มาบวชเถอะ...จะได้สมบูรณ์พร้อม

 

        ลูกชื่อ...รุ่งรัตน์ พิลึก นามสกุลของลูกเขียนไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ลูกนามสกุลแบบนี้ เพราะลูกมีความพิเศษสุดๆอย่างแตกต่างค่ะ คือ เป็นผู้นำบุญรุ่นเก๋าแห่งจังหวัดพิจิตร ที่เข้าวัดมาตั้งแต่ช่วงอัญเชิญพระบรมพุทธเจ้า ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน วัดก็โดนโจมตี ทำให้ลูกมึนไปหมดเลยค่ะ เพราะนักข่าวเล่นบุกมาหาลูกถึงบ้านที่จังหวัดพิจิตร มาถามลูกว่า “พี่ๆ...ทำไมพี่ไปวัด...ทางวัดจ้างหรือ”-ลูกก็ตอบว่า...ไม่ใช่ นักข่าวก็ไม่ยอมเชื่อ ซ้ำยังถามต่ออีกว่า “ถ้าเขาไม่จ้าง แล้วเขาบังคับพี่หรือ” ลูกก็ตอบเขาไปว่า “ไม่...ทางวัดไม่ได้จ้างไม่ได้บังคับอะไรทั้งนั้น เต็มใจอยากไปทำบุญก็ไป เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาบังคับกันได้หรอก”

 

        พอลูกตอบอย่างนั้น นักข่าวก็ยังไม่เชื่ออีกค่ะ แถมยังพยายามคาดคั้นลูกอย่างยิ่งยวดว่า “พี่บอกมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอก แล้วหลวงพ่อท่านสอนอะไรบ้างล่ะ”-ลูกก็ตอบว่า “ตอนเช้าสอนสวดมนต์ ตอนสายนั่งสมาธิ ตอนบ่ายก็สอนนั่งแต่สมาธิ”-พอลูกตอบไปแบบนี้...นักข่าวก็เครียดหนักค่ะ แถมยังทำหน้างงๆค่ะ และยังถามซ้ำๆวนๆว่า “สอนแค่นี้เองน่ะหรือ ไม่สอนทำอะไรที่มันไม่ดีเลยหรือ”-ลูกก็ตอบย้ำซ้ำๆว่า “สอนแค่นี้จริงๆ”

 

        นักข่าวนี่ก็แปลกคนค่ะ มาเฝ้าสัมภาษณ์ถามแต่เรื่องซ้ำๆอย่างนี้อยู่ถึงสามวัน พอวันที่สี่ จึงได้ยอมถอยทัพกลับกรุงเทพฯไปอย่างงงๆ ซึ่งตัวเอง...งงส่วนตัวยังไม่พอค่ะ กลับไปออกข่าว...กล่าวหาวัดต่างๆนานาเพิ่มขึ้นอีก เมื่อลูกเจอแบบนี้ ลูกอยากจะให้คำจำกัดความด้วยคำยอดฮิตที่ว่า “กวน-มึน-โฮ...จริงๆค่ะ”-คือ มากวนจนลูกมึน จนอยากจะปล่อยโฮค่ะ และรู้สึกว่า...สังคมเป็นอะไรไปแล้วนี่ ที่คนเข้าวัด นั่งสมาธิ สวดมนต์ ยังมานั่งจับผิดเขา

 

        ดังนั้นถึงเวลาแล้วค่ะที่จะต้องมา CHANGE-THE-WORLD-แบบผู้รู้แจ้งที่ผ่านมา และถึงเวลาแล้วค่ะ ที่ลูกผู้หญิงทุกคน จะต้องลุกขึ้นมาฟื้นฟูพุทธศาสนาให้เฟื่องฟูเหมือนสมัยพุทธกาล พลิกโลกจากความมืดมาเป็นความสว่าง ซึ่งตอนนี้ ลูกก็กำลังทำอย่างนั้นอยู่อย่างเข้มข้นค่ะ คือ ลุยทำหน้าที่ชวนคนบวชอุบาสิกาแก้วหนึ่งล้านคน โดยเริ่มจากติดป้ายไวนิลและขึ้นคัตเอาท์ ไปตามที่ต่างๆในจังหวัดพิจิตรค่ะ

 

 

 

        จากนั้น ก็ลุยเดินสายไปกับพระอาจารย์ ไปพบนายกอบต.ทุกท่านทั้งเจ็ดตำบล รวมผู้นำชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและที่สำคัญไปพบผอ.โรงเรียนเด็กดีวีสตาร์ เพื่อกระจายการบวชหน่ออ่อนออกไป ซึ่งผอ.ของแต่ละโรงเรียนก็ให้ความร่วมมือสุดๆค่ะ คือ มีนโยบายให้นักเรียนพาพ่อแม่ผู้ปกครองไปวัดตอนเย็น ไปฟังพระอาจารย์เทศน์ ร่วมกับบรรดาชาวบ้านที่ผู้ใหญ่บ้านพาไปสมทบ โดยพระอาจารย์จะให้ชาวบ้านและพ่อแม่ผู้ปกครองสวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่อให้ใจใส เพื่อบุญจะได้ช่อง จากนั้นก็เทศน์ด้วยวลีโดนๆ เช่น ใครเกิดมาอยากจนที่สุดในโลกบ้าง...ยกมือขึ้น หรือ ใครเกิดมาแล้วอยากโง่ที่สุดในโลกบ้าง...ยกมือขึ้น

 

 

 

        ปรากฏว่าไม่มีใครยกมือเลยค่ะ ซึ่งก็แสดงว่า..ไม่อยาก ซึ่งถ้าไม่อยาก ก็จงมาเข้าโครงการบวชอุบาสิกาแก้ว เพราะโครงการนี้จะสอนวิธีการที่จะทำให้...รวย สวย ฉลาด แต่มีข้อแม้ คือ ถ้าใครสมบูรณ์พร้อมแล้วก็ไม่ต้องมา แต่ถ้าใครคิดจะมาทำให้ชีวิตสมบูรณ์ จงมา...แล้วจะสมหวัง อีกทั้งพระอาจารย์ยังบอกอีกว่า การจะตีเส้นให้ตรงจะต้องใช้ไม้บรรทัด ฉันใด การดำเนินชีวิตให้ถูกต้องก็ต้องใช้หลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉันนั้น

 

        พอท่านพูดด้วยวลีประมาณนี้จบ ชาวบ้านทั้งหญิงเล็ก หญิงใหญ่ วัยชรา ที่ไม่ชะลอความรวย ก็ต่างกรูกันกรอกใบสมัคร และถวายใบสมัครกันแบบสดๆ เพราะอยากจะอบรมกันอย่างถ้วนหน้า

 

        ตอนนี้ ศูนย์อบรมวัดเนินพยอม จังหวัดพิจิตร ก็มีหน่ออ่อนแย่งกันสมัครเข้ามา 70-กว่าคนแล้วค่ะ และในวันอาทิตย์ที่ 21-พฤศจิกายน พ.ศ.2553-นี้ ผู้นำอุบาสิกาแก้วแต่ละตำบล อย่าลืมมาร่วมสัมมนา “รวมพลอุบาสิกาแก้วมุ่งสู่เป้าล้าน”-และอยู่ร่วมพิธีลอยกระทง ณ สระเศรษฐี หน้าวิหารหลวงปู่กันนะคะ

 

รุ่งรัตน์ พิลึก