ม ห า โ ค วิ น ท สู ต ร
( ต อ น ที่  ๑  เ ท ว สั น นิ บ า ต )



 
     ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นเหตุแห่งสุข และการสนับสนุนผู้พร้อมเพรียงกัน ก็เป็นเหตุแห่งสุข ภิกษุผู้ยินดีในความพร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ ภิกษุสมานสงฆ์ให้พร้อมเพรียงกันแล้ว ย่อมบันเทิงในสรวงสวรรค์ตลอดกัป

     การสร้างบารมีเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน เป็นการก้าวตามเส้นทางของพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย และเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดของชีวิต พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายต่างตั้งใจสั่งสมบารมีทุกรูปแบบ ทั้งทาน ศีลและภาวนา ไม่เคยขาดตกบกพร่องในการสั่งสมบุญ การที่เราสามารถบรรลุเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต คือบรรลุมรรคผลนิพพาน กระทั่งได้ถึงที่สุดแห่งธรรม เราต้องดำเนินตามรอยบาทของท่านผู้รู้เหล่านั้น มุ่งหน้าสร้างบารมีจนกว่าบารมี ๓๐ ทัศ จะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์

    มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน พระวินัยปิฎก จุลวรรค ว่า

    " สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี     สมคฺคานญฺจนุคฺคโห
    สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ         โยคกฺเขมา น ธํสติ
    สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวาน         กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทติ

    ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นเหตุแห่งสุข และการสนับสนุนผู้พร้อมเพรียงกัน ก็เป็นเหตุแห่งสุข ภิกษุผู้ยินดีในความพร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ ภิกษุสมานสงฆ์ให้พร้อมเพรียงกันแล้ว ย่อมบันเทิงในสรวงสวรรค์ตลอดกัป "

    ที่ใดมีความสามัคคี ที่นั่นย่อมมีความสุขความเจริญ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญความพร้อมเพรียงของหมู่ เพราะทำให้เกิดสุข ดังนั้นพระพุทธองค์จะตรัสถึงความสามัคคีอยู่เนืองๆ แม้แต่ในเรื่องอปริหานิยธรรม ธรรมที่จะทำให้ไม่เสื่อมจากความเจริญ พระองค์จะตรัสถึงความพร้อมเพรียงในการทำกิจร่วมกันของสงฆ์ ตั้งแต่เริ่มประชุมก็พร้อมเพรียงกัน เมื่อเลิกก็พร้อมเพรียงกันเลิก เป็นต้น

    * ความพร้อมเพรียงนี้ ไม่ใช่จะก่อให้เกิดความสุขเฉพาะในหมู่มนุษย์เท่านั้น แม้ในหมู่ของเทวดาทั้งหลาย ต่างประชุมกันอยู่เสมอๆ ครั้งนี้ หลวงพ่อได้นำเรื่องราวในมหาโควินทสูตร มาให้ทุกท่านได้ศึกษากัน เป็นเรื่องการสร้างบารมีอีกภพชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์ เหตุที่พระบรมศาสดาตรัสถึงเรื่องนี้ เพราะเมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่เขาคิชฌกูฏใกล้   กรุงราชคฤห์ หลังเที่ยงคืนของคืนหนึ่ง ปัญจสิขคนธรรพ์เทพบุตรได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ในที่ควรส่วนข้างหนึ่ง รัศมีของปัญจสิขะนั้นงดงามส่องสว่างไปทั่วเขาคิชฌกูฏ หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อปัญจสิขะมานาน หลวงพ่อขอถือโอกาสเล่าประวัติของท่านสักเล็กน้อย

    คำว่า ปัญจสิขะ นั้นแปลว่า มี ๕ จุก หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า มี ๕ แหยม ปัญจสิขคนธรรพ์เทพบุตรนั้น ตอนที่เป็นมนุษย์ ได้สร้างบารมีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และไว้จุก ๕ จุก เป็นหัวหน้าเด็กเลี้ยงโค มีความคิดเกินเด็กทั้งหลาย ได้ชักชวนเด็กๆ ว่า การที่เราจะเล่นสนุกไปวันหนึ่งๆ เป็นสิ่งที่ไม่มีสาระแก่นสาร ควรสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเท่าที่เราจะทำได้ จะได้เป็นการสร้างบุญให้กับตนเองด้วย

