไปตามๆกัน แต่ทุกคนก็ยังกัดฟันสู้และมุ่งหน้าต่อไป
แล้วลูกน้องของลูกก็เข้ามารายงานว่า ข้างหน้ามีขบวนคาราวานกำลังใกล้เข้ามา ลูกจึงตัดสินใจเดินหน้าไปสังเกตการณ์ จึงพบว่าขบวนคาราวานที่เห็นอยู่ข้างหน้านั้น น่าจะเป็นขบวนคาราวานที่ทางข้าหลวงในเมืองจัดส่งตามมา เพื่อให้การช่วยเหลือพวกของลูก ลูกจึงสั่งให้ทั้งหมดรอขบวนคาราวานนี้ก่อน อย่าเพิ่งออกเดินทาง
ในที่สุด เมื่อขบวนคาราวานช่วยผู้ประสบภัยมาถึง ก็ได้เข้ามาถามลูกและทุกๆคนว่า พวกลูกเป็นใคร มาจากไหน ลูกก็ได้ตอบไปว่า นี่เป็นขบวนชาวบ้านที่ประสบภัยพิบัติซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเชิงเขา ทั้งหมดกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง เพราะเสบียงและหยูกยาที่เตรียมมาใกล้จะหมดแล้ว จึงตัดสินใจนำคนเจ็บออกมาดีกว่าปล่อยไว้ที่หมู่บ้าน
ทางผู้นำขบวนคาราวานของผู้ประสบภัย จึงได้แจ้งกับลูกว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะเข้าไปช่วยพวกชาวบ้านเลยก็แล้วกัน” อีกทั้ง ได้ขอโทษที่ขบวนเดินทางมาถึงช้า เพราะติดฝนและถนนหนทางก็เละเป็นโคลนตม รถขนเสบียงคอยจะติดหล่มตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องหยุดขบวนอยู่เรื่อยๆเป็นระยะๆ ทำให้การเดินทางนั้นล่าช้ามาก และยังชื่นชมการตัดสินใจของลูกว่า ดีมากที่ใช้แต่ขบวนม้าเพราะคล่องตัวกว่า สามารถเดินทางได้ไวกว่า และหากขบวนของลูกไม่ได้เข้ามาช่วยชาวบ้านตั้งแต่แรก เหตุการณ์จะต้องเลวร้ายกว่านี้อีกมาก เพราะพวกชาวบ้านที่ติดอยู่ใต้โคลนคงจะเสียชีวิตไปหมดแล้ว
ลูกได้ส่งตัวชาวบ้านผู้ประสบภัยให้กับขบวนคาราวารช่วยดูแลรักษาพยาบาล ส่วนตัวลูกก็คอยช่วยดูแลความสะดวกอยู่ที่บริเวณนั้น จากนั้น ก็ได้ชวนให้ลูกน้องของลูกทุกคนทานข้าวทานปลากัน และนั่งพูดคุยกันรอบกองไฟ โดยลูกได้กล่าวชมเชยทุกๆคนที่ช่วยกันทำหน้าที่เป็นอย่างดี ทุกคนได้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงและเสียสละช่วยพวกชาวบ้าน มันเป็นความภาคภูมิใจของหน่วยรบพิเศษที่ทุกคนจะขอเก็บมันเอาไว้ในใจของทุกคนตลอดไป
ณ เวลานี้ สายตาที่ลูกน้องมองลูกก็ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว มันกลายเป็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก เคารพ และเชื่อมั่นในตัวลูกมาก แล้วลูกน้องของลูกก็ได้บอกว่า “นายกองเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างนี้ แล้วจะให้พวกผมยืนดูเฉยๆได้หรือครับ” ลูกน้องของลูกอีกคนก็พูดขึ้นบ้างว่า “แม้ว่านายกองกับพวกผมจะไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่พวกเราก็จะขอตายวันเดียวกันครับ” ลูกได้ยิ้มให้กับลูกน้องทุกคน สักพักพวกชาวบ้านที่ยังพอเดินได้กับลูกเล็กเด็กแดง ได้พากันเดินมาเป็นกลุ่มๆ ทั้งหมดพากันเดินเข้ามาหาลูกแล้วต่างก็เอาช่อดอกไม้ป่าที่สานกันเป็นพวกมาลัย มาคล้องที่คอของลูกและลูกน้องของลูกทุกคน และพวกชาวบ้านก็ให้ตัวแทนมากล่าวขอบคุณลูกที่ได้เป็นคนช่วยชีวิตพวกเขาไว้ และบอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรจะตอบแทน นอกจากพวกมาลัยดอกไม้ป่าที่เก็บมาจากป่า ชาวบ้านทุกคนล้วนประทับใจลูกและทีมงานทุกคนมาก พวกเขาทุกคนจะขอจดจำและขอเก็บความประทับใจนี้ที่มีต่อตัวลูกและทีมงานของลูกทุกคน ไว้ในใจของพวกเขาตลอดไป แล้วลูกก็จับมือชาวบ้านไว้ พร้อมกับพูดว่า “มันเป็นหน้าที่ของทหารอยู่แล้วที่จะต้องช่วยเหลือชาวบ้านในเวลาที่ทุกคนเดือดร้อน แม้ด้วยชีวิต และขอขอบคุณชาวบ้านทุกคน ถ้าไม่ได้ทุกๆคนที่คอยช่วยเหลือกันคงไม่สามารถช่วยคนอื่นได้มากขนาดนี้”
ต่างคนก็ต่างเล่าความประทับใจ กล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก จากนั้น ต่างคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนให้หายจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมากว่าสองสัปดาห์โปรดติดตามตอนต่อไป....
http://goo.gl/zF4S4