ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2555
ปรโลกนิวส์ ตอน ชีวิตหลังความตายของโยมพ่อทองเจือ แพน้อย ตอนที่ 2
เมื่อเห็นพระลูกชายกำลังจะขึ้นรถจึงได้แว๊บตามเข้าไปนั่งด้วยอาการที่สงบนิ่ง อยู่บริเวณเบาะหลังในทันที
ต่อจากตอนที่แล้ว.....เมื่อเข้าสู่คืนที่สามหลังจากที่โยมพ่อของลูกเสียชีวิต ในช่วงที่ท่านกำลังรอส่งพระลูกชายของท่าน (ซึ่งก็คือตัวลูก) เดินทางกลับไปที่วัดหลังจากงานสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้นลง ท่านก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันอยากจะตามส่งพระลูกชายกลับไปที่วัดด้วย ดังนั้น เมื่อท่านเห็นพระลูกชายของท่าน (ซึ่งก็คือตัวลูก) กำลังจะขึ้นรถ กายละเอียดของท่านจึงได้แว๊บตามเข้าไปนั่ง ด้วยอาการที่สงบนิ่ง อยู่บริเวณเบาะหลังในทันที
กายละเอียดได้แว๊บมายืนพนมมืออยู่นอกรถเพื่อรอส่งพระลูกชายเดินเข้าไปในเขตอาคารที่พักสงฆ์
เมื่อรถคันที่ตัวลูกนั่งเคลื่อนมาถึงบริเวณอาคารที่พักสงฆ์แล้ว กายละเอียดของท่านก็ได้แว๊บออกมายืนพนมมืออยู่นอกรถ เพื่อรอส่งพระลูกชายเดินเข้าไปในเขตอาคารที่พักสงฆ์โดยที่ตัวท่านไม่ได้เดินตามเข้าไป ใจจริงท่านอยากเดินตามตัวพระลูกชายเข้าไปส่งถึงบริเวณห้องพัก แต่ว่าเพราะตัวท่านมีความเคารพในพระสงฆ์มาก อีกทั้งท่านยังคุ้นชินกับสัญญาที่ติดมาในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ว่าเขตของสงฆ์ฆราวาสไม่ควรเข้า ท่านจึงไม่ได้เดินตามตัวลูกเข้าไป คือยืนส่งอยู่บริเวณด้านนอกเขตอาคารที่พักสงฆ์ท่านเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในวัดเช่น บริเวณสภาธรรมกายสากลหรือมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นต้น
เมื่อท่านเห็นว่าพระลูกชายของท่าน (ซึ่งก็คือตัวลูก) ได้เดินเข้าไปในเขตอาคารที่พักสงฆ์แล้ว ด้วยความที่กายของท่านเป็นกายละเอียดที่สามารถแว๊บ ไปไหนมาไหนได้เพียงแค่ใจนึก คือแค่กระดิกจิตนึกก็ไปถึงที่หมายแล้ว ท่านจึงเกิดความรู้สึกอยากที่จะเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในวัด ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระลูกชายของตัวท่านเองได้มาบวชสร้างบารมีกว่า 18 พรรษา สถานที่ไหนที่ตัวท่านพอจำ ได้ว่าตัวท่านเคยมาร่วมงานบุญในสมัยที่ยังมีชีวิต เช่น บริเวณสภาธรรมกายสากล หรือมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นต้น พอท่านนึกถึงปุ๊บกายละเอียดของท่านก็จะแว๊บ ไปอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นในทันทีผลจากการเที่ยวชมวัดทำให้ใจสว่างขึ้นกว่าในวันแรกๆ
