จันทกุมาร บำเพ็ญขันติบารมี (๓)จันทกุมาร บำเพ็ญขันติบารมี (๓)มีหลายคนต้องการเรียนรู้เรื่องของชีวิตให้จบ แต่เขาเหล่านั้นมักจบชีวิตไปก่อน เพราะความไม่รู้ว่ามีสิ่งมีค่าอยู่ในตน จึงดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่ไม่เป็นสาระนอกตัว สุดท้ายก็ไม่พบอะไร ต้องเผชิญกับสุขปนทุกข์ มีทั้งสมหวังและผิดหวัง หากมนุษย์รู้ว่า สิ่งที่ตนกำลังแสวงหาอยู่นั้น อยู่ที่กลางกายของตน สามารถเข้าถึงได้ด้วยการหยุดใจ เมื่อนั้นชีวิตย่อมไม่ต้องดิ้นรนอีกต่อไป จะพบชีวิตภายในที่เป็นความสุขอันแท้จริง เป็นชีวิตที่หยุดยั้งความทะยานอยาก ทำความทุกข์ให้คลาย เปลี่ยนจากชีวิตที่มืดมนอนธการให้สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรมภายใน นี่คือเส้นทางการแสวงหาที่แท้จริง ที่ทำให้รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร หากทำได้เช่นนี้ ย่อมได้ชื่อว่าเกิดมามีกำไรชีวิตอย่างแท้จริงมีธรรมภาษิตที่ปรากฏใน ขุททกนิกาย ชาดก ว่า“ลูกเอ๋ย ลูกอย่าเชื่อคำนั้น ข่าวที่ว่า สุคติจะมีเพราะเอาบุตรไปบูชายัญ ทางนั้นเป็นทางไปนรก ไม่ใช่ทางไปสวรรค์ ลูกรัก ลูกจงให้ทาน อย่าได้เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง นี่เป็นทางไปสู่สุคติสวรรค์ ส่วนการไปสู่สุคติ ไม่ใช่เพราะเอาบุตรบูชายัญ”ชีวิตหลังความตายยังเป็นความมืดมนสำหรับมนุษย์ทั้งหลาย เพราะยังไม่ได้รู้แจ้งในโลกทั้งปวง มนุษย์มากมายต่างก็ปรารถนาจะไปสวรรค์ เพราะรู้ว่าสวรรค์เป็นดินแดนแห่งการเสวยสุข แทบทุกศาสนาจะกล่าวถึงสวรรค์ไว้ว่าเป็นดินแดนที่นำแต่ความสุขมาให้อย่างเดียว มนุษย์จึงพยายามทำตามที่ตนเข้าใจ แม้บางคนอยากไปสวรรค์ แต่เพราะขาดกัลยาณมิตร สัมมาทิฏฐิยังไม่บริบูรณ์ จึงหลงไปทำผิด แทนที่จะได้ไปสวรรค์ กลับต้องไปเสวยทุกข์ในมหานรกเป็นเวลายาวนาน แม้มีความตั้งใจดี แต่เพราะวิธีการไม่ถูกต้อง นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งเรามาติดตามเรื่องของพระเจ้าเอกราช ผู้ปรารถนาไปสวรรค์กันต่อ พระองค์ฝันเห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่ได้ที่ปรึกษาผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิว่า หากนำพระโอรสไปฆ่าบูชายัญ พร้อมด้วยช้าง ม้า วัว ควาย ผลแห่งยัญจะดลบันดาลให้พระองค์ได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ เรื่องราวเหล่านี้ พวกเราฟังแล้วอาจไม่อยากเชื่อ เพราะเรามีสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ แต่เหตุการณ์เหล่านี้มีในโลกนี้จริงๆหลวงพ่อได้เล่าถึงว่า กัณฑหาลพราหมณ์ผู้ผูกอาฆาตในจันทกุมาร ได้คิดอุบายว่า “ถ้าเราให้จับแต่จันทกุมารคนเดียว มหาชนก็จะรู้ว่า เราทำไปเพราะผูกเวรกับพระกุมาร ฉะนั้น เราจะต้องให้พระราชาจับมหาชนร่วมด้วย พระราชาจะได้ไม่สงสัย” จากนั้นพราหมณ์แนะนำให้ใช้พระขรรค์ตัดศีรษะพระราชบุตร และมหาชนทั้งหลาย เพื่อจะได้เอาโลหิตในลำคอที่รองรับด้วยถาดทองคำทิ้งลงไปในหลุมบูชายัญ พระองค์ก็จะได้เสด็จไปสู่เทวโลกตามที่ได้ทรงสุบินไว้พวกชาววังได้สดับเรื่องที่พระราชาและกัณฑหาละปรึกษากัน ต่างตกใจกลัว พากันโจษขานกันว่า “พระกุมารและพระมเหสีทั้งหลายจะต้องถูกฆ่า” ราชตระกูลทั้งหมดได้เป็นดุจป่าไม้รังที่ลมยุคันตวาตพัด ต่างร้องห่มร้องไห้ พราหมณ์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระมหาราช นี่เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้พระองค์ได้ไปสวรรค์ พระองค์ยังทรงกล้าที่จะทำบูชายัญที่เป็นอติทานนี้หรือไม่ พระเจ้าข้า”เนื่องจากพระราชาถูกโมหะเข้าครอบงำและเป็นผู้ขาดสติปัญญา เมื่อถูกพราหมณ์ยุแหย่ จึงหน้ามืดตามัว หลงทำการบูชายัญอย่างไร้ความปรานี พราหมณ์ทูลเท็จว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงให้จับสัตว์อย่างละ ๔ จำพวก มาไว้กลางลาน ข้าพระองค์จะทำพิธีในหลุมบูชายัญ” จากนั้น พวกพราหมณ์ได้พาพรรคพวกของตนออกจากเมืองไปเตรียมหลุมบูชายัญและให้ล้อมรั้วไว้ ที่พราหมณ์ทำเช่นนี้ เพราะกลัวจะมีสมณะหรือพราหมณ์ผู้ทรงธรรม มาห้ามพิธีบูชายัญ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พราหมณ์ในสมัยโบราณ บัญญัติไว้ว่า หลุมยัญต้องล้อมรั้วจึงจะเป็นจารีต การบูชายัญถึงจะสำเร็จได้พระราชาทรงมีรับสั่งให้ราชบุรุษไปจับพระราชโอรส พระราชธิดาทั้งหมดและพระมเหสีทุกพระองค์ มารวมกันที่กลางลาน ราชบุรุษรับราชโองการไปดำเนินการทันที จันทกุมารตรัสว่า “พระราชาให้ท่านมาจับเราตามคำของใคร” ราชบุรุษทูลว่า “ตามคำของกัณฑหาลพราหมณ์ พระเจ้าข้า”จันทกุมารพิจารณาเหตุทั้งหมด ทรงเข้าใจแจ่มแจ้งด้วยปรีชาญาณว่า “ที่กัณฑหาล พราหมณ์ทำเช่นนี้ เพราะผูกใจเจ็บกับเรา” จึงตรัสบอกราชบุรุษว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านจงทำตามพระราชบัญชาของพระบิดาเถิด พวกราชบุรุษได้นำพระจันทกุมารมาที่พระลานหลวง โดยพระกุมารมิได้แสดงอาการขัดขืน ทั้งๆ ที่ทรงมีพละกำลังมาก มีอานุภาพมาก แต่เห็นว่าหากขัดขืนก็จะเกิดการเข่นฆ่าล้มตายกันมากมาย จึงรักษาใจให้สงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อความตายที่จะมาเยือน ทรงรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อหาทางแก้ปัญหานั้นพระราชาทรงรับสั่งให้ไปจับมหาเศรษฐีประจำเมืองทั้ง ๔ คน มาด้วย เมื่อมหาเศรษฐีทั้ง ๔คน ถูกจับ ชาวเมืองเกิดโกลาหล ต่างรวมกลุ่มกันล้อมเศรษฐีไว้ไม่ยอมให้จับ และช่วยกันไปทูลอ้อนวอนพระราชาให้ทรงไว้ชีวิตเศรษฐีเหล่านั้น แม้พวกเศรษฐีพร้อมด้วยบุตร และภรรยาจะพากันอ้อนวอนขอชีวิตอย่างไร ก็ไม่เป็นผลสำเร็จพวกราชบุรุษให้มหาเศรษฐีทั้งหมดถอยกลับไป และคุมตัวเศรษฐีทั้งหมดให้นั่งใกล้กับพระราชกุมาร พระราชาทรงรับสั่งให้นำช้าง ๔ เชือก ม้าอัสดร ๔ ตัว โคอุสุภราชอีก ๔ ตัวมาบูชายัญด้วย ทรงประกาศว่า พรุ่งนี้เช้าจะบูชายัญ พวกอำมาตย์ข้าราชบริพารบางคนรีบไปกราบทูลพระราชมารดาและพระราชบิดาของพระเจ้าเอกราช พระราชมารดาทรงตกพระทัย รีบเสด็จมาขอร้องว่า “ลูกเอ๋ย อย่าเชื่อคำที่ว่า สุคติจะมีเพราะเอาบุตรบูชายัญ ทางนั้นเป็นทางไปนรก ไม่ใช่ทางไปสวรรค์ ลูกรัก ลูกจงให้ทาน อย่าได้เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวงเลย นี่เป็นทางไปสู่สุคติ ไม่ใช่เพราะเอาบุตรบูชายัญ”พระราชาทรงหลงเชื่อพราหมณ์แล้ว ยังคงยืนกรานว่าจะบูชายัญแน่นอน พระราชบิดาก็รีบเสด็จมาห้าม ทรงสอนทางไปสวรรค์ ก็ถูกปฏิเสธเช่นกันจันทกุมารทรงดำริว่า “เพราะเราเพียงผู้เดียว ความทุกข์จึงบังเกิดขึ้นกับคนหมู่มาก” จึงทูลอ้อนวอนพระราชาว่า “ข้าแต่มหาราช บุตรดังข้าพระองค์ ย่อมไม่ควรฆ่าเพื่อประโยชน์แก่การบูชายัญ ขอเดชะ เมื่อแม่นกทำรังแล้วก็อยู่กับลูก ลูกนกยังเป็นที่รักของแม่นกเหล่านั้น ส่วนพระองค์กลับตรัสสั่งให้ฆ่าพวกข้าพระองค์ ขอเดชะ อย่าได้ทรงเชื่อกัณฑหาลปุโรหิต หากเขาปรารถนาจะฆ่าข้าพระองค์ ก็ขอให้ฆ่าข้าพระองค์เพียงผู้เดียวเถิด”พระราชาสดับคำอ้อนวอนของพระกุมารแล้ว เกิดความทุกข์ใจประหนึ่งพระอุระจะแตก พระเนตรนองด้วยพระอัสสุชล ทรงตรัสว่า “ลูกรัก เจ้าพร่ำเพ้อเพราะรักชีวิต ย่อมให้ทุกข์แก่พ่อยิ่งนัก พอกันทีสำหรับการบูชายัญด้วยบุตร เราไม่ต้องการไปเทวโลกแล้ว” ทรงรับสั่งให้ยกเลิกการบูชายัญทันที พวกราชบุรุษจึงปล่อยพระราชบุตร พระธิดาและพระมเหสี รวมทั้งสัตว์ที่ถูกจับมาให้เป็นอิสระทั้งหมดจันทกุมาร พระโอรสพระธิดาและพระมเหสีรวมไปถึงสัตว์ต่างๆ ได้รับอิสระกันถ้วนหน้า แต่ใช่ว่าเรื่องราวการบูชายัญของพระเจ้าเอกราช ผู้ปรารถนาจะไปบังเกิดในสวรรค์จะจบลงเพียงแค่นี้ เพราะยังมีกัณฑหาลพราหมณ์ ผู้คอยยุยงอยู่เบื้องหลังการบูชายัญทั้งหมด ยังพยายามหาทางฆ่าจันทกุมารให้ได้ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไว้มาติดตามกันต่อ ขอให้ตั้งใจเจริญสมาธิกันทุกๆ คน การปฏิบัติบูชาถือเป็นสุดยอดแห่งการบูชาทั้งหลาย











