ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2554เยาวชนจากคาลมิเกียในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชน
เยาวชนจากคาลมิเกียในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชนเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเยาวชนคาลมิเกียในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชนกราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพค่ะดิฉันชื่อ มาเรีย บาสคาเยว่า อายุ 29-ปี ดิฉันทำงานเป็นประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยคาลมิเกีย และเดินทางมาวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ ก็เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชน พร้อมกับพี่น้องชาวคาลมิเกียรวม 25-คน โครงการนี้บังเกิดขึ้น หลังจากที่ ฯพณฯ คีร์ซาน อีลูมชีนอฟ ประธานาธิบดีคนแรกของคาลมิเกีย ได้เดินทางมาวัดพระธรรมกายในวันรวมพลังเด็กดีวีสตาร์ และวันมาฆบูชาที่ผ่านมา การมาครั้งนั้นทำให้ท่านประทับใจเป็นอย่างยิ่งและปรารถนาจะริเริ่มโครงการเช่นนั้นในคาลมิเกียบ้าง มาเรีย บาสคาเยว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินโครงการนี้ ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ดิฉันกลัวเพียงว่าญาติพี่น้องจะไม่ยอมให้ดิฉันมาเมืองไทย แต่แล้วทุกคนก็บอกดิฉันว่า “ไม่เป็นไรหรอกเธอไปได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีของเธอ”-ดิฉันจึงได้มาด้วยจุดประสงค์สองอย่าง เป้าหมายที่หนึ่ง คือ เพื่อที่จะเรียนรู้วิธีการจัดงานพิธีที่สวยงามและใหญ่โต เช่น พิธีบวช และพิธีลอยโคม เป้าหมายที่สอง คือ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตัวดิฉันเองค่ะปฏิบัติธรรมท่ามกลางบรรยากาศอันสงบ ทั้งภายในและภายนอก ณ สวนเพชรแก้วพวกเราได้ศึกษาการทำสมาธิ(Meditation)ขั้นพื้นฐานแบบชาวพุทธ เราค่อยๆควบคุมใจที่โลดโผนเหมือนลิง และยังได้รักษาศีลแปด ซึ่งช่วยให้เราไม่มีความขัดแย้งในตัวเองและเอื้อต่อการทำสมาธิค่ะ ปกติเราปฏิบัติธรรมอยู่ที่พนาวัฒน์ เราได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายจากพระอาจารย์ผ่านการเทศน์และเปิดสื่อวิดีโอ พระอาจารย์ยังบอกดิฉันว่า อย่าคิดถึงอดีตและอนาคต ให้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองในปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้น แม้การทำสมาธิจะเป็นเรื่องยากในตอนแรก แต่การบรรยายของครูผู้สอนก็ช่วยทำให้รู้สึกง่ายลานา ซิตีลูรี่ลานา เล่าว่า “ดิฉันนั่งนึกถึงหยดน้ำใสใส และหยดน้ำนั้นก็จะใสไปเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นดวงสว่างที่ใหญ่โต บางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกดูดบางครั้งก็เริ่มต้นเห็นเป็นจุดสว่างเล็กๆเหมือนดวงดาวที่กลางท้อง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่สว่าง สมาธิทำให้ดิฉันเป็นคนไม่มีความโกรธหรือความเศร้าโศก มีแต่ความสงบและผ่อนคลาย เหมือนได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ และพร้อมจะมอบความรักให้กับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้”บาอินน่า ซีราทีโรว่าบาอินน่า เล่าว่า “ดิฉันได้ภาวนาสัมมาอะระหัง แล้วปล่อยตัวเองให้ถูกดูดไปในศูนย์กลางกาย สัมผัสได้ถึงความสงบภายใน เหมือนตัวเองกำลังขยายแสงสีฟ้าครอบคลุมไปทั่วโลก และแสงนั้นส่งไปถึงญาติพี่น้องของดิฉันด้วย บางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในองค์พระ เป็นสภาวะที่ไร้แรงดึงดูด”ส่วนตัวดิฉันนั้น การนึกถึงดวงแก้วใสเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้น จึงเริ่มด้วยการนึกถึงภาพภูมิทัศน์ที่สวยสดงดงามแทน ในช่วงแรกก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จนัก แต่ก็ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆจนดิฉันได้เห็นความว่างเปล่า บังเกิดความสงบ ทำให้เกิดความสุขใจเป็นล้นพ้น และชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง สมาธิทำให้ดิฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง และหวังว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายได้ในสักวันหนึ่ง ตอนนี้กลุ่มของเราก็อยากจะเข้าถึงพระธรรมกาย ดังนั้น เราจะยังคงฝึกนั่งสมาธิกันต่อเมื่อกลับไปยังบ้านที่คาลมิเกียค่ะ เยาวชนคาลมิเกียหัดทำโคมด้วยตนเองเยาวชนคาลมิเกียหัดทำโคมด้วยตนเองดิฉันต้องขอขอบพระคุณหลวงพ่อมากๆ ดิฉันเชื่อว่าหลวงพ่อเป็นผู้นำที่แท้จริง เพราะสามารถก่อตั้งทีมงานในฝันที่สามารถจัดการดูแลโครงการที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เพื่อพวกเราทุกคนได้ และแน่นอนว่าหลวงพ่อเป็นผู้ที่มีแต่ความรักความเมตตา และได้สอนทุกคนในองค์กรให้มีคุณธรรมเหล่านี้เช่นเดียวกันเยาวชนคาลมิเกียหัดทำโคมด้วยตนเองเยาวชนคาลมิเกียทดลองปล่อยโคมเป็นครั้งแรกขอขอบคุณคุณอนันต์ อัศวโภคิน ที่ช่วยให้พวกเราได้มาเมืองไทย เราทุกคนยังซาบซึ้งใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากพระอาจารย์ทุกรูปและเจ้าหน้าที่ทุกคน เมื่อกลับไปคาลมิเกียแล้ว ดิฉันจะไปบอกผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พนาวัฒน์ และพยายามเชิญท่านมาเข้าร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งนักเรียนนักศึกษาและครูอาจารย์อย่างแน่นอน พวกเราจะช่วยกันเผยแผ่การเรียนการสอนพระพุทธศาสนา และประชาสัมพันธ์การจัดพิธีขนาดใหญ่ เช่น พิธีลอยโคมให้เกิดขึ้น เพราะดิฉันมั่นใจว่าเราทุกคนมีความรู้และทักษะเพียงพอสำหรับการทำงานเพื่อสันติภาพโลกครั้งนี้ ขอบคุณค่ะกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงมาเรีย บาสคาเยว่าเยาวชนจากคาลมิเกียในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชน
รับชมคลิปวิดีโอเยาวชนคาลมิเกียในโครงการแลกเปลี่ยนผู้นำพุทธศาสนิกชน    
http://goo.gl/pYKHz