    เมื่อชวนเพื่อนๆ แล้ว เขาเป็นผู้นำพาพวกเด็กสร้างศาลาในทางสี่แยก ขุดสระบัว ผูกสะพาน ปรับทางขรุขระให้เรียบ ขนไม้มาทำเพลา และทำยานพาหนะเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่เขาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม ครั้นตายแล้ว ได้ไปเกิดในเทวโลกชั้นจาตุมมหาราชิกา มีอายุ ๙ ล้านปี ร่างของปัญจสิขเทพบุตร มีลักษณะคล้ายกับกองทองสุกสว่างมีขนาดเท่า ๓ คาวุต

    ปัญจสิขเทพบุตรนั้น เป็นกายทิพย์มีเครื่องประดับที่งดงามมาก ประมาณ ๖๐ เล่มเกวียน พรมด้วยของหอมประมาณ ๙ หม้อ ทรงผ้าทิพย์สีแดง ประดับดอกกรรณิกาทอง มีแหยม ๕ แหยมห้อยอยู่ข้างหลัง เทวดาทั้งหลายจึงพากันเรียกว่า ปัญจสิขเทพบุตร นี่คือที่มาที่ไปของปัญจสิขเทพบุตร

    เมื่อปัญจสิขคนธรรพ์เทพบุตรยืนในที่สมควรแล้ว ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงเหตุการณ์ที่เหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ประชุมพร้อมกัน ที่สุธรรมาเทวสภาในวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ และยังมีทิพยบริษัททั้งหลายมานั่งล้อมรอบ ซึ่งพื้นทองของสุธรรมาเทวสภามีความยาว และความกว้างด้านละ ๓๐๐ โยชน์ สูง ๕๐๐ โยชน์ ในมหาสมาคมนั้น จะมีมหาราชทั้ง ๔ องค์ นั่งประจำทิศทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐราชาแห่งคนธรรพ์ ซึ่งแวดล้อมด้วยทวยเทพ นักฟ้อน ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ ประทับนั่งทางทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหกเป็นราชาแห่งครุฑ มีครุฑ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ แวดล้อม ประทับนั่งทางทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ผู้เป็นราชาแห่งนาค มีพวกนาค ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิแวดล้อม ประทับนั่งทางทิศตะวันตก และท้าวเวสสวัณราชาแห่งยักษ์ มียักษ์ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิแวดล้อม ประทับนั่งทางทิศเหนือ

    การเกิดเทวสันนิบาตนี้จะมีเหตุอยู่ ๔ อย่าง คือ ประการแรก วันเข้าพรรษา จะประชุมกันเพื่อดูแลรักษาพระภิกษุสงฆ์ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมในช่วงเข้าพรรษา ประการที่ ๒ ประชุมกันในวันมหาปวารณา เหตุการณ์เหมือนในเมืองมนุษย์ ที่ภิกษุทั้งหลาย ประชุมกันในวันเพ็ญวันมหาปวารณา โดยท้าวสักกะจะทรงปวารณาในปิยังคุทีปพระมหาวิหาร เทพที่เหลือจะถือดอกไม้ทิพย์ มีดอกปาริฉัตรเป็นต้น และผงจันทน์ทิพย์ไปยังที่ชอบใจและก็ปวารณากัน ให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้

    ประการที่ ๓ เทวดาจะประชุมกันเพื่อประโยชน์แก่การเสวยปาริฉัตตกกรีฑา คือการประชุมกันในคราวที่ต้นปาริฉัตรออกดอก เพราะดอกปาริฉัตรนี้มีกลิ่นหอมครอบคลุม ๕๐ โยชน์ กลิ่นที่ลมพัดจะไปได้ถึง ๑๐๐ โยชน์ ที่สุธรรมาเทวสภานี้ ตรงกลางจะมีธรรมาสน์ มีบัลลังก์แก้วสูง ๑ โยชน์ มีเศวตฉัตรสูง ๓ โยชน์ ถัดจากบัลลังก์นั้นเป็นอาสนะท้าวสักกเทวราช ถัดจากนั้นเป็นอาสนะของเทพบุตรอีก ๓๓ ตน ถัดจากนั้นอีกเป็นอาสนะของเทพบุตรผู้มีศักดิ์ใหญ่ ส่วนเทวดานอกเหนือจากนี้จะใช้ฝักดอกไม้เป็นอาสนะ

    ประการสุดท้ายของการประชุมในเทวโลก คือเทวดาจะป่าวประกาศการฟังธรรมครั้งใหญ่เดือนละ ๘ วัน ในวันทั้ง ๘ จะมีสนังกุมารมหาพรหม หรือท้าวสักกะ ภิกษุธรรมกถึก หรือเทพบุตรธรรมกถึกองค์ใดองค์หนึ่ง มากล่าวธรรมิกถาในสุธรรมาเทวสภาการประชุมครั้งนี้จะแบ่งหน้าที่กันทำ คือ ในวัน ๘ ค่ำของปักษ์ จะเป็นหน้าที่ของอำมาตย์ของมหาราชทั้ง ๔ องค์ ในวัน ๑๔ ค่ำ จะเป็นหน้าที่ของโอรสทั้งหลายของท้าวสักกะ  ในวัน ๑๕ ค่ำ จะเป็นของมหาราชทั้ง ๔ องค์ ซึ่งท่านเหล่านี้จะเสด็จออกไปตามคามนิคมและราชธานี จดบันทึกไว้บนแผ่นทอง ว่ามีหญิงหรือชายชื่ออะไร มากมายขนาดไหน ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ตั้งใจสร้างบารมีประพฤติยึดมั่นกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ

    จากนั้นจะนำแผ่นทองมามอบถึงมือของปัญจสิขะ ปัญจสิขะจะส่งถึงมือของมาตลีเทพบุตร มาตลีเทพบุตรีจะถวายแด่ท้าวสักกเทวราช เมื่อจำนวนคนทำบุญมีไม่มาก สมุดบัญชีลานทอง ก็น้อย พวกเทวดาเห็นลานทองเท่านั้น พากันเสียใจว่า มหาชนตกอยู่ในความประมาท อบายทั้ง ๔ จักเต็ม เทวโลก ๖ ชั้น จักว่างเปล่า แต่ถ้าแผ่นลานทองหนา พวกเทวดาเห็นแล้วก็พากันดีใจว่า พวกเราจักได้ห้อมล้อมผู้มีบุญใหญ่ที่ได้ทำบุญไว้ในพระพุทธศาสนา แล้วมาเล่นนักษัตรด้วยกัน เทวดาทั้งหลายย่อมประชุมกันเพื่อประโยชน์ดังนี้

    จะเห็นว่า เหล่าเทวดาเห็นคุณค่าของบุญมาก การที่เราสร้างบุญในแต่ละครั้ง ไม่เพียงมีผลแค่ตัวเราเองเท่านั้น แต่ยังมีผลไปถึงเทวโลกผู้มีกายทิพย์ ที่รับรู้ คอยอนุโมทนาบุญกับเรา การทำความดีในแต่ละครั้งมีผลต่อโลกต่อจักรวาลและสรรพสัตว์ทั้งหลาย คราวต่อไปหลวงพ่อจะนำเรื่องราวของมหาโควินทโพธิสัตว์มาเล่าให้ฟังต่อ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนากันให้ดี หมั่นตรึกหมั่นนึกถึงธรรมะ ตรึกถึงองค์พระให้ใสๆ เวลาหลับให้หลับในกลางดวงธรรมหรือกลางองค์พระ จะได้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ทั้งยังได้บุญอีกด้วย ทำอย่างนี้ถูกหลักวิชชา จะทำให้เราประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตตลอดไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. มหาโควินทสูตร เล่ม ๑๔ หน้า ๑
 
 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง