ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2553พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 25 ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (5)พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าตอนที่ 25 "ยุคศิวิไลซ์อันน่าอัศจรรย์ (5)"เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาความเดิมจากตอนที่แล้ว... โรคประเภทที่สาม ซึ่งถือเป็นโรคชนิดสุดท้ายที่จะมาเบียดเบียนผู้คนที่เกิดในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ นั่นก็คือ...โรคชรา ซึ่งโรคชนิดนี้ถือเป็นโรคประจำขันธ์ของมนุษย์ทุกคนเช่นเดียวกับโรคหิวอาหาร ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดมายุคใดสมัยใด มนุษย์ก็ต้องเป็นโรคนี้ด้วยกันทุกคน ถึงแม้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ในยุคนั้นจะยืนยาวถึงแปดหมื่นปี แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าทุกคนจะหลีกเลี่ยงโรคชราลงไปได้ ซึ่งโรคชราในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น ไม่ได้หมายถึงวัยชรา หรือโรคที่ทำให้คนกลายเป็นคนแก่แล้วก็ตาย อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะในยุคนั้น คนแก่จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่เพียงคนเดียวเพราะฉะนั้น เมื่อวันเวลาแห่งวัยได้ล่วงเลยผ่านไปจนมาถึงช่วงเบื้องปลายของชีวิต สังขารร่างกายของมนุษย์ในยุคนั้นก็จะเริ่มอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ เช่น จากที่เคยมีเรี่ยวแรงหรือมีกำลังมาก ก็จะเริ่มมีกำลังลดน้อยถอยลงไป เป็นต้น ถึงแม้คนที่เข้าสู่วัยชราจะมีกำลังหรือเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงไปก็ตาม แต่ถึงกระนั้น สภาพร่างกายภายนอกกลับดูไม่มีความแตกต่างจากคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเลย พูดง่ายๆว่า...คนในยุคนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆกับชาวสวรรค์ กล่าวคือ...เวลาที่เทวดาองค์ไหนใกล้จะหมดบุญหรือใกล้จะจุติ สภาพร่างกายก็ยังคงดูเป็นปกติไม่ได้เหี่ยวย่นแต่อย่างใด ถ้าจะมีอาการให้เห็นก็แค่รัศมีกายเศร้าหมอง หรือเหงื่อออกตามรักแร้ เป็นต้น เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนภพภูมิหรือถึงเวลาจุติ กายที่เป็นทิพย์ก็จะแวบหายไปในทันที ซึ่งช่วงบั้นปลายชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นก็จะมีลักษณะคล้ายๆแบบนี้ความอัศจรรย์ลำดับที่ 3.ได้แก่ เรื่องชีวิตการครองเรือนสำหรับชีวิตการครองเรือนของคนในยุคนั้น ผู้หญิงที่มีอายุเข้าสู่ปีที่ห้าร้อย จะเริ่มคิดถึงการมีครอบครัวและเข้าสู่วัยแห่งการแต่งงาน ซึ่งการมีครอบครัวของคนในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนสำรวมในกามด้วยกันทุกคนเพราะทุกๆคนและทุกๆคู่ จะยินดีในการมีคู่ครองเพียงคนเดียวและจะไม่มีการนอกใจกัน เพราะมนุษย์ทั้งผู้ชายและผู้หญิงในยุคนั้น จะไม่มีความมักมากในกาม เรื่องราวประเภทหลงรักคนมีเจ้าของ หรือประเภทแอบรักแฟนชาวบ้าน ที่มีให้เห็นเกลื่อนกลาดในยุคปัจจุบัน จะไม่มีปรากฏในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์เลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ผู้ชายเจ้าชู้ หรือผู้หญิงเจ้าชู้ คงหมดโอกาสที่จะไปเกิดร่วมยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ นอกจากนั้น ทุกครอบครัวที่เกิดขึ้นในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ล้วนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแทบทั้งสิ้น ประเภทครอบครัวอบอ้าว หรือประเภทครอบครัวที่มีการทะเลาะเบาะแว้งทุบตีกัน อย่างหลายๆครอบครัวในยุคปัจจุบัน จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลย เพราะแต่ละครอบครัวล้วนมีปิยวาจา คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ หรือด่าว่ากัน จะไม่มีปรากฏให้เห็น ดังนั้น ทุกครอบครัวจึงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีการทำร้ายตบตีกัน
http://goo.gl/7nPCc