ซึ่งผลจากการเที่ยวชมวัดของท่านในวันนั้น ก็ส่งผลทำให้ใจของท่านมีความแช่มชื่นเบิกบานใจในระดับหนึ่ง คือทำให้ใจสว่างขึ้นกว่าในวันแรกๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมากขนาดที่ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกปลื้มปีติใจแบบซาบซ่าน จนทำให้บุญต่างๆได้ช่องส่งผลอย่างเต็มที่ เหมือนอย่างกับเคสของลูกๆ ผู้นำบุญที่เข้าใจเรื่องเป้าหมายของชีวิต เข้าใจเรื่องการสั่งสมบุญสร้างบารมี และกลับดุสิตบุรีไปก่อนหน้านี้ท่านรู้สึกแช่มชื่นเบิกบานใจที่ได้มากราบไหว้ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ในยามที่ตัวท่านเป็นแบบนี้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้โยมพ่อของลูก ไม่ถึงกับปลื้มปีติใจแบบซาบซ่านในช่วงที่กายละเอียดของท่านแว้บเที่ยวชมวัด ทั้งนี้ก็เป็นเพราะในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต นานๆ ท่านถึงจะได้มีโอกาสเดินทางมาร่วมงานบุญที่วัดพระธรรมกายสักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ท่านไม่อยากมา เพียงแต่ว่าท่านรู้สึกว่าระยะทางมันไกล อีกทั้งสังขารของท่านก็ไม่อำนวย จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก ท่านจึงไม่อยากรบกวนลูกๆ ของท่าน ดังนั้นความผูกพันระหว่างตัวท่านกับวัดพระธรรมกาย รวมถึงสิ่งปลูกสร้างภายในวัดจึงยังมีไม่มากพอนัก ประมาณว่าพอท่านได้มาเห็นมหาธรรมกายเจดีย์หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด ท่านก็เพียงแค่รู้สึกแช่มชื่นเบิกบานใจที่ตัวท่านได้มากราบไหว้ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ในยามที่ตัวท่านเป็นแบบนี้ หรือถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงคล้ายๆ กับเวลาที่เราเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วก็ได้ไปกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต่างๆ ความรู้สึกมีส่วนร่วมหรือความรู้สึกผูกพันในสถานที่นั้นๆ จึงยังมีไม่มากลูกพระธัมฯ พันธุ์แท้แต่ละคนจะรู้สึกผูกพันและรู้สึกปลื้มปีติใจทุกครั้งที่ได้มากราบไหว้มหาธรรมกายเจดีย์ หรือได้มาเห็นสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด
ซึ่งในจุดนี้ จะมีข้อแตกต่างจากลูกพระธัมฯ พันธุ์แท้ ที่แต่ละคนจะรู้สึกผูกพันและรู้สึกปลื้มปีติใจทุกครั้งที่ได้มากราบไหว้มหาธรรมกายเจดีย์ หรือได้มาเห็นสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด เพราะกว่าที่วัดของเราจะมีวันนี้ได้ แต่ละคนต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ บางคนก็ถึงกับเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่จะสถาปนามหาธรรมกายเจดีย์ หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัดให้สำเร็จ เพราะฉะนั้น ถ้าจะวัดปริมาณความปลื้มปีติใจ และความผูกพันที่มีต่อวัดพระธรรมกาย ระหว่างโยมพ่อของลูกกับลูกพระธัมฯ พันธุ์แท้ จึงมีปริมาณที่ต่างกันแบบเทียบกันไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระดับความปลื้มปีติใจของท่านยังมีไม่มากนักกายละเอียดได้ทำกิจวัตรกิจกรรมคล้ายๆ กับวันที่ผ่านๆ มา
