อานิสงส์ถวายเภสัช
 
อานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเอง
 
     การปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการเกิดมาเป็นมนุษย์ เราเกิดมา  ในภพชาติหนึ่งๆ  มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแสวงหาความบริสุทธิ์ แสวงหาความหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร  หนทางสายกลางที่ดำเนินจิตเข้าสู่ภายในเท่านั้น คือทางรอดทางเดียว เป็นหนทางที่มีอิสระจากอาสวกิเลสทั้งปวง ดังนั้นเราควรจะดำเนินจิตของเราให้เข้าสู่เส้นทางของเหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลายให้ได้  การที่จะดำเนินเข้าสู่ภายใน เราต้องหมั่นเจริญสมาธิภาวนา ทำใจหยุดใจนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดเวลา
 
มีวาระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน กัญชิกทายิกาวิมาน ความว่า
 
“อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน     ยา ตฺวํ ติฏฺฐสิ เทวเต
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา   โอสธี วิย ตารกา
เตน เต ตาทิโส วณฺโณ     เกน เต อิธมิชฺฌติ
 อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา     เย เกจิ มนโส ยา
 
     ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม เปล่งรัศมีไปทั่วทุกทิศ ดุจดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไรหนอ  ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน”
 
     ผู้คนส่วนใหญ่มักจะชื่นชมยินดีกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มียศตำแหน่งสูงๆ  และต่างปรารถนาจะเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า กว่าที่เขาเหล่านั้นจะก้าวมาสู่จุดที่เรียกว่าประสบความสุขและความสำเร็จได้นั้น เขาต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจขนาดเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทีเดียว
 
     ถ้อยคำสุภาษิตที่หลวงพ่อยกมากล่าวข้างต้นนี้ เป็นคำถามของพระโมคคัลลานะเถระ ที่ได้ไต่ถามถึงบุพกรรมของเทพธิดาองค์หนึ่ง เพื่อที่จะนำไปเล่าให้มหาชนในโลกมนุษย์ได้ดำเนินตามบ้าง จะได้มีสุคติสวรรค์เป็นที่ไป และมหาสมบัติอันเป็นทิพย์ที่บังเกิดขึ้นมานั้น เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่า  สามารถบังเกิดได้ด้วยอานุภาพแห่งบุญ  ใครก็ตามมีจิตเลื่อมใสไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัย ตั้งใจสั่งสมบุญอย่างเต็มกำลัง  ชีวิตของผู้นั้นจะเป็นที่มานอนแห่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ทั้งที่เป็นมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และยิ่งไปกว่าก็สามารถที่จะบรรลุนิพพานสมบัติได้อย่างไม่ยากเย็น
 
     * เมื่อครั้งสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทรงประชวรด้วยโรคลมในพระอุทร พระองค์รู้สึกอึดอัด จึงรับสั่งกับพระอานนท์ว่า “ดูก่อนอานนท์ ตถาคตรู้สึกไม่สบายเพราะลมเกิดขึ้นในท้อง เธอจงไปบิณฑบาต นำนํ้าข้าวมาเพื่อทำยาให้เราเถิด”
 
     พระอานนท์รับเอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ท้าวมหาราชทั้งสี่ถวาย แล้วไปยืนอยู่ที่ประตูบ้านของหมอผู้ที่เป็นอุปัฏฐากของท่าน วันนั้นหมอไม่อยู่บ้าน อยู่เพียงภรรยาเท่านั้น  ภรรยาของคุณหมอเป็นหญิงที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รู้จักสังเกต และเป็นผู้ที่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยมาก  เมื่อนางเห็นพระเถระมายืนอยู่ที่ประตูบ้าน  นางก็เดินออกไปต้อนรับ ไหว้พระเถระด้วยความเคารพ  รับบาตรจากมือของพระเถระพลางคิดว่า
 
     “วันนี้ พระเถระคงต้องการเภสัช  ท่านจึงได้เดินทางมาถึงนี่”  ด้วยความเป็นหญิงช่างสังเกต ทันทีที่รับบาตรจากมือของพระเถระเท่านั้น นางสังเกตว่า บาตรใบนี้มิใช่บาตรของพระเถระ เพราะเป็นบาตรสวยงามและใหญ่เกินกว่าธรรมดา จะต้องเป็นบาตรของพระบรมศาสดาอย่างแน่นอน  ชะรอยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประชวรด้วยโรคบางอย่างแน่แท้ คิดดังนี้แล้วถามพระเถระว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ท่านต้องการเภสัชชนิดใด”
 
     พระเถระตอบว่า “อาตมาต้องการนํ้าข้าว เพื่อไปทำยาแก้โรคลม”  ครั้นได้รับคำตอบ  นางคิดว่า “ยานี้จะต้องเป็นเภสัชเพื่อพระบรมศาสดาอย่างแน่นอน วันนี้เราจะได้บุญใหญ่แล้ว เราจะจัดนํ้าข้าวที่เหมาะสมถวายพระโลกนาถเจ้า”  ด้วยความปีติที่จะได้สร้างบุญใหญ่  นางจึงได้จัดแจงปรุงยาคู ข้าวต้มด้วยพุทราและถั่วพู ใส่จนเต็มบาตร  นอกจากนั้น ด้วยความที่เป็นผู้ไม่อิ่มในการสร้างบุญ นางได้จัดแจงโภชนะอย่างอื่นที่ละเอียดประณีตส่งไปถวายพระบรมศาสดาอีกด้วย
 
     พระอานนท์เถระได้นำเภสัชที่ปรุงเรียบร้อยแล้วไปถวายแด่พระพุทธองค์ พร้อมกับกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ ข้าพระองค์ได้ออกไปบิณฑบาตเพื่อนำเภสัชมาถวาย ได้พบภรรยาของหมอ  นางเป็นหญิงที่มีปัญญาช่างสังเกตเหลือเกิน  แม้ข้าพระองค์ไม่ได้กล่าวถ้อยคำใดๆ ที่ละเอียดนัก แต่นางก็สามารถจัดแจงหาเภสัชได้อย่างทันท่วงที”  หลังจากพระองค์ได้เสวยยา โรคลมในพระอุทรก็สงบระงับลงทันที  ทำให้พระองค์ทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้ตามปกติ
 
     ผลแห่งการกระทำในครั้งนั้น ยังความปิติยินดีกับนางไม่เสื่อมคลาย นึกขึ้นมาทีไร  นางก็เกิดความปิติใจอยู่เสมอ  เมื่อละโลกไปแล้ว ด้วยอานุภาพแห่งบุญในครั้งนั้น  ส่งผลให้นางไปบังเกิดท่ามกลางมหาสมบัติอันเป็นทิพย์และมหาวิมานที่รุ่งเรืองสว่างไสว บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เสวยทิพยสมบัติยิ่งใหญ่ มีความสุขที่ละเอียดประณีตอยู่ในมหาวิมานนั้น พระมหาโมคคัลลานะ  ซึ่งมักจะเที่ยวจาริกไปเยี่ยมเยือนเหล่าทวยเทพทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้พบเจอและไต่ถามถึงบุพกรรมของเหล่าเทพมาหลายต่อหลายองค์ จนกระทั่งผ่านไปเจอทิพยสมบัติที่ละเอียดประณีตของเทพธิดาองค์นี้
 
     พระเถรเจ้าได้ทัสสนาแล้ว รู้สึกทันทีถึงความพิเศษเหนือเทพธิดาองค์อื่นๆ  ท่านมองเห็นรัศมีที่เปล่งออกจากเรือนร่างของนางและมหาวิมานที่เต็มด้วยรัตนะอันเป็นทิพย์ รุ่งโรจน์เหนือเหล่าเทพทั้งหลายที่อยู่อาณาบริเวณเดียวกัน  จึงเอ่ยถามว่า “ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะที่งดงามเหลือเกิน รัศมีเหมือนดาวประกายพรึกส่องแสงไม่มีวันดับ โภคะทิพย์แต่ละชิ้นแต่ละอันก็สวยงาม  สมบัติทั้งปวงนี้ บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งการสร้างบุญอะไรหนอ จึงทำให้ท่านมีวรรณะ ยศ อานุภาพเกินกว่าเทพทั้งหลาย”
 
     เทพนารีกราบเรียนว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์นั้น ดิฉันเป็นผู้ที่มีใจเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก มีศรัทธาไม่คลอนแคลน เมื่อเนื้อนาบุญที่ยอดเยี่ยมนี้บังเกิดขึ้นในโลก ดิฉันได้ถวายนํ้าข้าวที่ปรุงด้วยพุทรา อบด้วยนํ้ามัน ผสมดีปลี  กระเทียมและรากผักชีแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อเป็นเภสัช  
 
     อานิสงส์แห่งบุญที่ได้สร้างกับเนื้อนาบุญนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกินเจ้าข้า  แม้จะเกิดเป็นมเหสีของจักรพรรดิก็ไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการถวายเภสัชนี้ ถึงแม้ จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ครองความเป็นใหญ่ในทวีปทั้งสี่ มีสมบัติมากมายเพียงใด ก็ไม่เข้าถึงเสี้ยวแห่งมหาสมบัติที่เกิดขึ้นจากผลแห่งบุญนี้เลยเจ้าข้า  ผลแห่งบุญที่ทำไว้ในครั้งนั้นน่าอัศจรรย์เหลือเกิน”  ครั้นพระเถระได้ฟังบุพกรรมของเทพนารีแล้ว ก็กล่าวชื่นชมอนุโมทนา  จากนั้นท่านได้แสดงธรรมแก่เทพธิดานั้นให้ปีติในบุญยิ่งๆ ขึ้นไป
 
     เราจะเห็นว่า การที่เรามีศรัทธาเต็มเปี่ยมในพระรัตนตรัย นับเป็นความโชคดีมหาศาล  เมื่อมีศรัทธาแล้ว ต้องรู้จักทำบุญและใช้ปัญญาในการสังเกต เพื่อที่จะได้เอาปัญญานั้นมาทำให้สมบัติบังเกิดขึ้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เหมือนเทพนารีองค์นี้ มีปัญญาและศรัทธา รู้ว่าในสถานการณ์อย่างนั้นควรที่จะสร้างบุญอย่างไร  จึงจะได้บุญมาก เมื่อโอกาสแห่งการสร้างบุญมาถึง  จงตั้งใจเอาบุญให้เต็มที่ อย่าประมาทในการสั่งสม เพราะบุญคือเพื่อนแท้ในปรโลกของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๓๕๐

 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง