อุบาสิกายอดนักสร้างบารมี ตอนที่ 2

บุคคลท่านนี้ได้ตั้งใจสั่งสมบุญทุกบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตราบจนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต https://dmc.tv/a11068

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ช่วงเด่นฝันในฝัน > ปกิณกธรรม > ปรโลกนิวส์
[ 27 พ.ค. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18278 ]
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2554
อุบาสิกายอดนักสร้างบารมี ตอนที่ 2
 
ปรโลกนิวส์...อุบาสิกายอดนักสร้างบารมี ตอนที่ 2
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
        เมื่อลูกอุบาสิกาปราณีได้ตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกๆบุญที่เธอได้สั่งสมไว้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง จนเป็นผลทำให้ใจและกายของเธอสว่างไสวเป็นอย่างมาก จากนั้นเธอก็ได้มองเข้าไปในกลางขององค์พระธรรมกายภายในที่ชัดใสสว่าง ด้วยหัวใจที่แช่มชื่นเบิกบานอย่างสุดๆ ทันใดนั้น บุญทุกๆบุญ โดยเฉพาะบุญที่เธอได้อุทิศตนมาเป็นอุบาสิกาอยู่เขตใน รวมถึงบุญจากการประพฤติพรหมจรรย์จนตลอดชีวิต และบุญที่เธอได้ทุ่มเทช่วยเหลืองานพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาโดยตลอด ก็ได้มารวมซ้อนกันอย่างสนิทแนบแน่นอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเธอ จนเป็นผลทำให้กำลังบุญของเธอมีกำลังที่เร็วแรง และสามารถไปตัดรอนวิบากกรรมกาเมฯที่ตัวเธอได้เคยไปกระทำผิดพลาดเอาไว้ ในหลายๆพุทธันดรก่อนๆโน้นให้หลุดออกไป (วิบากกรรมกาเมฯในภพชาติดังกล่าวนั้น ก็ได้ส่งผลทำให้เธอต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงในภพชาติปัจจุบัน)
 
อุบาสิกาปราณีได้ตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกๆบุญ ที่เธอได้สั่งสมไว้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
 
อุบาสิกาปราณีได้ตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกๆบุญ
ที่เธอได้สั่งสมไว้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
 
        หลังจากที่วิบากกรรมกาเมฯของลูกอุบาสิกาปราณีได้หลุดออกไปแล้ว กระแสบุญต่างๆที่เธอได้เคยสั่งสมเอาไว้ก็ได้ช่องเข้ามาส่งผลอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และในตอนนั้นเอง กายของเธอก็ได้แปรเปลี่ยนจากกายมนุษย์ละเอียดซึ่งเป็นผู้หญิง ไปเป็นกายเทพบุตรในทันที ด้วยความที่เธอมีความปรารถนาที่จะเกิดเป็นผู้ชายมาโดยตลอดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเธอได้เห็นกายละเอียดของตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นกายเทพบุตร จึงทำให้เธอรู้สึกดีใจและปลื้มปีติใจเป็นอย่างมาก
 
 กายของอุบาสิกาปราณีได้แปรเปลี่ยนจากกายมนุษย์ ละเอียดซึ่งเป็นผู้หญิงไปเป็นกายเทพบุตร
 
กายของอุบาสิกาปราณีได้แปรเปลี่ยนจากกายมนุษย์ละเอียด
ซึ่งเป็นผู้หญิงไปเป็นกายเทพบุตร
 
        จากนั้น เทพบุตรใหม่ หรือ อุบาสิกาปราณี ก็นึกกราบขอบพระคุณพระเถระที่เธอเคารพรักอย่างสูงสุด ที่ได้เมตตาสอนหลักวิชชาให้กับเธอ จนทำให้ในที่สุดเธอก็ชนะ กล่าวคือ ได้เป็นเทพบุตรสมดังที่เธอตั้งความปรารถนาเอาไว้ ซึ่งลูกอุบาสิกาปราณีก็รู้สึกภาคภูมิใจกับกายเทพบุตรใหม่นี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะกายเทพบุตรใหม่ของเธอนั้น ทั้งงดงาม ทั้งสมส่วน และมีความสง่างามในทุกๆอิริยาบถ ตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเล็บเท้า
 
 เทพบุตรใหม่หรืออุบาสิกาปราณีได้นึกกราบขอบพระคุณ พระเถระที่เธอเคารพรักอย่างสูงสุด
 
เทพบุตรใหม่ หรือ อุบาสิกาปราณี ได้นึกกราบขอบพระคุณ
พระเถระที่เธอเคารพรักอย่างสูงสุด
 
        ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เทพบุตรใหม่เกิดความรู้สึกปลื้มปีติเบิกบานใจแบบไม่มีขีดจำกัด ซึ่งก็ส่งผลทำให้กายของเทพบุตรใหม่มีความผ่องใสสว่างไสว และงดงาม มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า นอกจากนั้น รัศมีกายของเทพบุตรใหม่ในยามที่ปีติเบิกบานเป็นอย่างยิ่งนี้ ยังมีรัศมีสีสันที่เปล่งประกายออกมาระยิบระยับจับตา แลดูคล้ายๆกับประกายของรุ้งเพชรที่มีแสงสว่างเจิดจรัส แต่นุ่มนวลละมุนละไม ไม่ดีดตาเหมือนแสงของประกายเพชรบนโลกมนุษย์ ยิ่งเทพบุตรใหม่ปลื้มปีติเบิกบานมากเท่าไหร่ รัศมีกายของท่านก็ยิ่งสว่างไสวมากขึ้นเท่านั้น
 
 เทพบุตรใหม่ในยามที่ปีติเบิกบานใจจะมีรัศมีสีสัน ที่เปล่งประกายออกมาสวยงามมาก
 
เทพบุตรใหม่ในยามที่ปีติเบิกบานใจ จะมีรัศมีสีสัน
ที่เปล่งประกายออกมาสวยงามมาก
 
        มาถึงตรงนี้ ขอกล่าวถึงการแสดงอาการปลื้มปีติเบิกบานใจของชาวสวรรค์ ให้พวกเราทราบกันสักเล็กน้อย กล่าวคือ การแสดงออกถึงความปลื้มปีติเบิกบานใจของชาวสวรรค์นั้น จะมีการแสดงอาการที่แตกต่างจากตอนที่เป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง เพราะเวลาที่มนุษย์ดีใจหรือกำลังมีความสุขอย่างสุดๆ มนุษย์ก็จะแสดงอาการไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ไม่มียั้งในทุกสัมผัส เช่น บางคนยิ้มกว้างเกินไปจนดูไม่งาม หรือบางคนก็มีน้ำตาไหลออกมาทั้งๆที่ตัวเองกำลังมีความสุข เป็นต้น
 
        แต่ในส่วนของชาวสวรรค์นั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องให้ชวนปลื้มปีติเบิกบานใจมากมายขนาดไหนก็ตาม ชาวสวรรค์ทั้งที่เพิ่งเป็นหรือเป็นมานานแล้ว ก็จะแสดงท่วงท่าและลีลาของอาการดีใจที่ดูนุ่มนวล สง่างาม และดูพอดีๆ กล่าวคือ แสดงออกน้อยแต่สื่อถึงอารมณ์มาก อย่างใบหน้าของเทพบุตรใหม่ในช่วงที่กำลังปลื้มปีติเบิกบานนั้น จะเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆบริเวณมุมปากที่แลดูสดชื่น อีกทั้ง ดวงตายังเปล่งประกายสดใส และสื่อถึงอารมณ์แห่งความสุขที่กำลังได้รับอย่างสุดๆ เป็นต้น
 
 ชาวสวรรค์จะแสดงท่วงท่าและลีลาของอาการดีใจ ที่ดูนุ่มนวล สง่างาม และดูพอดีๆ
 
ชาวสวรรค์จะแสดงท่วงท่าและลีลาของอาการดีใจ
ที่ดูนุ่มนวล สง่างาม และดูพอดีๆ
 
        ในขณะที่เทพบุตรใหม่กำลังปลื้มปีติเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่งอยู่นั้น ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะปลื้มปีติเบิกบานใจเพียงลำพังคนเดียว เพราะในขณะเดียวกันนั้น เหล่าบริวารที่มายืนรอต้อนรับเทพบุตรใหม่ ต่างก็พลอยปีติเบิกบานใจไปกับผู้เป็นนายด้วย ซึ่งในเวลาที่เหล่าบริวารของเทพบุตรใหม่แสดงอาการปลื้มปีติเบิกบานใจออกมานั้น รัศมีสีสันของเหล่าบริวารก็จะเปล่งประกายสว่างไสวตามรัศมีกายของเทพบุตรใหม่ไปด้วย เพียงแต่รัศมีของบริวารเหล่าจะมีความสว่างไสวและสวยงามน้อยกว่ารัศมีกายของเทพบุตรใหม่เป็นอย่างมาก
 
 เหล่าบริวารที่มายืนรอต้อนรับเทพบุตรใหม่ต่างก็ พลอยปีติเบิกบานใจไปกับผู้เป็นนายด้วย
 
เหล่าบริวารที่มายืนรอต้อนรับเทพบุตรใหม่
ต่างก็พลอยปีติเบิกบานใจไปกับผู้เป็นนายด้วย
 
        นอกจากนั้น ในช่วงที่เทพบุตรใหม่กำลังปลื้มปีติเบิกบานใจ วิมานของท่านที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ ก็จะเปล่งรัศมีสีสันสว่างไสวสวยงามไปทั่วทุกพื้นที่ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ในทุกๆครั้งที่วิมานของเทพบุตรใหม่สว่างขึ้นมา เหล่าบริวารที่รอคอยต้อนรับอยู่บนวิมานก็จะรับรู้ได้ในทันทีว่า ในขณะนี้ ผู้เป็นนายกำลังปลื้มปีติเบิกบานใจอยู่ ซึ่งก็เป็นผลทำให้เหล่าบริวารที่รออยู่บนวิมาน ต่างก็พลอยปลื้มปีติเบิกบานใจ และมีรัศมีกายที่สว่างไสวตามไปด้วย และในตอนนี้ เหล่าบริวารที่รอคอยต้อนรับอยู่บนวิมาน ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของผู้เป็นนายอย่างใจจดใจจ่อทุกเสี้ยววินาที
 
 เหล่าบริวารที่อยู่บนวิมานต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย การกลับมาของผู้เป็นนายอย่างใจจดใจจ่อ
 
เหล่าบริวารที่อยู่บนวิมาน ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย
การกลับมาของผู้เป็นนายอย่างใจจดใจจ่อ
 
        เมื่อรัศมีกายของเทพบุตรใหม่ และรัศมีกายของเหล่าบริวาร ได้ส่องสว่างขึ้นพร้อมๆกัน ความสว่างไสวก็ได้แผ่ขจายไปทั่วทั้งบริเวณที่เทพบุตรใหม่กำลังยืนอยู่ ณ จุดที่เสียชีวิต จนเป็นผลทำให้เหล่าสัมภเวสีหรือวิญญาณเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ต่างเกิดความรู้สึกแปลกใจและเซ็งแซ่ขึ้นมาว่า “มันมีอะไรเกิดขึ้น” จากนั้น เหล่าสัมภเวสีที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ได้แห่กันมายังจุดที่เป็นต้นกำเนิดของแสงสว่าง ภายหลังจากที่เหล่าสัมภเวสีได้เห็นต้นกำเนิดของแสงสว่าง ซึ่งก็คือ รัศมีกายที่ออกมาจากกายของเทพบุตรใหม่และเหล่าบริวารแล้ว เหล่าสัมภเวสีทุกตนต่างก็เกิดความรู้สึกสบายอกสบายใจ เย็นกายเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก และด้วยความที่กำลังบุญของเทพบุตรใหม่และเหล่าสัมภเวสีแตกต่างกันมาก แบบคนละซีกโลก จึงทำให้เหล่าสัมภเวสีสามารถเข้าไปใกล้เทพบุตรใหม่ได้เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น (กล่าวคือ ได้แค่แอบมองด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆ)
 
 เหล่าสัมภเวสีต่างได้แต่แอบมองเทพบุตรใหม่ ด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆ
 
เหล่าสัมภเวสีต่างได้แต่แอบมองเทพบุตรใหม่ด้วยความชื่นชมอยู่ห่างๆ
 
        ไม่เพียงแต่เหล่าสัมภเวสีเร่ร่อนเท่านั้น ที่แตกตื่นในความสว่างไสวของรัศมีที่ออกมาจากกายของเทพบุตรใหม่และเหล่าบริวาร แม้เหล่าเทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิ (เทวดาที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องบุญ บาป และกฎแห่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา) ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นภุมมเทวา รุกขเทวา และอากาสเทวา ต่างก็แตกตื่นกับความสว่างไสวที่เกิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเหล่าเทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิได้เห็นต้นกำเนิดของแสงสว่างแล้ว เทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิเหล่านั้นก็จะประนมมือมาทางเทพบุตรใหม่ แล้วพากันแซ่ซ้องสรรเสริญสาธุการแบบปากต่อปาก ประมาณว่า “ในขณะนี้ ได้มีบุคคลท่านหนึ่งที่ตั้งใจรักษาศีลแปด ประพฤติพรหมจรรย์ และนั่งสมาธิ(Meditation)ไม่เคยขาด อีกทั้ง บุคคลท่านนี้ยังตั้งใจสั่งสมบุญทุกบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตราบจนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต และในบัดนี้ เมื่อท่านละจากกายมนุษย์หยาบแล้ว ท่านก็ได้มาบังเกิดเป็นเทพบุตรที่มีรัศมีกายสว่างไสว มีความงดงามและน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก”
 
 เหล่าเทวดาสัมมาทิฐิจะประนมมือมาทางเทพบุตรใหม่ แล้วพากันแซ่ซ้องสรรเสริญสาธุการ
 
เหล่าเทวดาสัมมาทิฐิจะประนมมือมาทางเทพบุตรใหม่
แล้วพากันแซ่ซ้องสรรเสริญสาธุการ
 
        ส่วนกลุ่มของเทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิ (เทวดาที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องบุญ บาป และกฎแห่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา) ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เมื่อได้มองเห็นความสว่างที่ออกมาจากกายของเทพบุตรใหม่และเหล่าบริวารแล้ว ด้วยความที่เทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิเหล่านั้น ยังไม่ค่อยเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนา จึงทำให้ลักษณะของการแสดงออกของเทวดาในกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันออกไป เพียงแต่ต่างกันไม่มาก โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
 
        กลุ่มแรก ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นชาวพุทธแต่มีพื้นฐานในจิตใจดี ชอบทำบุญสงเคราะห์โลกและชอบช่วยเหลือผู้อื่น หรือบางกลุ่มเป็นเพียงชาวพุทธแต่ในนาม กล่าวคือ ไม่ค่อยชอบเข้าวัดฟังธรรม และศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของกฎแห่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา เพียงแต่เป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดีชอบทำบุญสงเคราะห์โลก เทวดากลุ่มนี้เมื่อเห็นแสงสว่างที่ออกมาจากกายของเทพบุตรใหม่แล้ว ก็จะยืนมองเทพบุตรใหม่ด้วยความชื่นชมปนอัศจรรย์ใจอยู่ห่างๆ โดยไม่ได้กล่าวคำอนุโมทนาหรือกล่าวคำสรรเสริญในคุณงามความดีของเทพบุตรใหม่ เหมือนอย่างกลุ่มของเทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิแต่อย่างใด (ประมาณว่า เหมือนเราเห็นอะไรที่ดีๆหรือที่เราชอบ แล้วรู้สึกทึ่งและอึ้งกับสิ่งที่ได้พบเห็น เพียงแต่ไม่ถึงขั้นที่ทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งๆนั้น อย่างมากก็จะซักถามต่อๆกันว่า เป็นใคร ทำไมถึงสว่างอย่างนี้ เป็นต้น)
 
 เหล่าเทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิจะยืนมองเทพบุตรใหม่ ด้วยความชื่นชม โดยไม่กล่าวคำอนุโมทนา
 
เหล่าเทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิจะยืนมองเทพบุตรใหม่ด้วยความชื่นชม
โดยไม่กล่าวคำอนุโมทนา
 
        กลุ่มที่สอง ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ เป็นพวกที่ไม่ค่อยรู้เรื่องบุญ บาป และกฎแห่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา เป็นประเภทที่บุญก็ทำ กรรมก็สร้าง เพียงแต่กำลังบุญมีมากกว่ากำลังบาป จึงทำให้ได้ไปเกิดเป็นเทวดาระดับล่างๆ และไม่ต้องไปรับกรรมในอบาย เทวดากลุ่มนี้เมื่อเห็นแสงสว่างที่ออกมาจากกายของเทพบุตรใหม่แล้ว ก็จะถามต่อๆกันว่า “เกิดอะไรกันขึ้น” เมื่อเห็นแล้วก็จะแปลกใจว่า “นี่คือใครหนอ” แล้วจะมองด้วยความสงสัยปนแปลกใจ และแอบชื่นชมในความงดงามของเทพบุตรใหม่อยู่ห่างๆ โดยไม่ได้กล่าวคำอนุโมทนาหรือกล่าวคำสรรเสริญแต่อย่างใด ถ้าจะว่ากันไปแล้ว เทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิทั้งสองกลุ่มนี้ ต่างก็มีลักษณะของการแสดงออกที่คล้ายๆกัน เพียงแต่กลุ่มที่สองจะมีการแสดงออกน้อยกว่ากลุ่มแรก
 
 เหล่าเทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิ อีกพวกหนึ่งจะแอบ ชื่นชมในความงดงามของเทพบุตรใหม่อยู่ห่างๆ
 
เหล่าเทวดาที่ยังไม่เป็นสัมมาทิฐิ อีกพวกหนึ่ง
จะแอบชื่นชมในความงดงามของเทพบุตรใหม่อยู่ห่างๆ
 
        เมื่อเทวดาที่อยู่บริเวณอื่นๆได้ยินเรื่องราวการทำความดีของเทพบุตรใหม่ ที่บอกกันมาแบบปากต่อปากแล้ว เทวดาทุกๆองค์ต่างก็รู้สึกอัศจรรย์ใจและชื่นชมกับคุณงามความดีของเทพบุตรใหม่ไปตามๆกัน จากนั้น เทวดาแต่ละองค์ที่ได้ยินเรื่องราวการทำความดีของเทพบุตรใหม่ ก็จะประกาศคุณความดีของเทพบุตรใหม่แบบบอกต่อๆกันไป ตามสายการปกครองของตัวเองไปเรื่อยๆ กล่าวคือ ไล่ไปตั้งแต่นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ จนไปถึงชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา จนกระทั่งไปถึงชาวสวรรค์ชั้นดุสิตในที่สุด
 
        ความจริงแล้ว เรื่องราวในส่วนนี้ยังมีรายละเอียดอยู่อีกมากมาย เพราะลักษณะอาการของนาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ รวมถึงเทวดาในแต่ละชั้น จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยความที่เวลาของเรามีจำกัด จึงกล่าวไว้ให้ทราบเป็นเบื้องต้นเพียงเท่านี้
 
 เทวดาแต่ละองค์ที่ได้ยินเรื่องราวการทำความดีของเทพบุตร ใหม่ก็จะประกาศคุณความดีของท่านต่อๆกันไปตามสาย การปกครองของตัวเอง
 
 เทวดาแต่ละองค์ที่ได้ยินเรื่องราวการทำความดีของเทพบุตรใหม่
ก็จะประกาศคุณความดีของท่าน ต่อๆกันไปตามสายการปกครองของตัวเอง
 
        เมื่อชาวสวรรค์ชั้นดุสิตโดยเฉพาะเขตวงบุญพิเศษ ได้ยินเรื่องราวการสร้างบารมีของเทพบุตรใหม่แล้ว เทพบุตรและเทพธิดาแต่ละท่านก็จะพากันอนุโมทนาในคุณงามความดีของเทพบุตรใหม่ และพากันกล่าวขวัญถึงการสร้างบารมีของเทพบุตรใหม่ในหมู่นักสร้างบารมีวงบุญพิเศษด้วยกันว่า “เทพบุตรใหม่ได้มีชัยชนะในการลงมาเกิดสร้างบารมีในครั้งนี้ และสามารถทำลายผังการเกิดมาเป็นผู้หญิงได้สำเร็จ จนทำให้ได้บังเกิดเป็นกายเทพบุตร สมดังความปรารถนาที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้” และในตอนนี้ เหล่าเทพบุตรและเทพธิดาในเขตวงบุญพิเศษ ต่างรอต้อนรับการกลับมาอย่างผู้มีชัยชนะของเพื่อนนักสร้างบารมีเผ่าพันธุ์ตะวัน ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
 
 เทพบุตรใหม่สามารถทำลายผังการเกิดมาเป็นผู้หญิงได้สำเร็จ
 
เทพบุตรใหม่สามารถทำลายผังการเกิดมาเป็นผู้หญิงได้สำเร็จ
 
        ในระหว่างที่เทพบุตรใหม่ (ลูกอุบาสิกาปราณี) กำลังปลื้มปีติใจอยู่นั้น เหล่าบริวารของท่านก็ได้เชื้อเชิญผู้เป็นนายให้ขึ้นสู่เทวรถ และในทันทีที่เทพบุตรใหม่ได้มองเห็นเทวรถของตัวเอง ที่มีความสวยงาม ละเอียดประณีต และใหญ่โตอลังการเป็นอย่างมากแล้ว ความปลื้มปีติเบิกบานใจก็ยิ่งเอ่อล้นอยู่ภายในใจของเทพบุตรใหม่มากยิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิม เนื่องจากเทวรถที่เทพบุตรใหม่เห็นอยู่ตรงหน้า สวยงามและอลังการมากกว่าภาพของเทวรถที่ท่านเคยเห็นในดีเอ็มซีมากมายนัก ซึ่งทำให้หัวใจของเทพบุตรใหม่พองโต เพราะซาบซึ้งในอานุภาพของบุญเป็นอย่างยิ่ง จากนั้น เทพบุตรใหม่ก็ได้เดินแบบตัวลอยๆด้วยหัวใจที่พองโต ขึ้นไปนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางเทวรถ อย่างมีความสุขเป็นอันมาก
 
เหล่าบริวารได้เชื้อเชิญเทพบุตรใหม่ผู้เป็นนายขึ้นสู่เทวรถ
 
เหล่าบริวารได้เชื้อเชิญเทพบุตรใหม่ผู้เป็นนายขึ้นสู่เทวรถ
 

http://goo.gl/XaC01


พิมพ์บทความนี้

ไปหน้าทบทวนฝันในฝัน



บทความอื่นๆ ในหมวด

      กิจกรรมพัฒนาวัดพิชิตปิตยาราม ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
      กิจกรรมพัฒนาวัดอู่ข้าว ต.คลอง 7 จ.ปทุมธานี
      อานุภาพบุญจากการมาสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ตอนที่ 1
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ได้ตึก 18 ล้านแค่เพียงกระพริบตา
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ความทรงอภิญญาของคุณยายฯที่ผมเจอกับตัวเอง
      ประกาศผลสุดยอดสามเณรแสดงธรรมระดับโลก
      เปิดใจสามเณรแชมป์แสดงธรรมระดับภาค ชิงชัยสู่เวทีแสดงธรรมระดับโลก
      ซุปเปอร์บิ๊กบุญ ตักบาตรแสนรูป ครั้งประวัติศาสตร์
      เส้นทางสามเณร สู่เวทีแชมป์เทศน์ระดับโลก
      เล่าเรื่องคุณยาย ตอน เรื่องเหลือเชื่อของการบูชาข้าวพระที่คุณยายฯฝากไว้
      บวชเณรล้านตักบาตรแสน สานฝันคุณยาย สร้างพระแท้
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน แค่มองหน้า..ก็รู้ทั้งหมด
      แฝด 4 บวชเณรล้านอ่างทองทำลายสถิติโลก




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related