และเมื่อภายหลังจากที่กายละเอียดของท่านได้แว๊บ กลับไปที่บ้านแล้ว ท่านก็ได้ทำกิจวัตรกิจกรรมคล้ายๆ กับวันที่ผ่านๆ มา คือวันๆ วนเวียน อยู่ในบริเวณที่ท่านคุ้นเคยในสมัยที่ยังมีชีวิต ซึ่งที่ๆ ท่านชอบไปนั่งมากที่สุดนั่นก็คือบริเวณห้องพระ พอถึงช่วงค่ำซึ่งเป็นเวลาจัดงานสวดพระอภิธรรมให้กับตัวท่าน ส่วนตัวท่านเองก็จะออกมายืนรอต้อนรับคณะญาติมิตร ที่เดินทางมาร่วมงาน แล้วก็ร่วมฟังสวดพระอภิธรรมด้วยอารมณ์เดิมๆ คือฟังสวดแบบใจไม่ค่อยเป็นสมาธิ เมื่อพิธีสวดบำเพ็ญกุศลเสร็จสิ้นลง กายละเอียดของท่านก็จะออกมายืนส่งทุกๆ คนรวมถึงพระลูกชายของท่าน (ซึ่งก็คือตัวลูก) ในทุกๆ ครั้งเมื่อเข้าสู่วันที่ 7หลังจากเสียชีวิตกระแสบุญได้ช่องมาประมวลรวมกันจนกลายเป็นดวงบุญที่สว่างไสว อยู่ ณ ศูนย์กลางกายของท่าน
เมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างนี้จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 7 ภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิต กระแสบุญในปัจจุบันที่ตัวท่านเคยสั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นบุญหลัก เช่น บุญที่ท่านมีส่วนร่วมสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว , บุญบวชพระลูกชาย , บุญที่ท่านเคยช่วยเหลืองานพระพุทธศาสนาตามวัดต่างๆ เป็นต้น รวมถึงกระแสบุญที่ตัวท่านได้เคยสั่งสมเอาไว้ในอดีตชาติบางชาติ ซึ่งมีกำลังที่น้อยกว่ากระแสบุญในภพชาติปัจจุบันนี้ ยกตัวอย่างเช่น บุญสงเคราะห์โลก หรือบุญที่ท่านเคยสั่งสมเอาไว้ในพระพุทธศาสนาในภพชาติเก่าๆ ก่อนๆ เป็นต้น ก็พอที่จะได้ช่องมาประมวลรวมกันจนกลายเป็นดวงบุญที่สว่างไสว อยู่ ณ ศูนย์กลางกายของท่านในที่สุดบุญก็ได้บันดาลที่อยู่ที่อาศัยหรือวิมานและเหล่าบริวารขึ้นมารองรับพร้อมกับดึงดูดกายละเอียดให้ไปเกิดเป็นภุมมเทวาระดับกลาง
เมื่อดวงบุญพอมีกำลังที่จะดึงดูดให้ท่านไปเกิดในภพภูมิใหม่ที่ดีกว่าเดิมแล้ว กายละเอียดของท่านก็พลันมีแสงสว่างวาบออกมาจากศูนย์กลางกาย จนในที่สุดบุญก็ได้บันดาลที่อยู่ที่อาศัยหรือวิมานและเหล่าบริวารขึ้นมารองรับ พร้อมกับดึงดูดกายละเอียดของท่านให้แว๊บ ไปเกิดเป็นภุมมเทวาระดับกลาง อยู่ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาณาเขตที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพื้นที่ที่ท่านเคยอาศัยอยู่ในตอนที่ท่านเป็นมนุษย์กายได้แปรเปลี่ยนเป็นภุมมเทวาระดับกลางที่ดูอายุอานามราวๆ กับคนที่มีอายุประมาณ 50 ต้นๆ
ในทันทีที่แสงสว่างรอบกายของท่านจางหายไป คุณพ่อของลูก ซึ่งในขณะนั้นกายของท่านได้แปรเปลี่ยนเป็นภุมมเทวาระดับกลาง ที่ดูอายุอานามราวๆ กับคนที่มีอายุประมาณ 50 ต้นๆ ก็ได้ไปยืนอยู่บริเวณลานด้านหน้าตัววิมานหลัก แล้วท่านก็ได้เห็นเหล่าบริวารและวิมาน ซึ่งเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น สีน้ำตาลทองขนาดใหญ่ ที่มีรูปทรงคล้ายๆ กับเรือนไทยประยุกต์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า ซึ่งรูปทรงของวิมานที่บังเกิดขึ้นนี้จะมีลักษณะละม้ายคล้ายกับบ้านในฝัน หรือบ้านในความคิดคำนึงที่โยมพ่อของลูกฝันอยากได้ในสมัยที่ตัวท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่านี่มันคืออะไร ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ในแว้บแรกที่โยมพ่อของลูก (หรือท่านเทพบุตรภุมมเทวา) ได้เห็นตัววิมานรวมถึงเหล่าบริวารที่ออกมายืนรอต้อนรับ ท่านก็เกิดอาการผง่ะ!!! ไปชั่วครู่ เพราะสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า มันทำให้ท่านรู้สึกประหลาดใจ แปลกใจ แล้วก็งุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่านี่มันคืออะไร ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่นี่มันคือที่ไหน แต่พอหัวหน้าบริวาร (ที่เกิดขึ้นด้วยบุญ) ได้มากล่าวทักทายต้อนรับผู้เป็นนาย (ซึ่งก็คือโยมพ่อของลูก) ท่านเทพบุตรใหม่ จึงได้ถึงบางอ้อว่า ที่นี่แหละ คือวิมานของเรา ซึ่งท่านเทพบุตรใหม่ ก็รู้สึกดีใจ ที่ได้เห็นอานุภาพแห่งบุญด้วยตาตัวเองว่าบุญที่ท่านเคยทำเอาไว้ ได้ออกดอกออกผลเป็นวิมานในฝันที่สวยงามดังที่ตัวท่านได้เห็นอยู่ในตอนนี้ในระหว่างที่ท่านเทพบุตรกำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมภุมมเทวานั้นก็ได้มีพระไปเยี่ยมท่านที่ตัววิมาน
และในระหว่างที่ท่านเทพบุตรใหม่ กำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมภุมมเทวาระดับกลางอย่างมีความสุขอยู่นั้น คือกำลังเอนกายอย่างสบายอกสบายใจอยู่ภายในศาลากลางวิมาน ก็ได้มีพระไปเยี่ยมท่านที่ตัววิมาน เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของท่าน ในแว้บแรก ที่ท่านเทพบุตรใหม่ ได้เห็นพระธรรมกายแบบองค์เป็นๆ ท่านเทพบุตรใหม่กจึงรู้สึกอึ้ง แล้วก็ทึ่ง กับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่พอท่านเทพบุตรใหม่ ตั้งสติได้ ท่านก็รีบคุกเข่าพนมมือ แล้วก็ก้มลงกราบพระธรรมกายที่พื้นอย่างนอบน้อมด้วยความรู้สึกปลื้มปีติและดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ที่มีพระที่มีรูปร่างลักษณะอันงดงาม แถมมีรัศมีกายสว่างไสวเมตตามาเยี่ยมท่านถึงตัววิมานจากนั้นท่านเทพบุตรใหม่ ก็ได้ซักถามถึงที่มาที่ไปของการเดินทางมาของพระ ด้วยอาการประหม่าหรือกล้าๆ เกรงๆ เพราะไม่เคยเห็น ในทำนองที่ว่า “ พระคุณเจ้าเป็นใคร และพระคุณเจ้ามาจากไหน ”พระธรรมกายท่านก็ได้เมตตาประทานโอวาทและสอนให้ท่านเทพบุตรใหม่ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
ภายหลังจากที่พระธรรมกายได้บอกถึงการเดินทางมาในครั้งนี้แล้ว พระธรรมกายท่านก็ได้เมตตาประทานโอวาทและสอนให้ท่านเทพบุตรใหม่ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท อย่ามัวหลงเพลิดเพลินกับทิพยสมบัติรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้เห็นอยู่ในขณะนี้ โดยให้ท่านเทพบุตรใหม่หมั่นตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกๆ บุญ และให้หมั่นนั่งสมาธิตามที่พระลูกชายของท่าน ได้เคยสอนเอาไว้ในสมัยที่ตัวท่านเทพบุตรใหม่ยังมีชีวิตอยู่เป็นประจำ คือให้เอาใจไปเกาะเกี่ยวอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เพื่อที่บุญในอดีตและบุญในปัจจุบันของท่านเทพบุตรใหม่ รวมถึงบุญของลูกๆ โดยเฉพาะบุญของพระลูกชาย ซึ่งมีกำลังมากที่สุด จะได้ช่องตามมาส่งผล ซึ่งจะเป็นผลทำให้ท่านได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้ ถ้าหากท่านเทพบุตรใหม่อยากไปเจอกับสังคมที่ดีกว่านี้ มีความสุขที่ละเอียดประณีตมากกว่านี้ และมีความสะดวกสบายมากกว่านี้ ตัวท่านเทพบุตรใหม่ก็ต้องตั้งใจนั่งสมาธิและหมั่นตรึกระลึกนึกถึงบุญอย่าให้ขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว ซึ่งท่านเทพบุตรใหม่ ก็ได้รับปากกับพระธรรมกายว่า“ ตัวท่านจะทำตามที่พระได้บอกกล่าวเอาไว้ทุกประการ”ก่อนที่พระธรรมกายท่านจะกลับ ท่านเทพบุตรใหม่ได้ฝากสารแห่งความรักและขอบคุณมาถึงลูกๆ ของท่าน
และก่อนที่พระธรรมกายท่านจะกลับ ท่านเทพบุตรใหม่ ก็ได้ฝากสารแห่งความรักและขอบคุณมาถึงลูกๆ ของท่านโดยเฉพาะพระลูกชายในทำนองที่ว่า “ วันนี้ท่านรู้สึกปลื้มปีติใจเป็นอย่างมากที่มีพระ (หมายถึงพระธรรมกาย) มาเยี่ยม ในตอนนี้ท่านรู้ซึ้งแล้วว่าการทำความดีมันส่งผลต่อตัวเรายังไง เพราะชีวิตของท่านในตอนนี้สุขสบายดีทุกอย่าง สบายยิ่งกว่าตอนที่เป็นมนุษย์เสียอีก และเมื่อท่านได้ยินพระ พูดว่าตัวท่านสามารถจะไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่านี้ได้ ท่านจึงรู้สึกอยากไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่านี้ ท่านจะพยายามนั่งสมาธิและนึกถึงบุญทุกๆ วันตามที่พระ ได้บอกเอาไว้ และท่านอยากให้พระลูกชายรวมถึงลูกๆทุกๆ คน ช่วยกันทำบุญและอุทิศบุญส่งมาให้ท่านอีกเยอะๆ เพราะพระได้บอกกับท่านว่าท่านจะไปอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่านี้ได้ท่านจะต้องมีบุญที่เยอะกว่านี้ ”ท่านอยากให้พระลูกชาย ตั้งใจบวชเรียนเป็นพระที่ดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อที่พระลูกชาย จะได้เป็นที่พึ่งให้กับพี่ๆ น้องๆ ทุกคน
และสารสุดท้ายที่ท่านเทพบุตรใหม่ อยากฝากถึงลูกทุกๆ คนก็คือ “ ท่านอยากขอบคุณลูกทุกๆ คนที่ช่วยกันจัดงานศพให้กับท่านเพราะท่านได้เห็นถึงความตั้งใจที่แต่ละคนได้ทำให้กับท่าน และท่านอยากจะบอกความในใจที่ตัวท่านไม่ค่อยได้เอื้อนเอ่ย หรือแสดงออกมาเป็นคำพูดให้กับพระลูกชาย ได้รับรู้ว่า “ ท่านรู้สึกภูมิใจในตัวพระลูกชายคนนี้มากๆ ท่านอยากให้พระลูกชาย ตั้งใจบวชเรียนเป็นพระที่ดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อที่พระลูกชาย จะได้เป็นที่พึ่งให้กับพี่ๆ น้องๆ ทุกคน
ส่วนว่าบุพกรรมใดที่ทำให้โยมพ่อของลูกเสียชีวิต อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุหกล้มหัวฟาดพื้นอย่างรุนแรง
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
http://goo.gl/Wq8Kg