มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู
อย่าลบหลู่คุณท่าน

    บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด เป็นกษัตริย์ก็ตาม เป็นพราหมณ์ก็ตาม เป็นแพศย์ก็ตาม เป็นศูทรก็ตาม เป็นคนจัณฑาล คนเก็บขยะก็ตาม ผู้นั้นจัดเป็นคนสูงสุดของบุรุษนั้น

    งานหลักของมวลมนุษยชาติ คือการสร้างบารมีไปสู่อายตนนิพพาน เพราะเราเกิดมาภพชาติหนึ่ง ก็เพื่อสั่งสมบุญบารมีเท่านั้น บุญที่เราได้ทำไว้ดีแล้ว จะเป็นเสบียงในการเดินทางข้ามวัฏสงสารอันยาวไกล เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต คือ การทำจิตให้บริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ให้เข้าถึงพระธรรมกาย เข้าถึงความสุขอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของมวลมนุษยชาติ

    ในอัมพชาดก บัณฑิตในกาลก่อนได้กล่าวสรรเสริญคุณของผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ไว้ว่า

ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา    สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา
ยมฺหา ธมฺมํ วิชาเนยฺย    โส หิ ตสฺส นรุตฺตโม

    บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด เป็นกษัตริย์ก็ตาม เป็นพราหมณ์ก็ตาม เป็นแพศย์ก็ตาม เป็นศูทรก็ตาม เป็นคนจัณฑาล คนเก็บขยะก็ตาม ผู้นั้นจัดเป็นคนสูงสุดของบุรุษนั้นŽ

    วิชาความรู้เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า เพราะมนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ ก็ด้วยอาศัยวิชาความรู้ดังคำที่ว่า มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสนŽ ดังนั้นครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้จึงเป็นผู้มีพระคุณที่ศิษย์พึงเคารพนอบน้อม และมีความกตัญญูกตเวที ยิ่งถ้าให้ความรู้ในทางธรรมที่ทำให้พ้นทุกข์ได้ ยิ่งมีพระคุณมหาศาล ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ ย่อมประสบความสุขความเจริญ ส่วนคนที่อกตัญญูลบหลู่ดูหมิ่นผู้มีพระคุณย่อมเสื่อมจากลาภ และเกียรติยศชื่อเสียง ดังชายหนุ่มคนหนึ่งในอดีตกาล

    *ในครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดในหมู่บ้านคนจัณฑาลแห่งหนึ่ง ท่านรู้วิธีร่ายมนตรŒที่ทำให้มะม่วงออกดอกออกผล แม้ไม่ใช่ฤดูมะม่วงก็ตาม ทุกวันท่านจะตื่นแต่เช้าตรู่คว้าหาบออกจากบ้าน เข้าป่าไปหาต้นมะม่วง  เมื่อเขาร่ายมนตรŒแล้ว ต้นมะม่วงก็ผลิดอกออกผลอย่างน่าอัศจรรย์ และผลที่ออกมานั้นก็สุกทันที มีรสชาติหวานหอมเป็นพิเศษ ใครลิ้มรสแล้วเป็นต้องติดอกติดใจ ท่านได้เก็บผลมะม่วงเหล่านั้นขายเลี้ยงชีพเป็นประจำทุกวัน 

    ต่อมามีชายหนุ่มคนหนึ่ง เห็นพระโพธิสัตว์นำมะม่วงมาขายในเวลาที่ไม่ใช่ฤดู ก็รู้ว่าท่านจะต้องมีวิชาดีที่ทำให้มะม่วงออกดอกออกผลนอกฤดูกาลได้เป็นแน่ เขาอยากจะได้วิชานี้มาก จึงรีบไปยังบ้านของพระโพธิสัตว์ อุปัฏฐากรับใช้ช่วยเหลือการงานทุกอย่าง จนกระทั่งภรรยาของพระโพธิสัตว์เกิดความเมตตา อ้อนวอนให้สอนวิชาให้แก่เขา แม้พระโพธิสัตว์จะดูลักษณะของเขาแล้วรู้ว่า ชายคนนี้เป็นคนไม่ซื่อสัตย์อกตัญญู และชอบลบหลู่คุณท่าน ไม่อยากรับเป็นศิษย์ แต่ขัดภรรยาไม่ได้ เพราะชายหนุ่มมีอุปการคุณ จึงถ่ายทอดมนต์ให้

    เมื่อเขาเรียนสำเร็จแล้ว ท่านก็กล่าวย้ำว่ามนต์นี้มีค่าประมาณไม่ได้ ถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่ชอบ ลาภสักการะใหญ่หลวงจะเกิดขึ้น แต่มีข้อแม้ว่าหากพระราชามหาอำมาตย์หรือใครก็ตามถามว่า ไปเรียนมนต์นี้มาจากไหน ใครเป็นอาจารย์ จะต้องตอบไปตามความเป็นจริง เพื่อเป็นการเพิ่มคุณธรรม ของตนเอง และจะทำให้อานุภาพของมนต์นี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป มิฉะนั้นอานุภาพของมนต์จะเสื่อมหายไปทันที

    เขารับปากอาจารย์แล้วกราบลาจากไป ในระหว่างทางก็ได้ทดลองมนต์ไปด้วย พบว่าใช้ได้ดี เมื่อถึงเมืองหลวง เขาสามารถขายมะม่วงเลี้ยงชีพได้ทรัพย์มามากมาย

    วันหนึ่ง นายอุทยานมาซื้อมะม่วงจากเขาไปถวายแด่พระราชา พระราชาเสวยแล้ว ทรงพอพระทัยยิ่งนัก จึงตรัสถามว่าได้มะม่วงมาจากที่ไหน นายอุทยานกราบทูลว่า ซื้อมาจากพ่อค้ามะม่วงคนหนึ่ง พระองค์จึงรับสั่งว่า แต่นี้ต่อไปมะม่วงที่นำมาถวายพระองค์ให้นำมาจากพ่อค้าคนนี้เท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงได้ถวายมะม่วงแด่พระราชาเป็นประจำทุกวัน

    ต่อมาพระราชาได้เรียกเขาไปเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามว่า นอกฤดูกาลแล้วมะม่วงยังมีอยู่หรือ เขากราบทูลว่า ตนมีมนต์วิเศษที่สามารถเสกมะม่วงได้ ไม่ว่าจะในฤดูกาลไหนŽ พระองค์มีพระประสงค์จะดูความสามารถของเขา จึงรับสั่งให้ทดลองทำให้ดูท่ามกลางมหาชน ในขณะที่เขาแสดงอานุภาพแห่งมนต์นั่นเอง พลันปรากฏผลเป็นอัศจรรย์ ต้นมะม่วงที่ไม่มีผลก็ผลิดอกออกผล แล้วมะม่วงสุกก็ร่วงหล่นลงมาดังกับสายฝน มหาชน และเหล่าข้าราชบริพารต่างพากันชื่นชม ปรบมือกันเสียงดังสนั่น

    พระราชาจึงพระราชทานทรัพย์มากมายแก่เขา แล้วตรัสถามว่า เรียนมนต์มาจากที่ไหนŽ
 
    เขาคิดว่า ถ้าเราบอกว่าเรียนมาจากคนจัณฑาล ก็จะได้รับความอับอาย และเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง คนอื่นจะไม่นับหน้าถือตา และยังจะถูกมหาชนดูถูกดูหมิ่นเอาอีกด้วยŽ จึงกราบทูลว่าเรียนมาจากสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์Ž พร้อมๆกับที่เขากล่าวมุสา มนต์ก็เสื่อมในทันทีโดยที่เขาไม่รู้ตัว

    เมื่อพระราชาได้สดับว่าเรียนจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระองค์ทรงปีติโสมนัส รับสั่งให้เขาเข้ามารับใช้ในพระราชวัง วันรุ่งขึ้นทรงมีพระประสงค์จะเสวยมะม่วงอีก จึงเสด็จไปที่พระราชอุทยาน รับสั่งให้ชายหนุ่มร่ายมนตร์ เพื่อเอาผลมะม่วงมา เสวย เขายืนห่างจากต้นมะม่วงในระยะ ๗ ก้าว แล้วร่ายมนตร์ด้วยความชำนิชำนาญ แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารู้ตัวทันทีว่ามนต์นั้นได้เสื่อมไปเสียแล้ว จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ และนึกถึงคำพูดของอาจารย์ขึ้นมาทันทีว่า อย่าโกหก

    พระราชาตรัสถามว่า วันก่อนเวลาที่เจ้าร่ายมนตร์ ผลมะม่วงก็เกิดขึ้นมากมายแต่วันนี้ทำไมถึงทำไม่ได้ เขาได้กราบทูลเลี่ยงไปว่า วันนี้คำนวณวันเวลาไม่ดี อานุภาพของมนต์ เลยไม่ปรากฏŽ พระราชาทรงแปลกพระทัยจึงตรัสถามว่า ก่อนหน้านี้ เวลาร่ายมนตร์ไม่เห็นพูดถึงเรื่องฤกษ์ยามเลย  เห็นมองอยู่เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็สำเร็จตามต้องการ วันนี้เป็นอย่างไรกันŽ
 
    เขาไม่อาจกล่าวเท็จต่อพระองค์ได้อีกต่อไป จึงสารภาพความจริงว่า อาจารย์ซึ่งเป็นคนจัณฑาลได้เป็นผู้บอกมนต์ให้ แต่เพราะความละอายว่า อาจารย์เป็นคนจัณฑาล ข้าพระองค์จึงโกหกว่า เรียนมนต์มาจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์ มนต์ที่ได้มาจึงเสื่อมไปŽ 

    เมื่อพระราชาได้สดับดังนั้นก็ทรงกริ้ว ตรัสว่า ชายคนนี้ เป็นคนชั่วช้าลบหลู่คุณของครูบาอาจารย์ จนมองไม่เห็นรัตนะอันประเสริฐ ผู้ที่ได้วิชาอันมีค่ายิ่งประดุจรัตนะเช่นนี้แล้ว ควรเคารพบูชากตัญญูต่ออาจารย์ เรื่องชาติตระกูลไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใดŽ แล้วพระองค์ก็รับสั่งให้เฆี่ยนตีบุรุษผู้อกตัญญู ลบหลู่คุณอาจารย์ แล้วเนรเทศออกไปจากเมือง

    เพราะฉะนั้น ความกตัญญูมีความสำคัญมาก โบราณท่านสอนว่า เราจะดูว่าบุคคลใดเป็นคนดี ควรคบหาสมาคมด้วยหรือไม่ ก็ต้องดูที่ความกตัญญูรู้คุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เป็นครูบาอาจารย์แล้ว ยิ่งต้องให้ความเคารพ แม้จะเป็นครูบาอาจารย์กันเพียงวันเดียวหรือครู่เดียวก็ตาม ธรรมดาของบัณฑิต  เมื่ออาศัยนั่งหรือนอนที่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใด ก็ไม่ควรหักราน กิ่งก้านของต้นไม้นั้น พึงเป็นผู้รู้คุณท่าน ไม่ลบหลู่ดูหมิ่น แล้วเราจะเป็นผู้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

    ให้มีความกตัญญูดุจเดียวกับพระสารีบุตรเถระ ที่ระลึกถึงคุณของราธพราหมณ์ แม้ตักบาตรถวายข้าวเพียงทัพพีเดียว ท่านก็ได้ตอบแทนพระคุณ จนกระทั่งพระราธะได้บรรลุคุณวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ยิ่งไปกว่านั้น เราควรแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อตนเอง ด้วยการทำชีวิต ที่ได้เกิดมาด้วยกายมนุษย์นี้ ให้เป็นชีวิตที่ทรงคุณค่าสูงสุด โดยหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง จนเกิดเป็นกายธรรมเข้าถึงผู้รู้แจ้งที่อยู่ภายใน คือพระธรรมกาย
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
*มก. อัมพชาดก เล่ม ๖๐ หน้า ๒๑๐ 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง